ชื่อใหม่ คอนเซปต์ใหม่ #ttb ขอสู้โมบายแบงก์กิ้งด้วย Digital-first operating model กับเป้าหมาย Main Bank คนไทย ประเดิมฐานลูกค้าเก่า 10 ล้านราย

หลังจากประกาศเปลี่ยนชื่อธนาคารเป็น ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) หรือ ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ไปเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ล่าสุด ttb ก็เดินหน้าแถลงข่าว เพื่อเล่าถึงทิศทางธุรกิจในปี 2564 และอนาคต กับคอนเซปต์ Financial Well-being solution สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า จากฐานเดิมของทั้ง 2 ธนาคาร ซึ่งมีรวมกันราว 10 ล้านคน

โดย คุณปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ttb เล่าว่า ขณะนี้การรวมทีมของ 2 ธนาคารเสร็จ 100% แล้ว และคาดว่ากระบวนการ Entire Business Transfer จะสมบูรณ์ภายในเดือนกรกฎาคม กลายเป็น One Team เพื่อสานต่อ One Dream สร้าง Financial Well-being ชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้คนไทย ผ่านโซลูชันทางการเงินที่รวมจุดเด่นของทั้ง 2 ธนาคารไว้ด้วยกัน

ให้น้ำหนัก 3 เรื่องสำคัญ ดัน ttb สู่ Main Bank

นอกจากการรักษาฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่ 10 ล้านราย ttb ยังประกาศให้ความสำคัญทางธุรกิจใน 3 เรื่อง คือ

ทำให้ ttb กลายเป็นธนาคารหลักของลูกค้า: โดยจะเริ่มต้นจากฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่ 10 ล้านราย ผ่าน Financial Well-being solution ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกช่วงชีวิต ผ่าน 4 ด้าน คือ ฉลาดออม ฉลาดใช้ (Mindful spending & start saving), รอบรู้เรื่องกู้ยืม (Healthy borrowing), ลงทุนเพื่ออนาคต (Investing for future) และมีความคุ้มครองที่อุ่นใจ (Sufficient protection)

เติมศักยภาพด้าน Digital-first operating model: ผ่านโมบายแบงก์กิ้งแพลตฟอร์ม ที่เป็นมิตร รู้ใจ ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละคน แต่ละช่วงชีวิต มอบประสบการณ์ที่ดีกว่า สอดคล้องกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของลูกค้า

สร้างศักยภาพให้บุคลากรสู่เป้าหมาย Humanized digital: ttb ไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะเทคโนโลยี แต่ให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์และให้ความช่วยเหลือเป็นที่ปรึกษาทางการเงินผ่านพนักงานของธนาคาร แม้จะใช้ดิจิทัลเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้าในยุคดิจิทัล ดังนั้น พนักงานจะต้อง Up-skill และ Re-skill อย่างเหมาะสม เพื่อสนับสนุนทิศทางของธนาคารในการสร้าง Humanized digital หรือ รูปแบบการให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลที่เป็นมิตรและรู้ใจ

ย่อยลูกค้าเป็น 4 กลุ่ม แบ่งตามช่วงชีวิต

สำหรับโซลูชันทางการเงินที่ ttb ออกแบบ จะแบ่งเป็น 4 กลุ่ม เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงชีวิต คือ

1.กลุ่มลูกค้าที่เพิ่งเริ่มทำงาน

วัยที่กำลังก่อร่างสร้างตัวที่ต้องการมีเงินล้านแรกในชีวิต โดย ttb จะเน้นโซลูชันด้านฉลาดออม ฉลาดใช้ เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง พร้อมรับสิทธิประโยชน์รวมถึงประกันอุบัติเหตุฟรี เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึงหากเกิดอุบัติเหตุผ่านบัญชี all free และ ออมอย่างมีวินัยเพื่อใช้ในยามฉุกเฉินผ่านบัญชี no fixed

2.กลุ่มลูกค้าที่เริ่มสร้างครอบครัว

วัยที่เป็นเสาหลักของบ้านต้องการชีวิตอิสระในวันข้างหน้า ttb จะเสนอโซลูชันเกี่ยวกับสินเชื่อสำหรับลูกค้าที่ต้องการมีบ้าน มีรถ สำหรับครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น พร้อมทั้งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้คนกลุ่มนี้มีระเบียบวินัยในการผ่อนชำระเพื่อปลอดหนี้ได้เร็วที่สุด และมีโซลูชันการรวบหนี้ด้วยทรัพย์สินที่มีอยู่ เพื่อให้จัดการปลอดหนี้ได้เร็วที่สุด สามารถเริ่มต้นเก็บออม และลงทุนเพื่ออนาคตได้ต่อไป

3.กลุ่มลูกค้าที่ประสบความสำเร็จจากหน้าที่การงาน

วัยที่ต้องการมีชีวิตมั่นคงและเกษียณอย่างไร้กังวล ttb จะเน้นการให้ความรู้ด้านการลงทุน จัดทัพตามความเสี่ยง ต่อยอดความมั่งคั่ง ผ่านผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย และ ttb smart port พอร์ตการลงทุน ที่ตอบทุกโจทย์การลงทุนครบวงจรโดยมืออาชีพ

4.กลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่ง เตรียมเข้าสู่วัยเกษียณ

วัยที่อยากใช้ชีวิตได้ตามใจทั้งเรื่องสุขภาพและลูกหลาน ttb จะส่งมอบโซลูชันด้านประกันชีวิตและการลงทุนที่มอบความอุ่นใจ ในการรักษาความมั่งคั่ง พร้อมดูแลสุขภาพ และวางแผนส่งต่อมรดกให้กับทายาทได้อย่างสบายใจ

สินเชื่อรถยนต์ยังเป็นแกนหลักธุรกิจ

ในปีที่ผ่านมา ธนาคารได้ช่วยเหลือลูกค้าและคู่ค้าด้วยโครงการ “ตั้งหลัก” ไปแล้วกว่า 600,000 รายทั่วประเทศ และมอบประกันคุ้มครองไวรัส COVID-19 ให้แก่บริษัทคู่ค้าทั้งรถยนต์ใหม่และรถยนต์ใช้แล้วกว่า 3,000 รายทั่วประเทศ โดยในปีนี้ ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ภายใต้แบรนด์ ttbDRIVE จะใช้คอนเซปต์ “มากกว่าสินเชื่อรถ… เพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น” เพื่อให้บริการลูกค้าในส่วนต่าง ๆ คือ

ttbDRIVE พร้อมขับเคลื่อนให้ลูกค้าไปต่อ

พร้อมช่วยลูกค้าเคลียร์ทุกอุปสรรคทางการเงิน รวมหนี้ ลดภาระ เพิ่มสภาพคล่องด้วย รถแลกเงินเคลียร์หนี้ และมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าที่รักษาวินัยทางการเงินเป็นอย่างดีผ่านโครงการ จ่ายดีมีคืน อีกทั้งยังช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงสินเชื่อได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยโปรแกรม auto-approve ผนวกกับ scoring model พร้อมเจ้าหน้าที่ ttbDRIVE agent ให้บริการครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

DRIVE Connect Platform ขับเคลื่อนให้ธุรกิจคู่ค้าไม่สะดุด

เป็นการเปิดตัวมิติใหม่ของการทำตลาดออนไลน์ผ่านทาง Facebook ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว (ดีลเลอร์รถมือสอง) และยังมีระบบ Cross-area Booking สามารถรองรับการซื้อขายรถยนต์ใหม่และรถยนต์ใช้แล้วผ่านช่องทางออนไลน์ ลดข้อจำกัดด้านพื้นที่ให้แก่คู่ค้า

ttbDRIVE ยกระดับศักยภาพทีมงาน

เพื่อการทำงานในยุคดิจิทัล ผ่าน DRIVE Academy โรงเรียนสินเชื่อรถยนต์ ttb เพื่อจะฝึกทีมงาน DRIVE ภายใต้หลักสูตรที่เข้มข้น เพื่อสร้างบริการที่ดีให้กับลูกค้าและคู่ค้าทุกราย

คุณปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ttb

จัดโซลูชัน ช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจฝ่า COVID-19

จากสถานการณ์ COVID-19 ในปีที่ผ่านมา มีลูกกค้าทั้งรายย่อยและธุรกิจประมาณ 750,000 ราย ที่ได้รับความช่วยเหลือจากธนาคาร ส่วนในปีนี้ ttb เตรียมมาตรการดูแลลูกค้ากลุ่มธุรกิจทั้งเอสเอ็มอีและขนาดใหญ่ ผ่าน 3 โซลูชัน คือ

– มอบแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมและเพียงพอ

เน้นการสนับสนุนเอสเอ็มอีที่อยู่ในซัพพลายเชนของธุรกิจขนาดใหญ่ให้ได้รับวงเงินที่เพียงพอบนเงื่อนไขที่เหมาะสมผ่านสินเชื่อเพื่อเครือข่ายธุรกิจ ทีทีบี (ttb supply chain solutions และช่วยเสริมสภาพคล่องในภาวะวิกฤตด้วยโครงการช่วยเหลือลูกค้าเอสเอ็มอี (Special Loan) และมาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ (Asset warehousing) ที่สอดคล้องนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย

– มอบโซลูชันและบริการที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการบริหารธุรกิจ

ใช้เครื่องมือ “ธนาคารดิจิทัลเพื่อโลกธุรกิจ ทีทีบี บิสซิเนสวัน (ttb business one) ที่เป็นมากกว่าเครื่องมือการทำธุรกรรมออนไลน์ บิสซิเนสวัน ช่วยให้ทำธุรกรรมได้ครบตั้งแต่เรื่องสินเชื่อ จนถึงธุรกรรมต่างประเทศ มีรายงานครบถ้วน เรียกดูง่าย และนำไปต่อยอดทำรายงานเชิงวิเคราะห์ได้ สามารถเชื่อมต่อกับระบบของพันธมิตรและลูกค้า เช่น ERP POS และอีกหนึ่งดิจิทัลโซลูชันที่ช่วยลดเรื่องการใช้เงินสดและเอกสารอย่างเต็มรูปแบบก็คือ ระบบบริหารการเรียกเก็บเงิน ทีทีบี (ttb digital invoice management) ซึ่งเป็นการนำโซลูชันของธนาคารมาเชื่อมต่อกับระบบการเรียกเก็บเงินของลูกค้าธุรกิจ ลดการใช้เงินสดและเอกสาร ลดเวลาดำเนินการ และค่าใช้จ่ายเรื่องคน

– มอบชีวิตทางการเงินที่ดีให้แก่พนักงานและคู่ค้า

ด้วยบริการการจ่ายเงินเดือนและสวัสดิการพนักงาน ทีทีบี เพย์โรลพลัส (ttb payroll plus) รวมไปถึงบริการและผลิตภัณฑ์ด้านการบริหารความเสี่ยงและด้านประกัน เช่น ประกันสินเชื่อธุรกิจ ทีทีบี วันไลฟ์ (ttb one life business insurance) เป็นต้น

วางกำหนด บริการ – ช่องทางสื่อสาร แล้วเสร็จเดือนกรกฎาคม

คุณประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ผู้จัดการใหญ่ ttb อธิบายว่า ตลอดเวลา 16 เดือนที่ผ่านมา ทีมงานทั้ง 2 ธนาคารทำงานร่วมกันอย่างหนัก เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามแผนการรวมกิจการที่วางไว้ ภายใต้แนวทาง One Dream, One Team, One Goal… จากนี้เหลือเวลาอีก 1 เดือนครึ่ง กับก้าวสำคัญสุดท้ายของการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์ในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยหลังจากรวมพนักงานทั้ง 2 ธนาคารร่วมกันตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2564 องค์กรได้เร่งสร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่เพื่อหล่อหลอมพนักงานให้เป็นหนึ่งเดียว ขับเคลื่อนองค์กรให้สามารถเดินหน้าไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนด้านช่องทางการให้บริการและการสื่อสาร ได้ทยอยรวมช่องทางหลักของทั้งสองธนาคาร เช่น สาขา และ ATM รวมทั้งรีแบรนด์เป็น ttb ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม ซึ่งลูกค้าเดิมของทั้ง 2 ธนาคารสามารถเข้าไปใช้บริการได้ ขณะที่ช่องทางอื่นอย่าง Digital channels จะทยอยรวมเป็นแบรนด์ใหม่ ttb และมีกำหนดแล้วเสร็จทั้งหมดในเดือนกรกฎาคมนี้ เช่นเดียวกับ สื่อทางการตลาดต่าง ๆ รวมทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ก็ได้เปลี่ยนโฉมใหม่ภายใต้แบรนด์ ttb

ส่วนด้านระบบงาน IT และระบบงานผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้มีการเตรียมความพร้อมในการเชื่อมต่อระบบของทั้ง 2 ธนาคารไว้แล้ว สำหรับกระบวนการสุดท้ายของการรวมกิจการ คือ การเชื่อมต่อระบบของทั้งทีเอ็มบีและธนชาตให้เป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์ (Entire Business Transfer) ซึ่งการเชื่อมต่อระบบในครั้งนี้ ทีมงานได้มีการวางแผนงานอย่างรัดกุมและมีการซักซ้อมแบบเสมือนจริง (Mock run) เพื่อให้การเชื่อมต่อระบบในวันจริงสำเร็จตามแผน

ภายหลังการรวมกิจการเสร็จสมบูรณ์ ทุกผลิตภัณฑ์และช่องทางบริการจะรวมเป็นหนึ่งเดียว ลูกค้าทีเอ็มบีเดิม สามารถใช้ผลิตภัณฑ์และบริการได้เหมือนเดิมภายใต้แบรนด์ใหม่ สำหรับลูกค้าธนชาตเดิม หลังการรวมระบบในเดือนกรกฎาคมสำเร็จ ผลิตภัณฑ์และบริการเดิมจะมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด รวมไปถึงการเพิ่มเติมในสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ โดยลูกค้าธนชาตจะได้รับจดหมายแจ้งรายละเอียดซึ่งจะมี QR Code ให้สแกนเข้าไปดูข้อมูลเฉพาะของแต่ละบุคคล และจดหมายนี้จะทยอยส่งออกไปหาลูกค้าตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม เป็นต้นไป ธนาคารขอให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะนำไปสู่การยกระดับประสบการณ์ทางการเงินที่ดียิ่งขึ้นอย่างแน่นอน