ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยี เข้ามามีบทบาทในทุกๆ ส่วนและทุกๆ ธุรกิจ วันนี้ถ้าไม่ปรับตัวหรือรู้จักที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ ไม่ช้าธุรกิจของคุณก็จะถูก Disrupt ในที่สุด ซึ่งหลายธุรกิจก็เริ่มดำเนินการแล้ว รวมไปถึงธุรกิจร้านกาแฟ ที่ตอนนี้นับว่าเติบโตสูงมากในประเทศไทย ลองมาดูว่าแบรนด์กาแฟยุคใหม่ที่ประสบความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีมาใช้นั้นเขาทำอะไรกันบ้าง
Flash Coffee
Flash Coffee ร้านกาแฟที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเปิดตัวแอปพลิเคชันสำหรับผู้บริโภคในประเทศไทยแล้ววันนี้ โดยมาพร้อมฟีเจอร์ต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงความสะดวกสบายได้อย่างเหนือระดับ เช่น ฟังก์ชั่นการสั่งเครื่องดื่มล่วงหน้า จากนั้นจึงไปรับด้วยตนเองที่สาขาที่ใกล้ที่สุด ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาต่อคิว นอกจากนี้ แอปพลิเคชันใหม่ล่าสุดจาก Flash Coffee ยังนำเสนอโปรแกรมสานสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้า กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ และฟีเจอร์ทางการตลาดในรูปแบบเกมผ่าน Flash Challenges
เดวิด บรูเนียร์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ เซบาสเตียน ฮานเน็คเกอร์ ผู้ก่อตั้ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน กล่าวถึงแนวคิดเบื้องหลังการเปิดตัวแอปพลิเคชันซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัทว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปในหลายๆ ด้าน แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ผู้คนต่างก็ยังคงมองหากาแฟคุณภาพดีที่พวกเขาสามารถดื่มได้ที่บ้านหรือที่ทำงานอย่างมีความสุขและรู้สึกปลอดภัย แอปพลิเคชันใหม่จาก Flash Coffee ช่วยให้ลูกค้าของเราไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวที่หน้าร้านนานๆ แต่ช่วยให้พวกเขาสามารถกดสั่งซื้อได้ล่วงหน้าและเข้าไปรับเครื่องดื่มได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับสิทธิพิเศษมากมายเฉพาะสำหรับสมาชิกแอปเท่านั้น
“การเปิดตัวแอปพลิเคชันสำหรับผู้บริโภคในครั้งนี้ได้ตอกย้ำพันธกิจของ Flash Coffee ที่มุ่งพลิกโฉมวงการกาแฟในแถบเอเชีย รวมถึงในประเทศไทย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีอัตราการแข่งขันสูง อย่างไรก็ตาม ธุรกิจส่วนใหญ่ในตลาดยังคงดำเนินธุรกิจแบบออฟไลน์อย่างเต็มรูปแบบ แม้ว่าแบรนด์ Flash Coffee จะเปิดตัวท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ธุรกิจของเราในประเทศไทยถือว่าประสบความสำเร็จอย่างเกินความคาดหมาย โดยสามารถทำรายได้มากกว่าจุดคุ้มทุนนับตั้งแต่วันแรกและยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง Flash Coffee ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่จากการขยายจำนวนสาขาอย่างก้าวกระโดด โดยในช่วงปีที่ผ่านมา Flash Coffee ได้เปิดสาขาเพิ่มขึ้นถึงมากกว่า 40 สาขา นอกจากนี้ Flash Coffee ยังพบว่าในช่วงเวลาที่ท้าทาย ผู้บริโภคส่วนใหญ่ได้เลือกสั่งซื้อเครื่องดื่มผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงแนวโน้มพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคที่เน้นความเป็นดิจิทัลมากขึ้นในโลกภายหลังการแพร่ระบาด ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ในด้านเทคโนโลยี ระบบปฏิบัติงานที่เหนือชั้น ประกอบกับวิสัยทัศน์ในการสร้างแบรนด์ที่โดดเด่นและแตกต่าง Flash Coffee พร้อมแล้วที่จะช่วยผสานความสะดวกสบายในแบบฉบับการช้อปปิ้งออนไลน์เข้ากับประสบการณ์การซื้อสินค้าจากหน้าร้าน และจะเดินหน้าส่งมอบกาแฟ Specialty คุณภาพดี ผลิตจากเมล็ดพันธุ์อาราบิก้าแท้ ในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้สู่ผู้บริโภคจำนวนมากขึ้น โดยเราตั้งใจส่งมอบประสบการณ์สำหรับลูกค้าที่เหนือระดับยิ่งขึ้นผ่านแอปพลิเคชันของเราที่เปิดตัววันนี้” แพน พันธุ์ไพบูลย์ ลีนุตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ Flash Coffee ประเทศไทย กล่าว
หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการระดมทุนจากแหล่งสนับสนุนเงินทุนด้านเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง ร็อคเก็ต อินเตอร์เน็ต ในรอบซีรีส์ เอ เป็นจำนวนเงิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีส่วนช่วยผลักดันให้แอปพลิเคชัน Flash Coffee พร้อมเปิดตัวสู่ผู้บริโภคที่เป็นคอกาแฟสายเทคตัวจริงในประเทศไทย โดยมาพร้อมฟีเจอร์โดดเด่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- กดสั่งซื้อเครื่องดื่มล่วงหน้าและไปรับที่สาขาที่ใกล้ที่สุด ลูกค้าสามารถกดสั่งเครื่องดื่มล่วงหน้าผ่านทางแอป จากนั้นจึงเลือกสาขา Flash Coffee ที่ใกล้ที่สุดโดยคำนวณจากระบบจีพีเอส และยังสามารถระบุเวลาที่สะดวกเข้าไปรับ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาต่อคิว
- ระบบสมาชิกและการสานสัมพันธ์กับลูกค้า แอป Flash Coffee มีฟีเจอร์พิเศษเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าอัปเกรดระดับสมาชิกของตนเองเพื่อให้เข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ อีกขั้น ไม่ว่าจะเป็น อัตราการสะสมคะแนนเพิ่มขึ้น รับเมนูฟรีในแต่ละเดือน คำเชิญเข้าร่วมงานในโอกาสพิเศษต่างๆ จาก Flash Coffee ของที่ระลึกและของสมนาคุณ และอื่นๆ อีกมากมาย
- ฟีเจอร์ Challenges และการส่งเสริมการตลาดในรูปแบบเกม Flash Coffee มีระบบสร้างประสบการณ์แบบใหม่ที่ช่วยสร้างสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และลูกค้าผ่านกิจกรรมต่างๆ ภายในแอป ผ่านภารกิจการล่ารางวัลแสนสนุกและการเข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ เพิ่มเติม
- ฟีเจอร์การชำระเงิน ขณะที่สังคมไร้เงินสดในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แอปของ Flash Coffee ช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกชำระเงินค่าสินค้าได้ตามสะดวก ผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต อีกทั้งยังสามารถแลกรับเครื่องดื่มโดยใช้แต้ม Flash Points
นอกจากนี้ Flash Coffee ยังมีแอปสำหรับ “บาริสต้า” ซึ่งช่วยพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของหน้าร้านได้อย่างครอบคลุม ตลอดถึงช่วยให้สามารถส่งมอบประสบการณ์สำหรับลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น เพราะสามารถช่วยลดขั้นตอนในการจัดเตรียมเครื่องดื่มเพื่อให้บริการที่ดีขึ้น รวมถึงความสามารถในการจัดการอุปกรณ์และวัตถุดิบต่างๆ ภายในร้านผ่านระบบออนไลน์ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าจะมีมาตรฐานเดียวกัน และยังช่วยควบคุมปริมาณขยะที่เหลือทิ้งจากขั้นตอนต่างๆ อีกด้วย
“การนำเทคโนโลยีมาใช้ทำให้แบรนด์ของเราเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ โดยช่วยพัฒนาขั้นตอนการปฏิบัติงานโดยรวมและยังสามารถนำมาสร้างสรรค์ประสบการณ์ของลูกค้าได้อย่างตรงจุดยิ่งขึ้น ในฐานะแบรนด์ที่เน้นด้านนวัตกรรมที่ทันสมัย Flash Coffee พร้อมนำเสนอกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ๆ ที่ท้าทายและฉีกกฎแบบเดิมๆ ในขณะเดียวกัน เรามุ่งมั่นส่งมอบกาแฟคุณภาพดีให้คนในภูมิภาคแถบเอเชียสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น การเปิดตัวแอปพลิเคชันในประเทศไทยครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นว่าเราพร้อมขึ้นเป็นผู้นำตลาดกาแฟในยุคสมัยใหม่ และพร้อมที่จะแสดงศักยภาพของเราให้เหนือชั้นกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งถือเป็นภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากโรคระบาดโควิด-19” พันธุ์ไพบูลย์กล่าวปิดท้าย
สำหรับ Flash Coffee คือร้านกาแฟที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ และมุ่งมั่นเสิร์ฟเมนูเครื่องดื่มคุณภาพสูงระดับคว้าแชมป์ในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ ลูกค้าสามารถใช้แอปพลิเคชัน Flash Coffee ในการสั่งซื้อและชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ จากนั้นจึงไปรับสินค้าด้วยตนเองที่ร้านกาแฟสีเหลืองสะดุดตา หรือเลือกใช้บริการจัดส่งถึงที่จากแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ในแต่ละประเทศ เมนูกาแฟอันเป็นเอกลักษณ์ของ Flash Coffee นั้นได้รับการคิดค้นโดย อานนท์ ธิติประเสริฐ บาริสต้าแชมป์โลกลาเต้อาร์ตหนึ่งเดียวของไทย การันตีความแตกต่างที่ไม่สามารถหาได้จากร้านกาแฟอื่นทั่วไป เครื่องดื่มทุกแก้วเลือกสรรเฉพาะวัตถุดิบระดับพรีเมียมและใช้กาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าแท้ 100% เมนูเครื่องดื่มแนะนำที่ใครได้ลองแล้วต่างก็ติดใจ ได้แก่ อะโวลาเต้ นูเทลล่าลาเต้ และลิ้นจี่เอสเพรสโซโซดา เป็นต้น
Class Café
อีกเคสที่น่าสนใจจาก Class Café ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์กาแฟ ที่ใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อนธุรกิจเช่นกัน ก่อตั้งโดย “กอล์ฟ-มารุต ชุ่มขุนทด” พร้อมสร้างนิยามธุรกิจใหม่ขึ้นมาเป็น Open Coffee Platform คาเฟ่ที่เป็น Co-working Space สร้างกิจกรรมและพื้นที่แห่งโอกาสให้คนทั่วประเทศ ขยายสาขามาแล้ว 30 สาขา เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งมากในภาคอีสาน โดยได้รับความนิยมมากในจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี บุรีรัมย์ เป็นต้น โดยพื้นที่ที่เปิดในกรุงเทพฯ เนื่องจากราคาพื้นที่เช่าแพง จึงต้องมีพาร์ทเนอร์มาร่วมเปิดด้วย โดยเฉพาะ SCB ซึ่งได้นำเอาเทคโนโลยีมาร่วมกันพัฒนาด้วย
ทั้งนี้ มารุต เคยให้สัมภาษณ์ว่า ลำพังร้านกาแฟร้านเดียวคงไม่มีทางพัฒนาเทคโนโลยีและระบบที่ซับซ้อนเพื่อทำทุกอย่างได้ แต่เมื่อนำแพลตฟอร์มของแต่ละคนมาเชื่อมกัน ทุกคนได้ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด ธุรกิจของแต่ละคนก็เติบโต ดังนั้น เขาจึงให้นิยาม Class Café ว่าเป็น Open Coffee Platform ซึ่งเน้นความเป็นคอมมูนิตี้ด้วย เป็นพื้นที่แห่งโอกาส
สำหรับ Class Café ได้มีการใช้เทคโนโลยีมาใช้ในการรันธุรกิจด้วยเช่นกัน เปิดแอปพลิเคชั่นในการสั่งกาแฟได้ ทั้งส่งเดลิเวอรี่เอง หรือแม้แต่แชทแอนด์ช้อป คือสั่งแล้วมารับที่สาขา รวมถึงยังใช้วิธีการ LIVE เพื่อขายโปรดักส์ทั้งเครื่องดื่มและอาหารต่างๆ ด้วย
โดยในเรื่องของกาแฟ มารุต ระบุว่า คลาสมี Co-founder และทีมที่จบ Food Science ซึ่งให้ความสำคัญกับเรื่องของกาแฟมาก ออกไปเสาะหาเมล็ดกาแฟคุณภาพราคาดีจากคองโก บราซิลและในหลายประเทศ เพื่อให้ได้กาแฟที่ไม่แพงเกินไป คนเข้าถึงได้ทุกวัน รวมทั้งมีโรงคั่วกาแฟของตัวเองถึง 4 แห่ง โดยบาริสต้าของคลาสทุกสาขาควรชงกาแฟให้เสร็จภายใน 53 วินาที เสิร์ฟได้ภายใน 2 นาที และในทุกๆ 10 วินาทีจะต้องมีแก้วที่ 2 ออกมาให้ได้เหมือนกันทั้งหมด เพราะการเสิร์ฟได้เร็วทำให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในเวลาเร่งด่วนได้ ทั้งในช่วงจัดโปรโมชั่นและเวลาที่ลูกค้าสั่งแบบ Drive Through
จุดแข็งของ Class Café มีผู้ก่อตั้งสาย Tech ทำให้สามารถพัฒนาด้านเทคโนโลยีได้ไว ดังนั้น จึงทำการเชื่อมต่อร้านทุกสาขาเข้าด้วยกันผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เริ่มวางระบบหลังบ้าน เริ่มใช้แพลตฟอร์ม ERP เริ่มทำคลาวด์ของตัวเอง ซึ่งทำให้พบ Data มหาศาล จึงได้นำเทคโนโลยี AI และ Machine Learning เข้ามาช่วยในการทำ Data Prediction, Data Analytics เพื่อคาดเดาพฤติกรรมลูกค้าว่าจะสั่งเครื่องดื่มอะไร หรือหาแนวโน้มจากปัจจัยต่างๆ เพื่อนำเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุดทั้งในแง่โปรดักส์และการบริการ รวมถึงการวิเคราะห์พื้นที่ในร้านผ่าน Heat Map เพื่อให้เห็นว่าพื้นที่ในจุดใดที่ไม่ค่อยมีคนใช้งานด้วย
“การที่เราทำ DeepTech ทำ AI เหล่านี้กลายเป็นเกราะที่แข็งแรง และให้เรายืนในตลาดได้อย่างแข็งแกร่ง” มารุต กล่าว
ทั้งนี้ นอกเหนือจากธุรกิจกาแฟแล้ว ธุรกิจดั้งเดิมอื่นๆ ก็สามารถเรียนรู้ที่จะนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ได้เช่นกัน แล้วไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน คำว่า Disruption ก็ไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป.