SCG HOME ขยายฐานลูกค้าเจ้าของบ้าน ชู Omni-channel สู่การเป็น Super Platform

  • 5
  •  
  •  
  •  
  •  

SCG HOME ตอบโจทย์ความต้องการเชิงลึกของลูกค้าผ่านสินค้าและบริการ พร้อมช่องทางหลากหลายเชื่อมต่อประสบการณ์ Omni-Channel ง่ายสำหรับคนทำบ้าน เดินหน้าเปิด Super Platform ที่ช่วยเชื่อมต่อทุกขั้นตอนให้การทำบ้านเป็นเรื่องง่าย ตั้งแต่ออกแบบ หาช่าง ลงมือตกแต่งไปจนการบริการหลังอยู่อาศัย หวังมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งและปรับปรุงบ้านที่จะสร้างฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในระยะยาว

โดย คุณบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ชี้ว่า ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน เน้นเรื่องความสะดวกสบายเป็นปัจจัยหลัก SCG HOME จึงมีการพัฒนาช่องทางขายเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายหลากหลายช่องทาง ทั้งการขยายสาขาในรูปแบบ Physical Store ของ SCG HOME ให้มีความครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น

คุณบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด

โดยมีแผนขยายสาขา SCG HOME เพิ่มอีก 33 สาขา ภายในปี 2564 รวมเป็น 50 สาขา พร้อมทั้งนำเสนอร้าน SCG HOME ในรูปแบบต่างๆ ที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าในแต่ละพื้นที่ โดยมีขนาดร้านและสัดส่วนสินค้าที่แตกต่างกันไป โดยจะเป็นการพัฒนารูปแบบร้านร่วมกับธุรกิจในท้องถิ่น เพื่อสร้างให้เกิดความเข้มแข็งของ Value Chain ทั้งช่างและผู้ประกอบการไปด้วย

นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถติดต่อผ่าน SCG HOME Contact Center ซึ่งเป็นช่องทางติดต่อทางโทรศัพท์ ที่ภายในปีนี้จะใช้ระบบ Voice Bot เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกและสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าที่ติดต่อมาอีกด้วย นอกจากนี้ช่วงกลางปียังเตรียมปรับโฉมใหม่สาขา Flagship ของ SCG HOME Experience สาขาเลียบด่วน เอกมัย-รามอินทรา ให้เป็นร้านต้นแบบ สำหรับรองรับลูกค้าที่มีความต้องการทำเรื่องบ้านให้เป็นเรื่องง่ายที่เหนือชั้นขึ้นไปอีก

การรุกตลาดในครั้งนี้เป็นการประกาศความพร้อมที่มุ่งตอบสนองความต้องการและแก้ปัญหาในการปรับปรุงบ้านให้กับเจ้าของบ้านผ่านรูปแบ Super Platform ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาช่องทางที่หลากหลาย เช่น การร่วมลงทุนกับ “บุญถาวร” รวมถึงในอนาคตที่จะเจาเข้าร้านค้าในขนาดเล็กเพื่อเข้าถึงชุมชนให้มากที่สุด การนำเสนอสินค้าและบริการครบ โดยเฉพาะการเปิดตัวแอปฯ “Design Connext” ที่มีสถาปนิกช่วยออกแบบบ้าน และ “คิวช่าง” แหล่งรวมช่างทุกรูปแบบที่ต้องการ อาทิ ช่างแอร์ ช่างไฟ

และ การเชื่อมต่อประสบการณ์ ตั้งแต่เริ่มต้นทำบ้านจนเข้าอยู่อาศัย ภายใต้รูปแบบ Single ID ที่ช่วยให้ทราบว่ามีการใช้วัสดุใดในการสร้าง เพื่อสะดวกในการซ่อมบำรุง รวมถึงการปรับช่องทางจัดจำหน่ายให้เป็น Omni-channel ของ SCG HOME ถือเป็นการประสานช่องทางขายทั้งออฟไลน์หรือการขายผ่านหน้าร้านกับ การขายผ่านช่องทางออนไลน์ให้ออกมาแบบไร้รอยต่อ เพื่อให้สามารถมอบประสบการณ์ที่ดีในการใช้บริการในทุก ๆ ขั้นตอนของการทำบ้าน

นอกจากนี้ SCG HOME ยังได้นำเสนอโซลูชันในเรื่องบ้านต่างๆ ที่มากกว่าการขายวัสดุก่อสร้างเพียงอย่างเดียว เช่น ระบบหลังคาโซลาร์, โซลูชันแก้บ้านร้อน, บริการอุดหรือปิดโพรงใต้บ้าน, สุขภัณฑ์ Touchless เป็นต้น

ในปัจจุบันมีการซื้อสินค้าและบริการเกี่ยวกับบ้านผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ของ SCG HOME ในไตรมาสนี้ คาดว่าจะเติบโตขึ้นเป็น 4.5 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังพบว่า กลุ่มลูกค้าที่มีการซ่อมแซมและต่อเติมบ้านมากกว่า 95% ยังคงต้องพึ่งพาช่างและผู้รับเหมาอยู่ โดยมีจำนวนน้อยมากที่นิยมทำเอง

 

ซึ่ง 1 ใน 3 ของจำนวนนี้ให้ความสำคัญกับการทำบ้านให้ดูดีอยู่เสมอแม้บ้านจะไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งอุปสรรคในการทำบ้านของลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเรื่องการมีปัญหาระหว่างการปรับปรุงหรือต่อเติมบ้าน ทั้งการเลือกแบบและวัสดุที่เหมาะสม การหาช่างที่ไว้ใจได้ การติดตั้งที่ไม่มั่นใจเรื่องมาตรฐาน รวมทั้งการรับประกันคุณภาพในระยะยาว

SCG HOME จึงนำเอา Pain Point ของลูกค้ามาเป็นโจทย์ในการ ทำตลาดเพื่อที่จะเข้าไปช่วยลดอุปสรรคในเรื่องของการซ่อมแซมบ้านให้กับลูกค้า โดยเน้นนำเสนอโซลูชัน ทั้งการขาย การให้คำปรึกษา ตลอดจนหาทีมช่างให้ เพื่อทำให้ครบจบในที่เดียวโดยไม่ต้องมีความกังวลใจในเรื่องของการทำบ้าน มากกว่าเน้นการขายเพียงอย่างเดียว

SCG HOME มองว่าการทำบ้านไม่ได้เริ่มหรือจบแค่เฉพาะที่ร้านค้า แต่จะช่วยร้อยเรียงประสบการณ์การทำบ้านให้เป็นเรื่องง่าย ตั้งแต่เริ่มมีไอเดียการตกแต่ง การออกแบบ การเลือกหาวัสดุตกแต่ง การลงมือปรับปรุง ต่อเติม ไปจนถึงการเข้าอยู่อาศัย โดยพร้อมเปิดตัวและให้บริการในงานสถาปนิก’64 ในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งจะเข้ามาช่วยเติมเต็มประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี


  • 5
  •  
  •  
  •  
  •