เปิดตำนานทางดนตรีบทใหม่ “THE POWER BAND” เวทีประกวดดนตรีส่งท้ายปีจาก King Power

  • 2.3K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ถ้าพูดถึงองค์กรธุรกิจที่ช่วยเหลือสังคมไทยเสมอมา หนึ่งในนั้นคงต้องมี King Power โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนด้านกีฬา ที่มอบโอกาสให้เด็กๆ และเยาวชนไทยได้สานต่อความฝันสู่นักเตะมืออาชีพ รวมไปถึงการส่งเสริมและสนับสนุนด้านกีฬาอย่างจริงจังผ่านการมอบลูกฟุตบอลและการสร้างสนามฟุตบอลให้กับโรงเรียน และชุมชนหลายแห่งทั่วประเทศ

นอกจากนี้ King Power ยังส่งเสริม และผลักดันศักยภาพของคนไทยในด้านดนตรีผ่านการประกวด ซึ่งจัดอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยครั้งนี้ King Power Thai Power พลังคนไทย ร่วมกับวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดงาน “THE POWER BAND” เวทีประกวดวงดนตรีส่งท้ายปีระดับประเทศของไทย ที่ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิในแวดวงทางดนตรีทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลังมาร่วมเป็นกรรมการตัดสิน

หลายปีที่ผ่านมา เวทีประกวดดนตรีมีน้อยลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้จัดการประกวดมีน้อยลง ประกอบกับในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญและเติบโตขึ้น ทำให้การทำงานเพลงสามารถทำได้ที่บ้าน (Home Studio) แถมยังสามารถปล่อยเพลงผ่านสื่อต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ขณะที่ผู้คร่ำหวอดในแวดวงดนตรีเห็นว่า เวทีประกวดยังมีความสำคัญเพราะศิลปินต้องอาศัยประสบกาณ์การฟังให้มาก ฝึกฝนและเก็บเกี่ยวประสบการณ์หรือการได้ลงเวทีจริงบนพื้นที่การประกวดนั่นเอง

จึงเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่าง “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” และวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดเวทีประกวดดนตรีสุดยิ่งใหญ่แห่งปี “THE POWER BAND” เวทีประกวดวงดนตรีสากลสมัยนิยม ผสมเครื่องเป่าประจำปี 2564 ผ่านการประกวดในรูปแบบ Live Streaming เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่จะได้มีเวทีปล่อยของ และแสดงศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่

ที่สำคัญยังมีมุมมองของการจัดงาน THE POWER BAND ผ่านสายตาของกูรูด้านดนตรี นำโดย ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และนักประพันธ์ระดับโลกรางวัล The Charles Ives Awards สาขาการประพันธ์เพลง ในฐานะตัวแทนผู้ร่วมจัด THE POWER BAND กล่าวว่า เวที THE POWER BAND เรียกได้ว่าเป็นเวทีที่มีความท้าทายอย่างมากเวทีหนึ่งเนื่องจากมีโจทย์ให้ผู้เข้าแข่งขันได้ท้าทายความสามารถ ต้องแต่งเพลงเอง เพื่อมุ่งเน้นเรื่องการสร้างสรรค์ ขณะที่เวทีอื่นไม่ได้บังคับ รวมไปถึงการเล่นเครื่องเป่าผสมผสานกับวงดนตรีสมัยนิยมซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากเครื่องเป่าเกิดมาจากวงโยธวาทิตที่เน้นการอ่านโน้ตเป็นหลัก แต่วงดนตรีที่ใช้การแกะเพลงต้องใช้สกิลที่แตกต่างกัน

 

 

ดังนั้น จึงต้องอาศัยการวางตัวโน้ต การเรียบเรียงและความพร้อมเพรียงในการเล่นร่วมกัน ทั้งนี้ จุดมุ่งหมายสำคัญของเวทีนี้ คือ เน้นการสร้างสังคม รูปแบบการสร้าง Collaboration ระหว่างเด็กวงโยธวาทิตกับเด็กดนตรีสากล และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้เกิดการทำงานและเล่นดนตรีร่วมกัน มากกว่าเป็นเพียงแค่การจัดงานอีเว้นท์ โดยการประกวดในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากมิวสิคกูรูแถวหน้าของเมืองไทยจากหลากหลายสาขาอาชีพร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน

 

 

สำหรับนักปั้นศิลปินแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง นิค-วิเชียร ฤกษ์ไพศาล ผู้ก่อตั้งค่ายเพลง Genie Records ชี้ว่า ทุกการสร้างสรรค์งานดนตรีเริ่มจากการเรียนรู้จากต้นแบบ ต้องมั่นฝึกฝน แกะเพลงให้เยอะๆ ใช้ระยะเวลา 10 ปีเป็นอย่างต่ำกว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง อาทิ BodySlam, Labanoon, Clash และ KALA ที่ล้วนผ่านเวทีประกวดมาแล้วทั้งสิ้น แต่พื้นที่แสดงความสามารถทางดนตรีของเด็กไทยในรูปแบบเวทีการประกวดในปัจจุบันกลับน้อยลงทุกวัน ถือเป็นโอกาสดีมากๆ ของคนในแวดวงดนตรีที่เวที THE POWER BAND จะกลับมาสร้างพลังและสานต่อความฝัน พร้อมสร้างความคึกคักให้วงการดนตรีอีกครั้ง เพราะเป็นเวทีประกวดที่มีการส่งเสริมอย่างจริงจัง เน้นวงดนตรีที่มีการสร้างสรรค์ และความสามารถเชิงทฤษฎีที่ถูกต้อง

 

 

ขณะที่โปรดิวเซอร์มือทอง พล-คชภัค ผลธนโชติ ผู้บริหารค่ายเพลง Boxx Music เห็นว่า ความแข็งแรงของเวทีนี้ คือ ผู้จัดงานมีเป้าหมายที่ชัดเจน ทั้งกลุ่มบริษัท King Power ที่มีนโยบายในการสนับสนุนคนไทยด้านดนตรีมาอย่างต่อเนื่อง และ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่เป็นเบอร์ต้นๆ ของประเทศในการผลิตคนคุณภาพทางดนตรีออกสู่อุตสาหกรรมเพลงไทย นี่คือโอกาสครั้งใหญ่และขอให้น้องๆ เตรียมตัวมาให้พร้อม เพราะเวทีประกวดให้สิ่งดีๆ กลับไปเสมอ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ อย่างน้อยก็ได้ชนะตัวเองเพราะเล่นตามโจทย์ที่ได้ฝึกซ้อมมา ทั้งนี้ ที่สุดของการเป็นศิลปิน คือไม่อยากให้มองแค่ความสวยหรูว่า จะเป็นศิลปินอยู่เบื้องหน้าเพียงอย่างเดียว แต่ดนตรีอยู่ในทุกบทบาทที่สามารถทำได้หลายอาชีพ รวมไปถึงการทำงานเบื้องหลัง เช่น นักแต่งเพลง วิศวกรเสียง ตลอดจนช่างเทคนิคที่ดูแล ทดสอบ และเตรียมเครื่องดนตรีบนเวทีให้กับศิลปิน

 

 

นอกจากนี้ประสบการณ์ชั้นครูของ เช่-อัคราวิชญ์ พิริโยดม นักดนตรีวง The Richman Toy และหัวหน้าสาขาวิชาดนตรีสมัยนิยม มหาวิทยาลัยมหิดล เสริมว่า ในปัจจุบันเวทีการประกวดของต่างประเทศที่น่าสนใจอย่างการประกวดยูโรวิชั่น ซอง คอนเทสต์ ประเทศอิตาลี ที่มีมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีศิลปินระดับโลกมาร่วมเล่นคอนเสิร์ต ประกอบกับความร่วมสมัยของโปรดักชั่นที่ตระการตาด้วยแสง สี แสงได้อย่างลงตัว ซึ่งตอนนี้เป็นยุคสมัยที่มีความก้าวหน้าของเทคโนโลยี นักดนตรีสามารถทำเพลงเองได้และสามารถปล่อยผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียได้อย่างง่ายดาย

 

 

ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในปัจจุบัน ทำให้นักดนตรีสามารถทำเพลงเองได้จากที่บ้านหรือเรียกว่า Home Studio ซึ่งต้องยอมรับว่าในปัจจุบันวงการดนตรีของไทย คนรุ่นใหม่มีฝีไม้ลายมือที่ฉกาจใกล้เคียงกับต่างประเทศมาก เพราะ เทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถหาไอเดียและรู้เทรนด์เพลงทั่วโลกได้ง่ายแค่เพียงปลายนิ้ว และนำเทคนิคมาปรับใช้ เรียกได้ว่า เป็นช่วงเวลาสำคัญที่อุตสาหกรรมเพลงไทยกำลังพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งในประเทศไทยเวทีการประกวด THE POWER BAND เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ส่งเสริม พัฒนา และสนับสนุนเพื่อเป็นบันไดให้เยาวชนและประชาชนคนไทยพร้อมสำหรับการก้าวสู่ระดับนานาชาติได้อย่างเต็มภาคภูมิ

 

 

สามารถติดตามรับชมการประกวดได้พร้อมๆ กัน ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ THE POWER BAND เวทีประกวดวงดนตรีสากลสมัยนิยม ผสมเครื่องเป่า ประจำปี 2564 และมินิคอนเสิร์ตสุดพิเศษ จาก อิ้งค์-วรันธร เปานิล และ Season Five ได้ผ่าน Live Streaming ที่ช่องทาง Facebook และ YouTube: King Power Thai Power พลังคนไทย ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 ตั้งแต่เวลา 9.30 น. เป็นต้นไป

# KingPowerThaiPowerพลังคนไทย  #ThePowerBand


  • 2.3K
  •  
  •  
  •  
  •