ธรรมดาไม่ทำ!! กูร์เมต์ มาร์เก็ต ปรับใหญ่รอบ 17 ปี กับการตอกย้ำการเป็น World Class Gourmet Destination ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนทุกกลุ่ม

  • 3.6K
  •  
  •  
  •  
  •  

แม้ กูร์เมต์ มาร์เก็ตจะเป็น Business Unit สำคัญของ ‘เดอะมอลล์ กรุ๊ป’ ที่สร้างรายได้ให้ 1 ใน 3 จากรายได้ทั้งหมด แต่ด้วยการแข่งขันที่รุนแรง บวกกับพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ทำให้เดอะมอลล์ กรุ๊ปตัดสินใจปรับโฉม ‘กรูเมต์ มาร์เก็ต สาขาพารากอน’ ครั้งใหญ่ในรอบ 17 ปีด้วยงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท กับการยกระดับสู่  World Class Gourmet Destination

โดยการปรับโฉมดังกล่าวไม่เพียงทำเฉพาะด้านดีไซน์และการออกแบบบรรยากาศเท่านั้น ยังลงลึกไปถึงตัวโปรดักท์ การจัดโซนใหม่ และบริการ ทั้งในส่วนของ Physical store ไปจนถึงการเติมเต็มประสบการณ์ช้อปปิ้งไม่ให้สะดุดผ่านช่องทางดิจิทัล ภายใต้หลักการ Customers Comes First คำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นอันดับแรก เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การกินอยู่ของคนทุกกลุ่ม

“อะไรธรรมดา เราไม่ทำ ถ้าทำ ต้องไม่ธรรมดา” อัจฉรา อัมพุช รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าว พร้อมเล่าให้ฟังถึงที่มาของไอเดียการปรับโฉมครั้งนี้ว่า

ช่วงก่อนโควิด-19 ระบาดได้ตระเวนไปตามประเทศต่าง ๆ ในแถบยุโรป เพื่อซึมซับบรรยากาศของซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาดชุมชน และ Sunday market สิ่งที่ค้นพบ ก็คือเสน่ห์ของความเป็น Local made fresh ความมีวัฒนธรรม ซึ่งมองเป็นปัจจัยสำคัญในการ touch และเข้าถึงคนได้มากที่สุด จึงนำมาเป็นคอนเซ็ปต์ดีไซน์โฉมใหม่ของ กูร์เมต์ มาร์เก็ต สาขาพารากอน ในรูปแบบของเมืองแห่งอาหารการกินที่มีความเพียบพร้อมทั้งคุณภาพ ความหลากหลาย และบริการดีระดับเวิล์ดคลาส มีการผสมผสานกันระหว่าง Old town ความคลาสสิกของเมืองเก่าในฝั่งยุโรป และ New town ที่มี vibe ของความโมเดิร์น มีไลฟ์สไตล์ แบ่งออกเป็น 2 โซนหลัก ๆ ประกอบด้วย

Farm Market โซนผักสด ผลไม้สด และเครื่องปรุงต่าง ๆ ที่ดีไซน์รูปแบบให้มีลักษณะคล้ายอาคาร Barn House ใส่ลูกเล่นด้วยการจำลองให้มีแสงรอดผ่านหลังคาลงมาภายใน และบริเวณด้านหน้าของโซนจะเป็นพื้นที่ Courtyard จอด Fruit Truck และ Fruit Kiosk ที่มีผลไม้ทั้งจากในประเทศและอิมพอร์ต

Town Hall โซนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปแบบของตลาดกลางในยุโรปที่มีโครงสร้าง เป็นเหล็กและกระเบื้องดินเผาสีส้มเป็นวัสดุมุงหลังคา มีช่องแสงด้านบนอาคาร มีแสงส่องผ่านลงมา บรรยากาศดูอบอุ่น ขณะที่ด้านล่างจะเป็นพื้นที่ของ Specialty Shop และ Dine in ที่จะมีทั้ง Butcher Shop, Seafood, Cheese และ Charcuterie Shop

“การที่ กูร์เมต์ มาร์เก็ต พารากอนมีพื้นที่ใหญ่ราว 6,000 ตร.ม. จึงคิดสร้างให้เป็นเมืองในคอนเซ็ปต์ Gourmet Market Style ด้วยการใช้คำว่า Market มาสร้างจุดเชื่อมโยง เพราะต้องการให้ลูกค้าเพลิดเพลิน และมีประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ สนุก เพลิดเพลิน ตื่นตาไปกับทั้งสินค้าคุณภาพมากมาย ในบรรยากาศที่สวยงาม อบอุ่นแตกต่างจากที่อื่น”

 

จัด 12 โซนใหม่ ยึดหลัก Customers Comes First

แม้พารากอน จะเป็น Prime location ใจกลางเมือง แต่อัจฉรายอมรับว่า การจะให้คนออกจากบ้านฝ่ารถติดมา จำเป็นต้องมีอะไรมากระชากให้ลูกค้ายอมออกมา ซึ่งเป็นโจทย์ที่ยากมาก ๆ

ดังนั้น นอกจากการดีไซน์และตกแต่งบรรยากาศแบบเวิล์ดคลาสแล้ว ‘โปรดักท์’ ที่มีทั้งความหลากหลายและคุณภาพ เป็นอีกเรื่องสำคัญของการปรับโฉม กูร์เมต์ มาร์เก็ต พารากอน ในครั้งนี้ โดยที่นี่ได้รวบรวมสินค้าทั้งในประเทศและอิมพอร์ตกว่า 50,000 รายการ พร้อมกับแบ่งโซนใหม่เป็น 12 โซน ภายใต้หลักการ Customers Comes First คำนึงถึงความต้องการของลูกค้ามาเป็นอันดับแรก ประกอบด้วย

FARM FRESH MARKET โซนผัก-ผลไม้สด มีให้เลือกมากกว่า 800 ชนิด 3,500 รายการ ที่ส่งตรงจาก 77 จังหวัดทั่วไทย และนำเข้าจาก 23 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมีใบการันตีรับรองคุณภาพ

THE BUTCHER โซนเนื้อสัตว์นำเข้าจาก 5 ประเทศชั้นนำผู้ผลิตเนื้อวัว ได้แก่ ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, อเมริกา, ญี่ปุ่น และครั้งแรกกับเนื้อนำเข้าจากอาร์เจนตินา ที่ปกติจะส่งให้กับร้านอาหารและโรงแรมเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์ที่หาจากที่อื่นไม่ได้ ก็คือ ‘JAMES MADISON PREMUIUM BUTCHER SHOP’ เคาน์เตอร์ที่มีเนื้อระดับพรีเมียม และเครื่องปรุง เครื่องเทศ พร้อมบริการพิเศษมี Butcher มาให้คำแนะนำในการเลือกซื้อ และ customization ตัดแต่งเนื้อให้กับลูกค้าตามต้องการ

โซน CHEESE & CHARCUTERIE โซนจำหน่ายชีสกว่า 259 รายการ นำเข้าจากแหล่งผลิตชั้นนำกว่า 7 ประเทศจากทวีปยุโรป และชาร์คูเทอรี แบรนด์ดังที่ได้รับรางวัล (Award-winning range) ส่งตรงจากแหล่งผลิตดีที่สุดอย่างฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน พร้อมสินค้าออร์แกนิกต่าง ๆ มากมาย

โซน SEAFOOD โซนอาหารทะเลสดส่งตรงจาก 7 คาบสมุทร อาทิ แซลมอนกว่า 14 ชนิดจากทั้งแปซิฟิค และแอตแลนติค , หอยนางรมสดกว่า 10 ชนิด, ปลาและอาหารทะเลสด ๆจากญี่ปุ่นส่งตรงจากตลาดปลาซึกิจิ และฮอกไกโด รวมถึงอาหารทะเลไทยมากมาย จากประมงเรือเล็กในฝั่งอันดามันและอ่าวไทย รวมถึงปลาน้ำจืด จากแหล่งธรรมชาติแท้ๆ ตามฤดูกาลหมุนเวียนมานำเสนอ

รวมถึงมีบริการพิเศษที่เป็นไฮไลท์หาจากที่ไหนไม่ได้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็น Seafood Butcher ให้คำแนะนำการเลือกสินค้าซีฟู้ดส์ , 80’BELOW by Thammachart seafood ซีฟู้ดบาร์คอนเซปต์ใหม่เปิดตัวที่นี่เป็นแห่งแรก ในคอนเซ็ปท์ Seafood Reimagined นำเสนออาหารทะเลรูปแบบใหม่ เช่น Micro Cannery Seafood ให้ลูกค้าเลือกวัตถุดิบสด ๆ และน้ำซอสหมักบรรจุลงกระป๋องสร้างสรรค์เป็น preserved food ตามแบบฉบับของตัวเองและสามารถมอบเป็นของขวัญแบบ exclusive , บริการ Dry Aged Seafood ในการเพิ่มรสชาติของปลาให้อร่อยมากขึ้นกว่าเดิม

โซน TAKA MARCHE โซนตลาดญี่ปุ่นที่เป็นความร่วมมือกับ ‘ทาคาชิมาย่า’ และมีสองร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง ได้แก่ ‘ซูกิโมโตะ’  ร้านขายเนื้อวากิวชื่อดังจากญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 110 ปี จนได้ฉายา King of Wagyu และ Nakajima Suisan ร้านซูชิ ซาซิมิที่การันตีคุณภาพ ความสดใหม่ ส่งตรงจากตลาดปลาซึกิจิประเทศญี่ปุ่น

โซน GOURMET NATURAL รวบรวมสินค้าสำหรับคนรักสุขภาพและใส่ใจสิ่งแวดล้อมแบบครบครันทั้งผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกตั้งแต่ ผัก-ผลไม้, วัตถุดิบเครื่องปรุง, อาหารพร้อมทาน, snack , วัตถุดิบสำหรับทำเบเกอรี่ , ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ , Homecare และ Personal Care

โซนข้าวไทย รวบรวมข้าวไทยพันธุ์แท้ที่ดีที่สุดจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโดยตรงจากแหล่งปลูกที่ดีที่สุดจากทุกภาค นอกจากนี้ยังมีโซนข้าวออร์แกนิก โดยมีเครื่องสีข้าว และเครื่องขัดข้าว ไว้บริการลูกค้าให้สามารถเลือกข้าวและระดับการขัดสีข้าวได้ตามต้องการ

โซน DELICATESSEN นำเสนออาหารพร้อมรับประทานหลากหลาย , เมนูโฮมเมดสูตรเชฟดัง ที่ทำสดใหม่ทุกวัน , Soup Bar รูปแบบใหม่ที่เพิ่มเมนูอาหารชุดสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมสั่งและนั่งทานได้เลย , สลัดบาร์สุดพรีเมียมให้สามารถ create your own salad ได้

โซน BEAUTY PARLOUR รวบรวมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามมากกว่า 1,000       แบรนด์ และ MORNING KISS เคาน์เตอร์บริการทำเล็บเจลจากญี่ปุ่น

โซน INTERNATIONAL GROCERY รวบรวมสินค้าอุปโภคและบริโภคมากกว่า 30,000 รายการทั้งไทยและต่างประเทศ

โซน PET CLUB รวบรวมสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงทั้งของกินและของใช้ ไปจนถึงกลุ่มสินค้าไฮเทค อาทิ ห้องน้ำแมวแบบไฮเทค เป็นต้น

โซน GOURMET WINE CELLAR มุมที่รวบรวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากทั่วทุกมุมโลกกว่า 1,000 แบรนด์

นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์อื่น ๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ได้แก่ โซน Dine-In กับ You Hunt We Cook เคาน์เตอร์บาร์ที่มีคอนเซ็ปต์ชัดเจนให้ลูกค้าเลือกเนื้อสัตว์และวัตถุดิบสด ๆ ที่ต้องการมาให้เชฟปรุงและนั่งรับประทานได้ , โซนฟู้ดส์คอร์ท ‘กรูเมต์ อีทส์’ (Gourmet Eat) ที่รีโนเวทใหม่ด้วยการนำร้านดังยุค 40-50 ซึ่งได้รับการการันตีความอร่อยจาก ‘เชลล์ชวนชิม’ มารวบรวมไว้ภายใต้ธีมออกแบบตึกแถวในย่านเก่าแก่ที่มีเอกลักษณ์

“การปรับโฉมใหม่ของ กูร์เมต์ มาร์เก็ต สาขาพารากอน นอกจากลูกค้าจะได้เห็นบรรยากาศตกแต่งที่เปลี่ยนไป ยังยกระดับมาตรฐานให้ดีขึ้นด้วยMerchandise Concept ใหม่ ๆ ที่แตกต่างจากคู่แข่ง ด้วยหลักการ Customers Comes First คำนึงถึงลูกค้ามาเป็นอันดับแรก แล้วนำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการให้ดีที่สุด โดยเราพยายามคัดสรรและสรรหาสิ่งใหม่ๆ มานำเสนอให้ลูกค้าได้ทดลอง พร้อมกับนำความสะดวกสบายมาให้ลูกค้ามากที่สุด” พลอยชมพู อัมพุช ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าว

 

เดินหน้าสู่ O2O ตอบโจทย์รีเทลยุคใหม่

เพื่อยกระดับกรูเมต์ มาร์เก็ต พารากอน ไปสู่ World Class Gourmet Destination ทางเดอะมอลล์ กรุ๊ป ไม่เพียงปรับโฉม Physical store ครั้งใหญ่ให้ตอบโจทย์เทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคเท่านั้น ยังให้ความสำคัญในเรื่องของ ‘บริการ’

ยกตัวอย่างเช่น พนักงานต้องสามารถจดจำลูกค้าประจำได้ว่า ชื่ออะไร มีความต้องการหรือความชอบแบบไหน และสามารถแนะนำโปรดักท์ให้กับลูกค้าได้ตรงความต้องการ ไปจนถึงการเพิ่มบริการใหม่ ๆ ที่สามารถเชื่อมต่อ Customer Journey ให้ลูกค้าสามารถใช้บริการได้แบบ seamless มีความสะดวกสบายและมีประสบการณที่ดีในการช้อปแม้ไม่มาที่สาขา อาทิ บริการเดลิเวอรี่ที่ทำร่วมกับพาร์เนอร์ไม่ว่าจะเป็น Happy fresh , Panda Mart , Robinhood และอนาคตจะขยายความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์อื่น ๆ

รวมถึงเปิดบริการออนไลน์ โดยจะพัฒนาในรูปแบบ O2O (Offline to Online – Online to Offline) ภายใต้ชื่อ gourmetmarketthailand.com ซึ่งจะมาเติมเต็มในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้ามีความสะดวกสบาย ง่ายต่อการช้อปผ่านช่องทางหลากหลาย

 

ตั้งเป้าขยายคอนเซ็ปต์ใหม่ทุกสาขาในเดอะมอลล์  

ขณะที่แผนการตลาดของการปรับโฉมใหม่นี้ นอกจากโปรโมทภาพของกรูเมต์ มาร์เก็ต พารากอน ที่เปลี่ยนไปแบบ Big change แล้ว ตลอด 2 เดือนต่อจากนี้จะมีการจัดกิจกรรมและทำโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่องในการสร้างการรับรู้และดึงให้ลูกค้ามาใช้บริการ ด้วยการลงลึกรายละเอียดในสินค้าแต่ละหมวดของทั้ง 12 โซน ไม่ว่าจะเป็น คุณภาพ ความวาไรตี้ และความครบครันตอบทุกไลฟ์สไตล์การกินอยู่ของทุกกลุ่ม โดยจะดึงสินค้าไฮไลท์ของแต่ละโซนมานำเสนอหมุนเวียนกันไป เช่น

โซน THE BUTCHERY จะหยิบเนื้อนำเข้าจากประเทศต่างๆ มาหมุนเวียน จัดราคาพิเศษ พร้อมกับจัดกิจกรรม Cooking Demonstration ให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ในการชิมของดีเกรดพรีเมียมในเชิงลึก เป็นต้น

สำหรับการปรับโฉมกรูเมต์ มาร์เก็ต พารากอน สู่  นั้น เป็นการพัฒนาและต่อยอดความสำเร็จจากกรูเมต์ มาร์เก็ต สาขาเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน ซึ่งหลังจากปรับแล้วมีจำนวนผู้ใช้บริการและยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ คือ เติบโตมากกว่า 25% ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งอยู่ในภาวะติดลบ

โดยการปรับโฉมที่สาขาพารากอนครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการเติบโตของกรูเมต์ มาร์เก็ตทั้งหมดในปี 2564 ไม่น้อยกว่า 10% และโมเดลใหม่ดังกล่าว จะถูกขยายไปที่กรูเมต์ มาร์เก็ต ที่มีสาขาอยู่ในเดอะมอลล์ทั้งหมดภายใน 3 ปีต่อจากนี้ ภายใต้งบประมาณมากกว่า 1,000 ล้านบาท

อย่างที่จะเห็นในช่วงปลายปีนี้ เช่น สาขาท่าพระ และสาขาบางแค ซึ่งทางรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด รับรองว่า จะสร้าง Big Change และเรียกเสียงว้าวได้แน่นอน

 

Copyright © MarketingOops.com


  • 3.6K
  •  
  •  
  •  
  •