‘การบริโภค’ ในไทยครึ่งหลังปี 64 เป็นอย่างไร และปัจจัยใดจะทำให้กลับมาฟื้นตัว

  • 5
  •  
  •  
  •  
  •  

การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโควิด-19 ระลอก 3 ส่งผลให้เศรษฐกิจในไตรมาส 2 ทรุดลงอีกครั้ง โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนที่หดตัวในทุกหมวดการใช้จ่าย ซึ่งเป็นผลจากมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดขึ้น การปิดกิจการบางประเภท อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว และกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ ประกอบกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงมาก

แม้จะมีเม็ดเงินเข้ามาพยุงเศรษฐกิจจากมาตรการของภาครัฐวงเงินถึง 1.5 แสนล้านบาทก็ตาม แต่ยังมีสัญญาณการบริโภคภาคเอกชนที่สะดุดลงสอดคล้องกับข้อมูล Google Mobility ด้านกิจกรรมค้าปลีกและกิจกรรมด้านภาคบริการ (กิจกรรมสวนสาธารณะและขนส่งสาธารณะ) ที่ปรับลงต่ำสุดในกลางเดือนพฤษภาคม 2564 โดยปรับลดมากกว่าช่วงการระบาดในรอบสอง

3 ปัจจัยหลักหนุนการบริโภคฟื้นตัวครึ่งปีหลัง

สำหรับปัจจัยที่จะทำให้การบริโภคของไทยช่วงครึ่งหลังปี 2564 มีการฟื้นตัว ทางศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ

การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโควิด-19 ระลอก 3 ส่งผลให้เศรษฐกิจในไตรมาส 2 ทรุดลงอีกครั้ง โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนที่หดตัวในทุกหมวดการใช้จ่าย ซึ่งเป็นผลจากมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดขึ้น การปิดกิจการบางประเภท อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว และกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ ประกอบกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงมาก

แม้จะมีเม็ดเงินเข้ามาพยุงเศรษฐกิจจากมาตรการของภาครัฐวงเงินถึง 1.5 แสนล้านบาทก็ตาม แต่ยังมีสัญญาณการบริโภคภาคเอกชนที่สะดุดลงสอดคล้องกับข้อมูล Google Mobility ด้านกิจกรรมค้าปลีกและกิจกรรมด้านภาคบริการ (กิจกรรมสวนสาธารณะและขนส่งสาธารณะ) ที่ปรับลงต่ำสุดในกลางเดือนพฤษภาคม 2564 โดยปรับลดมากกว่าช่วงการระบาดในรอบสอง

3 ปัจจัยหลักหนุนการบริโภคฟื้นตัวครึ่งปีหลัง

สำหรับปัจจัยที่จะทำให้การบริโภคของไทยช่วงครึ่งหลังปี 2564 มีการฟื้นตัว ทางศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ได้วิเคราะห์ไว้ว่า จะมีด้วยกัน 3 ปัจจัยหลัก นั่นคือ ‘ความคืบหน้าฉีดวัคซีน-มาตรการเยียวยา-ไทม์ไลน์การปลดล็อกประเทศ’

โดยช่วงครึ่งปีหลังคาดการณ์สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้นตามความคืบหน้าการฉีดวัคซีน ที่ล่าสุดภาครัฐตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้ 10 ล้านโดสต่อเดือน ตั้งแต่กรกฎาคมเป็นต้นไป ทำให้ครอบคลุมประชากรที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งเข็มจำนวน 50 ล้านคนภายในต้นเดือนตุลาคม พร้อมกับตั้งเป้าเปิดประเทศเต็มรูปแบบภายใน 120 วัน (ตุลาคม) ขณะเดียวกันก็ได้มีมาตรการเยียวยาออกมาต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมไปจนถึงธันวาคมปี 2564 อาทิ คนละครึ่งเฟส 3  การเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ  โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 และโครงการใหม่ยิ่งใช้ยิ่งได้ ในรูปแบบ e-voucher cash back  รวมเป็นวงเงิน 1.2 แสนล้านบาท

เมื่อรวมกับครึ่งปีแรกมาตรการเยียวยาในปี 2564 จะมีวงเงินอยู่ที่  4.8 แสนล้านบาท (คิดเป็น 3% ของ GDP) สูงกว่ามาตรการเยียวยาโควิดในรอบแรกที่มีวงเงิน 3.75 แสนล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินจากมาตรการเยียวยาจะกระจายไปสู่การบริโภคภาคเอกชน ส่วนใหญ่เป็นการใช้จ่ายการซื้อสินค้าไม่คงทนและภาคบริการ  กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สะท้อนถึงการบริโภคภาคเอกชน ประกอบด้วยการใช้จ่ายในหมวด 1) สินค้าคงทน (สัดส่วน 10%) เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ 2) สินค้าไม่คงทนและกึ่งคงทน (สัดส่วน 50%) ได้แก่ อาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้า และ 3) ภาคบริการ (สัดส่วน 40%) ได้แก่ การท่องเที่ยวและโรงแรม การบริการขนส่ง

สำหรับแนวโน้มการใช้จ่ายของแต่ละหมวดในช่วงที่เหลือของปี 2564 ttb analytics คาดว่า มาตรการเยียวยาวงเงิน 1.2 แสนล้านบาท จะช่วยหนุนการใช้จ่ายสินค้าไม่คงทน ซึ่งเป็นสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่การใช้จ่ายในภาคบริการ มีแนวโน้มเริ่มปรับตัวดีขึ้นเมื่อสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 อยู่ในระดับควบคุมได้มากขึ้น และการฉีดวัคซีนอยู่ในระดับที่ประชาชนมีความมั่นใจสามารถดำเนินชีวิตได้เป็นปกติ ภาครัฐสามารถทยอยปลดล็อกกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ จนนำไปสู่การเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเข้ามามากขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2564 นี้  โดย ttb analytics คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี 2564 อยู่ที่ 4 แสนคน

นอกจากนี้ การท่องเที่ยวภายในประเทศจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง ซึ่งได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น และมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ อาทิ เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3   ทัวร์เที่ยวไทย ทำให้ไทยเที่ยวไทยยังคงตอบโจทย์นักท่องเที่ยวไทยได้

สำหรับหมวดการใช้จ่ายสินค้าคงทน มีทิศทางดีขึ้น โดยเฉพาะดีมานด์รถยนต์จะคาดว่าเริ่มทยอยกลับมาสู่ระดับเดียวกับไตรมาส 4 ปี 2563  สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มปรับดีขึ้นและหนุนด้วยรายได้ภาคเกษตรที่อยู่ในเกณฑ์ดี และแนวโน้มภาคการส่งออกที่มีทิศทางดีขึ้น  นอกจากนี้ มาตรการช่วยเหลือด้านการเงินสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดรอบสาม อาทิ การพักชำระเงินต้น พักชำระดอกเบี้ย  ยืดระยะเวลาจ่ายหนี้ รวมถึงการปล่อยสินเชื่อใหม่เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับประชาชนและผู้ประกอบการ เป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงการบริโภคให้ฟื้นตัวได้

จากปัจจัยข้างต้นทั้งความคืบหน้าการฉีดวัคซีน มาตรการเยียวยา และไทม์ไลน์การปลดล็อกของประเทศภายในไตรมาส 4 ปี 2564 นี้  หนุนให้การบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวได้ 2.0% จากเดิมที่คาดการณ์ 1.6%  ในช่วงเริ่มต้นการระบาดรอบสาม (ต้นเดือนเมษายน 2564) และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องที่ 3.4% ในปี 2565

ได้วิเคราะห์ไว้ว่า จะมีด้วยกัน 3 ปัจจัยหลัก นั่นคือ ‘ความคืบหน้าฉีดวัคซีน-มาตรการเยียวยา-ไทม์ไลน์การปลดล็อกประเทศ’

โดยช่วงครึ่งปีหลังคาดการณ์สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้นตามความคืบหน้าการฉีดวัคซีน ที่ล่าสุดภาครัฐตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้ 10 ล้านโดสต่อเดือน ตั้งแต่กรกฎาคมเป็นต้นไป ทำให้ครอบคลุมประชากรที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งเข็มจำนวน 50 ล้านคนภายในต้นเดือนตุลาคม พร้อมกับตั้งเป้าเปิดประเทศเต็มรูปแบบภายใน 120 วัน (ตุลาคม) ขณะเดียวกันก็ได้มีมาตรการเยียวยาออกมาต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมไปจนถึงธันวาคมปี 2564 อาทิ คนละครึ่งเฟส 3  การเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ  โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 และโครงการใหม่ยิ่งใช้ยิ่งได้ ในรูปแบบ e-voucher cash back  รวมเป็นวงเงิน 1.2 แสนล้านบาท

เมื่อรวมกับครึ่งปีแรกมาตรการเยียวยาในปี 2564 จะมีวงเงินอยู่ที่  4.8 แสนล้านบาท (คิดเป็น 3% ของ GDP) สูงกว่ามาตรการเยียวยาโควิดในรอบแรกที่มีวงเงิน 3.75 แสนล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินจากมาตรการเยียวยาจะกระจายไปสู่การบริโภคภาคเอกชน ส่วนใหญ่เป็นการใช้จ่ายการซื้อสินค้าไม่คงทนและภาคบริการ  กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สะท้อนถึงการบริโภคภาคเอกชน ประกอบด้วยการใช้จ่ายในหมวด 1) สินค้าคงทน (สัดส่วน 10%) เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ 2) สินค้าไม่คงทนและกึ่งคงทน (สัดส่วน 50%) ได้แก่ อาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้า และ 3) ภาคบริการ (สัดส่วน 40%) ได้แก่ การท่องเที่ยวและโรงแรม การบริการขนส่ง

สำหรับแนวโน้มการใช้จ่ายของแต่ละหมวดในช่วงที่เหลือของปี 2564 ttb analytics คาดว่า มาตรการเยียวยาวงเงิน 1.2 แสนล้านบาท จะช่วยหนุนการใช้จ่ายสินค้าไม่คงทน ซึ่งเป็นสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่การใช้จ่ายในภาคบริการ มีแนวโน้มเริ่มปรับตัวดีขึ้นเมื่อสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 อยู่ในระดับควบคุมได้มากขึ้น และการฉีดวัคซีนอยู่ในระดับที่ประชาชนมีความมั่นใจสามารถดำเนินชีวิตได้เป็นปกติ ภาครัฐสามารถทยอยปลดล็อกกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ จนนำไปสู่การเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเข้ามามากขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2564 นี้  โดย ttb analytics คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี 2564 อยู่ที่ 4 แสนคน

นอกจากนี้ การท่องเที่ยวภายในประเทศจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง ซึ่งได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น และมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ อาทิ เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3   ทัวร์เที่ยวไทย ทำให้ไทยเที่ยวไทยยังคงตอบโจทย์นักท่องเที่ยวไทยได้

สำหรับหมวดการใช้จ่ายสินค้าคงทน มีทิศทางดีขึ้น โดยเฉพาะดีมานด์รถยนต์จะคาดว่าเริ่มทยอยกลับมาสู่ระดับเดียวกับไตรมาส 4 ปี 2563  สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มปรับดีขึ้นและหนุนด้วยรายได้ภาคเกษตรที่อยู่ในเกณฑ์ดี และแนวโน้มภาคการส่งออกที่มีทิศทางดีขึ้น  นอกจากนี้ มาตรการช่วยเหลือด้านการเงินสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดรอบสาม อาทิ การพักชำระเงินต้น พักชำระดอกเบี้ย  ยืดระยะเวลาจ่ายหนี้ รวมถึงการปล่อยสินเชื่อใหม่เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับประชาชนและผู้ประกอบการ เป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงการบริโภคให้ฟื้นตัวได้

จากปัจจัยข้างต้นทั้งความคืบหน้าการฉีดวัคซีน มาตรการเยียวยา และไทม์ไลน์การปลดล็อกของประเทศภายในไตรมาส 4 ปี 2564 นี้  หนุนให้การบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวได้ 2.0% จากเดิมที่คาดการณ์ 1.6%  ในช่วงเริ่มต้นการระบาดรอบสาม (ต้นเดือนเมษายน 2564) และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องที่ 3.4% ในปี 2565


  • 5
  •  
  •  
  •  
  •