รู้จักการตลาดแบบเผ่า ด้วยตัวอย่าง 4 แบรนด์นี้

การทำการตลาดนั้นสามารถใช้วิธีการได้หลากหลายรูปแบบแต่การที่จะทำให้การตลาดนั้นยังยื่นได้คือการที่แบรนด์หรือสินค้านั้นสามารถสร้างชุมชนเผ่าพันธุ์ที่มีความสนใจของตัวเองขึ้นมาได้หรือสามารถเข้าไปทำตลาดอยู่ในกลุ่มคนที่แบรนด์อยากจะเจาะให้ได้แล้วแบรนด์กลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มชุมชนนั้นที่ต้องใช้อุปโภคและบริโภคขึ้นมา

การตลาดแบบเผ่าพันธุ์หรือ Tribal Marketing นั้นมักถูกเข้าใจผิดกับเรื่อง Brand communities อย่างมากเพราะด้วยการที่ดูค้ลายคลึงกันอย่างมากในเรื่องรูปแบบแต่ในความจริงแล้วมีความแตกต่างกันโดยที่ Brand communities เป็นการมองจากแบรนด์ลงมายังชุมชนที่รักแบรนด์นั้นหรือมีความเกี่ยวข้องกับแบรนด์เป็นส่วนใหญ่นั้นเองและแบรนด์นั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของผู้บริโภคแต่ Tribal Marketing นั้นเป็นการมองแบบกลับกันอย่างมากเป็นการมองจากชุมชนของกลุ่มเป้าหมายต่างๆว่ามีความเกี่ยวกับความเชื่อความชอบอะไรบ้างและแบรนด์นั้นนำพาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับความชอบนั้นๆขึ้นมาและสร้างการตลาดต่อเผ่าพันธุ์ที่อยากจะเจาะนั้นเอง

Seth Godin กูรูการตลาดชื่อดังของโลกได้นำเสนอเรื่อง Tribal Marketing ไว้หลายครั้งอย่างมาก ว่าการตลาดที่สามารถหาเผ่าพันธุ์ให้เจอได้นั้นจะสามารถสร้างการบอกต่อและการใช้งานอย่างต่อเนื่องได้อย่างดีโดย Tribal ในเชิง Tribal Marketing นั้นอาจจะเป็นกลุ่มสังคมต่างๆซึ่งคนเหล่าสามารถอยู่ได้ในกลุ่มสังคมที่หลากหลายอย่างมากไม่ว่าจะเป็นชุมชนคนรักกาแฟคนรัก surfboard หรือคนชอบลงทุนชุมชนเหล่านี้คือการที่คนมาร่วมกันเป็นเผ่าและแชร์คุณค่าความเชื่ออะไรร่วมกันการที่แบรนด์สามารถเข้าไปอยู่ในชุมชนนี้ได้ก็ย่อมสามารถครองใจและเติบโตไปพร้อมกับชุมชนหรือเทรนด์ที่ชุมชนนั้นก่อตัวได้ทันทีซึ่งในบทความนี้จะพาไปรู้จัก 4 แบรนด์ที่ทำได้ดีในการทำ Tribal Marketing

1. Red Bull : Red Bull เป็นตัวอย่างอย่างดีในการทำการตลาดแบบ Tribal Marketing โดย Red Bull ในต่างประเทศนั้นทำการจับกลุ่ม Tribal ที่มีความสนใจกลุ่มกีฬา Extreme ต่างๆอย่างมากไม่ว่าจะเป็นกีฬาโต้คลื่นสเก๊ตบอร์ดดำน้ำหรือในปัจจุบันอย่างการขับเครื่องบินหรือกีฬามนุษย์เหล็กต่างๆจนถึงรถแข่งอย่าง Formula 1 ก็มี Red bull เข้าไปจับสิ่งที่ Red bull ทำคือการเข้าไปสนับสนุนนักกีฬาหรือการมีทีมของตัวเองขึ้นมาทำให้แบรนด์นั้นเข้าไปอยู่ในชุมชนที่มีพลังในการชักชวนและชักนำอย่างเหนี่ยวแน่นและสร้างให้แบรนด์นั้นถูกจดจำบอกต่อผ่านกีฬาเหล่านี้ขึ้นมาซึ่งเมื่อติดเข้าไปอยู่ในกลุ่มเผ่าพันธุ์นี้แล้วก็สามารถทำให้แบรนด์สร้างตลาดได้อย่างดี

2. Patagonia : Patagonia เป็นแบรนดเสื้อผ้าที่เกี่ยวข้องกับการเดินป่าและผจญภัยรวมถึงการตั้งแคมป์ในป่าอย่างมากสิ่งที่ Patagonia คือการเลือกจับกลุ่มเป้าหมายและชุมชนของกลุ่มเป้าหมายที่มีความรักธรรมชาติและอยากอนุรักษ์ธรรมชาติขึ้นมาด้วยการที่แบรนด์สามารถสร้างคุณค่าของแบรนด์ด้วยการบอกกลุ่มลูกค้าหรือกลุ่มที่อยากอนุรักษ์ธรรมชาติว่าอย่างมาซื้อสินค้าของตัวเองเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรทำให้แบรนด์นั้นชนะใจกลุ่มเป้าหมายในชุมชนที่อยากอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างมากและทำให้แบรนด์ขายเพิ่มขึ้นได้อย่างมากแถมมีแฟนที่เหนี่ยวแน่นในการใช้แบรนด์ Patagonia อีกด้วย

3. GoPro : GoPro เช่นเดียวกับ Red Bull สิ่งที่ GoPro ทำคือการเข้าไปจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นชุมชนของคนชอบกีฬา Extreme เหมือน Red Bull แต่ข้อดีของ GoPro คือการที่ CEO นั้นเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมชุมชนของคนเล่นกีฬาแบบนี้อยู่แล้วเลยมีความเข้าใจในความต้องการของชุมชนและสร้างอุปกรณ์ที่ตอบสนองต่อ Tribal Marketing ได้อย่างดีและสิ่งที่ได้จากการทำ Tribal Marketing ของ GoPro นั้นคือเนื้อหามากมายที่เกิดขึ้นจากผู้ใช้อุปกรณ์เหล่านี้ในกิจกรรม Extreme แถมเนื้อหาเหล่านี้ถูกส่งต่อให้คนที่ชอบกิจกรรมท้าทายเหล่านี้เพิ่มเติมอีกด้วยสร้างแรงบันดาลใจมากมายจนสร้างกลุ่มเป้าหมายที่อยากใช้งานให้เติบโตได้อย่างมากมายเช่นกัน

4. Comic-Con : Comic-Con คืองานอีเว้นท์ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอีกงานและเป็นงานที่สะท้อนแบรนด์ของ Tribal Marketing ได้อย่างดีเพราะด้วยงานนี้จะรวมกลุ่มคนที่มีความหลงไหลในคอมมิกการ์ตูนอนิเมะและเกมรวมถึงซีรีย์และภาพยนต์เข้าด้วยกันกลุ่มคนพวกนี้มารวมตัวแชร์ความหลงไหล่ต่างๆให้กันและกันทำให้แบรนด์ Comic-Con สามารถสร้างผลกระทบได้อย่างมากมายเมื่อมีงาน Comic-Con เกิดขึ้นคนจะพูดถึงงานและแชร์เนื้อหาในงานออกมาแถมเกิดชุมชนมากมายแบบนี้ต่อเนื่องไปยังทั่วโลกได้เลย

ทั้งนี้นักการตลาดที่อยากทำ Tribal Marketing ลองมองหาว่าชุมชนในสังคมแบบไหนที่สะท้อนความเชื่อความหลงไหล่และความชอบเช่นเดียวกับแบรนด์ออกมาด้วยการทำ Tribal Marketing นี้จะทำให้สามารถสร้างแบรนด์และกลุ่มที่รักแบรนด์ขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่งเลยทีเดียว