ตลอด 22 ปีของเส้นทางดนตรี ผ่านร้อนผ่านหนาวและผ่านมาทุกยุค ตั้งแต่คาสเซ็ทเทปมาจนถึงการสตรีมมิ่งเพลงออนไลน์ แต่ผู้ชายคนนี้ก็ยังคงได้รับความนิยมและได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงมาตลอด จากวงร็อคยอดนิยมยุค 90 ก้าวสู่การเป็นศิลปินเดี่ยวเต็มตัว และมีผลงานออกมามากมาย รวมไปถึงการ Featuring กับศิลปินต่างๆ ก็สร้างผลงานโดดเด่น และประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ชื่อเดียวที่เรานึกถึงก็คือ “หนุ่ม กะลา” หรือ ณพสิน แสงสุวรรณ
มากไปกว่าความสำเร็จในอาชีพของการเป็นศิลปิน เรายังพบว่าตลอดเส้นทางชีวิตของผู้ชายคนนี้ไม่เคยยอมแพ้แม้จะล้มและลุกสักกี่ครั้ง และที่สำคัญเลยคือ เขาพยายามสร้างตัวตนและเรียนรู้ศึกษาโลกออนไลน์อย่างจริงจัง เพื่อให้เขาสามารถตอบรับและเข้าถึงแฟนๆ ได้ทุกช่องทาง ถือเป็นศิลปินคนหนึ่งที่สามารถปรับตัวได้เร็วเข้ากับยุคดิจิทัลในปัจจุบัน ซึ่งเรามองว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับทุกคนไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษา นักธุรกิจ นักการตลาด ที่กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาและการปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อความสำเร็จและความฝันในยุคดิจิทัลนี้
เส้นทางเริ่มต้นจาก ‘ศูนย์’ ที่ไม่เคยยอมแพ้
อาจจะเรียกได้ว่าเส้นทางศิลปินของ “หนุ่ม” เริ่มจาก ‘ศูนย์’ ด้วยการประกวดบนเวทีดัง ได้แก่ “ฮอตเวฟ มิวสิค อวอร์ด” โดยเข้าประกวดครั้งแรกตอน ม.5 ก็ไม่ชนะ แล้วก็เข้าประกวอดอีกครั้งที่ 2 ก็ตกรอบอีก โดยเข้าไปในรอบ 30 วงสุดท้าย แต่ทั้งสองครั้งก็ไม่ทำให้เขาท้อ เขาตัดสินใจลงประกวดอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 3 โดยครั้งนี้วงของเขาก็สามารถเข้าไปสู่รอบ 10 วงสุดท้ายได้ ถือว่าลึกที่สุดตั้งแต่ลงประกวดมา
แต่แม้ว่าจะไม่ชนะ เขาก็ไม่เคยล้มเลิกความฝันในการเป็นศิลปินเลย สุดท้ายหลังจากพลาดไปถึง 3 ครั้ง จู่ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากแกรมมี่ให้เข้าไปสกรีนเทสต์ ซึ่งในวันนั้น ก็ไม่ได้มีแต่ “วงกะลา” วงเดียวยังมีอีกหลายวงที่เข้าไป ก็ยังต้องแข่งขันกับวงอื่นๆ อีก แต่ด้วยความที่ “หนุ่ม” เป็นเด็กที่ใฝ่ฝันจะเป็นศิลปินตั้งแต่เด็ก เขาจึงฝึกฝนการแต่งเพลงมาตลอด และเขาได้นำเพลงที่ตัวเองแต่งเอาไว้ นำไปใช้ในการเทสต์ในวันนั้นด้วย ทำให้สุดท้ายแล้ววงกะลาก็ได้เซ็นสัญญากับแกรมมี่ในที่สุด
ชีวิตที่ล้มแล้วลุก กับการประกาศยุบวงถึง 2 ครั้ง
ในที่สุดปี 2542 อัลบั้มแรกของ “หนุ่ม” ในนามวงกะลาก็ออกมา โดยใช้ชื่อเดียวกับวงได้แก่ “กะลา” โดยมีเพลงฮิตอย่าง “แม่ครับ” “ไม่มาก็คิดถึง” และ “รอ” ตามมาด้วยอัลบั้มที่ 2 ปี 2544 ในชื่อ “นอกคอก” มีเพลงฮิต ได้แก่ “ขอเป็นตัวเลือก” “อยากเกิดเป็นคนหลายใจ” และ “สัญญา” ไม่รอช้าอัลบั้มที่ 3 “My Name is Kala” ก็ออกมาโดยมีเพลงฮิตได้แก่ “My Name Is Kala” “บอกสักคำ” และ “เธอเป็นแฟนฉันแล้ว” ซึ่งเป็นเพลงที่ทำให้วงกะลาได้ขึ้นไปสู่จุดที่ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และจากความดังในช่วงนั้น ทำให้ “หนุ่ม” ได้มีโอกาสแสดงภาพยนตร์เป็นครั้งแรกโดยประกบคู่กับ “แบงค์ วงแคลช” ในหนังเรื่อง ‘พันธุ์ X เด็กสุดขั้ว’ ในปี พ.ศ. 2547
แต่เมื่อถึงจุดสูงสุดก็ย่อมมีขาลง วงกะลา เดินทางมาถึงอัลบั้มที่ 6 ในชื่อ “Minute” ในปี พ.ศ. 2551 ซึ่งต้องเผชิญทั้งการดิสรัพท์ของ MP3 และดาวน์โหลดฟรี หรือแม้แต่การเริ่มหมดไฟในการทำงานและงานจ้างที่น้อยลง ทำให้อัลบั้มชุดนี้ไม่ประสบความสำเร็จตามเป้า ในที่สุด “หนุ่ม” ก็ตัดสินใจลาออกจากวง พร้อมกับมีปัญหาสุขภาพจิตและปัญหาสุขภาพกายรุมเร้า ซึ่งหลังจากฟื้นฟูจิตใจและรักษาตัวแล้ว “หนุ่ม” ก็กลับมาใหม่อีกครั้งกับสมาชิกวงใหม่ พร้อมออกอัลบั้มชุดที่ 7 ของกะลา ในปี 2553 ได้แก่อัลบั้ม “4 Share” และตามมาด้วย อัลบั้มชุดที่ 8 “Love Infinity” ในปี 2555 แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากทั้งแฟนกลุ่มเก่าและใหม่ ทำให้หนุ่มขอลาออกอีกครั้งและประกาศยุบวง ในปี 2557
จิตวิญญาณนักสู้ ก้าวสู่ศิลปินเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จ
หลังจากที่บอบช้ำจากการทำวงรอบ 2 ไม่สำเร็จ แม้จะเจ็บปวดแต่ “หนุ่ม” ที่ยังคงรักในดนตรีและรักในอาชีพการเป็นนักร้อง เขายังเก็บความฝันเอาไว้อยู่ พร้อมกับเยียวยาร่างกายและจิตใจ เดินหน้าเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ในแกรมมี่ โดยยืนยันถึงความฝันของเขา ซึ่งทำให้เขาได้รับคำแนะนำในการพัฒนาปรับปรุงตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การปรับบุคลิกภาพ การฝึกฝนพัฒนาทักษะการร้องการเต้นให้เพิ่มขึ้นจากผู้เชี่ยวชาญ ให้เขากลับมาฟิตและเฟิร์มอีกครั้ง พร้อมบุคลิกใหม่ที่สุขุมนุ่มลึกมากขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ สิ่งที่สะท้อนความเป็นไม่ยอมแพ้ของเขา กับเส้นทางวงการดนตรีมากว่า 15 ปี “หนุ่ม” ซึ่งไม่เคยมีคอนเสิร์ตใหญ่ของวงสักครั้งเลย แต่เขาพร้อมจะลุกขึ้นสู่ใหม่ในฐานะศิลปินเดี่ยว และฟูมฟักตัวเองในเวลา 3 ปี ในที่สุดก็สามารถมีคอนเสิร์ตใหญ่ในฐานะศิลปินเดี่ยวได้ ในนาม ‘NUM KALA’ ภายใต้ชื่อคอนเสิร์ตว่า Chang Music Connection Presents MY NAME IS NUM KALA CONCERT 19 ปีที่ “รอ” #ไม่มาก็คิดถึง เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2561 ที่ผ่านมา จัดยิ่งใหญ่ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี จัดการแสดงถึง 2 รอบ บัตรทั้ง 2 รอบจำหน่ายหมดภายในเวลาไม่นาน และทำให้ “หนุ่ม” ได้กลับมายืนอยู่ในจุดที่เรียกได้ว่า ประสบความสำเร็จอีกครั้ง และเป็นที่รักของแฟนๆ จนถึงปัจจุบัน
สลัดภาพเด็กหนุ่ม สู่ลุคสุดคูลของศิลปินระดับตำนาน
จากจุดเริ่มต้นที่มาจากศูนย์ไปจนถึงชีวิตที่ประสบความสำเร็จถึงขีดสุด แล้วก็ต้องเผชิญช่วงชีวิตที่ล้มลุกคลุกคลาน จวบจนมาถึงการกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง “หนุ่ม” ไม่เคยละมือจากความฝันและสร้างความสุขให้แฟนผ่านเสียงเพลงมาตลอด ความนิยมของเขาพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ จากที่เคยเป็นขวัญใจวัยรุ่นยุค 90 จนถึงปัจจุบันเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ กลุ่ม Office Worker ด้วยการปรับภาพลักษณ์ใหม่ที่เติบโตขึ้น เป็นหนุ่มใหญ่ที่มีความเป็น Urban สไตล์ เท่และไม่ตกยุค ล่าสุดกับการไปถ่ายแบบให้กับนิตยสาร GQ Thailand ซึ่งถือเป็นนิตยสารของคนรุ่นใหม่ที่มีสไตล์ความเป็น Urban Chic ทำให้ความนิยมของหนุ่มในกลุ่มวัยทำงานมีเพิ่มมากขึ้น หรือแม้แต่การโปรโมทผ่านขบวนรถไฟฟ้า BTS ทั้งขบวน เมื่อช่วงพฤศจิกายน 2021 ที่ผ่านมา ก็ได้รับเสียงฮือฮาตอบรับจากแฟนๆ มีการโพสต์ภาพชื่นชมผ่านโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก
รวมไปถึงการไปออกตามรายการต่างๆ ก็มีความเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถให้แง่คิดในการทำงานและให้มุมมองชีวิตต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ทำให้ได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนๆ ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ สะท้อนให้เห็นว่า “หนุ่ม” คือขวัญใจของ Office Worker บนภาพลักษณ์ที่ยกระดับความเป็น Urban Chic โดดเด่นอย่างมีสไตล์ได้เป็นอย่างดี
การไม่หยุดเรียนรู้ พร้อม Upskill ทักษะทางด้านดิจิทัล
นอกจากนี้ เมื่อโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล วงการดนตรีเองก็ไม่อาจหนีการ Disruption ได้เช่นกัน “หนุ่ม” ซึ่งผ่านมาแล้วกับยุคอนาล็อกและวงการเพลงแบบคาสเซ็ทเทป เขาตระหนักดีว่าการไม่พัฒนาตัวเองจะเป็นเช่นไร ดังนั้น ด้วยบทเรียนชีวิตอันล้ำค่า เขาตัดสินใจเรียนรู้เรื่องการทำคอนเทนต์ออนไลน์ด้วยตัวเอง ทั้งการเปิดช่องชาแนล Youtube และ Facebook ของตัวเอง เพื่อให้สื่อสารกับแฟนๆ ได้หลายช่องทางสอดรับกับยุคดิจิทัลไลฟ์โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด ที่ไม่สามารถจัดอีเวนท์หรือคอนเสิร์ตต่างๆ ได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นการ LIVE ร้องเพลง หรืออัพเดท Content lifestyle ของตัวเอง เพื่อให้แฟนคลับได้เห็นตัวตนของเขาในแง่มุมอื่นๆ บ้างนอกจากเรื่องของการร้องเพลง ซึ่งยอด engagement แต่ละครเทนต์ก็สูงมากทีเดียว หลายคลิปสามารถแตะทำยอดวิวได้มากกว่า 1 ล้านวิวเลยทีเดียว
มากไปกว่าเรื่องการศึกษาการทำคอนเทนต์ออนไลน์ “หนุ่ม” ยังเรียนรู้การเรื่อง Digital Marketing เพื่อทำสามารถใช้งานแพล็ตฟอร์มต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเข้าใจ รวมไปถึงวิธีในการยิง Ad โฆษณาต่างๆ ด้วย รวมไปถึงเปิดรับแพล็ตฟอร์ใหม่ๆ อย่าง TikTok ซึ่งได้รับการตอบรับดีมากเช่นกัน
@numkala.nkl Official MV #กลับไปก่อนได้ไหม ซิงเกิ้ลใหม่ NUM KALA Feat.URBOYTJ จากอัลบั้ม “JOY”ชมได้แล้วที่ YouTube/Genierock🎬 youtu.be/p4JICbYbDow#numkala ♬ เสียงต้นฉบับ – NUM KALA
2021 ปีทองของคนชื่อ “หนุ่ม-ณพสิน แสงสุวรรณ” ความสำเร็จของความไม่ยอมแพ้
ในขณะที่มุมของทางดนตรี ในปี 2021 ถือเป็นปีที่ท็อปฟอร์มของ “หนุ่ม” มากทีเดียว โดยเฉพาะกับอัลบั้มชุดที่ 10 ที่ชื่อว่า “JOY” ถือว่าเปิดตัวได้ประสบความสำเร็จมาทีเดียว โดยเฉพาะกับเพลง “จม” ที่มียอดวิวเฉพาะใน Youtube ก้าวไปมากกว่า 20 ล้านวิว
รวมไปถึงการสร้างสีสันใหม่ให้กับตัวเอง ด้วยการไปฟีเจอร์ริ่งกับศิลปินคนอื่นๆ อาทิ BOY PEACEMAKER ในเพลง “ไม่อาจหยุดรัก” และล่าสุดกับการร่วมงานกับ URBOYTJ ในเพลง “กลับไปก่อนได้ไหม” ซึ่งไม่ได้มีดีแค่พลง แต่เป็นอีกสิ่งที่ทำให้ “หนุ่ม” ได้โชว์สกิลการเต้นด้วย ซึ่งท่าเต้นก็นำมาจากท่าจริงๆ ของการโบกรถของตำรวจจราจร
แต่ที่พีคสุดคงเป็นโอกาสได้ร่วมงานกับศิลปินระดับตำนานของประเทศ “เบิร์ด ธงชัย” ซึ่งถือว่าเป็นความฝันที่เป็นจริงของ “หนุ่ม” โดยเขาเคยให้สัมภาษณ์ถึงความตื่นเต้นในเรื่องนี้ว่า
“…มันไกลเกินกว่าที่เราจะฝันถึงเรื่องนี้ เพลง “ทุกวันได้ไหม” เป็นเพลงที่พูดถึงความคิดถึง ถูกแต่งขึ้นช่วงโควิด แต่งด้วยความคิดถึง วันหนึ่งผมโพสต์ในเฟซบุ๊กถามแฟนเพลงว่า…อยากให้ผมฟีเจอริงกับใครในอัลบั้มนี้ โพสต์เสร็จ พี่นกน้อย-ผู้จัดการ “พี่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์” ส่งไลน์มาบอกว่า “พี่มีเด็กในสังกัดคนนึง…หนุ่มสนใจมั้ย” ตอนนั้นผมคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่น แซวกันจนพี่นกน้อยบอกว่าพี่เบิร์ดขอฟังเพลง ผมก็จริงเหรอ! รีบส่งเพลงให้ฟัง 5 นาทีต่อมาพี่เบิร์ดโทร.กลับมาเอง “เพลงเพราะมากเลยหนุ่ม เดี๋ยวเรามาร่วมกันร้องเพลงนี้ให้แฟนๆ ของเรากันนะ” นาทีที่พี่เบิร์ดพูดเสร็จ ผมไม่ได้ยินอะไรอีกแล้วคือหูมันอื้อไปหมด กระโดดโลดเต้นดีใจ สุดๆ ในบ้านเลย เกินฝันมากๆ ครับ …” (ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)
นอกจากนี้ อีกหนึ่งบทพิสูจน์ความเป็นศิลปินคนคุณภาพ คือการได้โอกาสมาเป็นกรรมการการประกวดThe Star Idol เทียบเคียงกับศิลปินคุณภาพอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์, ลีเดีย-ศรัณย์รัชต์ ดีน และ นนท์-ธนนท์ จำเริญ ซึ่งสะท้อนว่าเขาคือศิลปินที่เป็นแบบอย่างให้กับศิลปินรุ่นน้องหรือเด็กรุ่นใหม่ที่ต้องการแจ้งเกิดในวงการ
ความสำเร็จในปี 2021 สะท้อนว่า ชายคนนี้คือต้นแบบของคำว่า ยอมแพ้ไม่มีอยู่จริง ไม่ว่าจะล้มกี่ครั้งเขาก็ยังลุกขึ้นมาได้ใหม่ ดังนั้น ความล้มเหลวจึงไม่ใช่อุปสรรค แต่คือบันไดที่ทำให้เขาก้าวไปสู่ความสำเร็จอีกขั้นขึ้นไปอีก แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งสำคัญที่เราได้เรียรรู้จากเขาคือ การไม่หยุดยั้งในการพัฒนาฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอ
เช่นเดียวกับการทำธุรกิจ ที่เราไม่ควรจะหยุดนิ่งที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ความสำเร็จหรือความรู้ในอดีตไม่อาจช่วยให้ประสบความสำเร็จได้ แต่จะต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ต้อง Reskill Upskill อยู่ตลอดเวลาด้วย นั่นจึงจะทำให้คุณประสบความสำเร็จในทุกๆ เรื่อง เส้นทางชีวิตของ “หนุ่ม” น่าจะเป็นบทเรียนล้ำค่าให้กับทุกคนได้เรียนรู้ทั้งเรื่องการใช้ชีวิตและการทำงานให้ประสบความสำเร็จต่อไปได้.