จับกระแสสินค้ากลุ่ม FMCG อีกหนึ่งตลาดที่สามารถสะท้อนพฤติกรรมและกำลังซื้อของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ซึ่งจากวิกฤตที่เกิดขึ้นส่งให้ตลาดนี้มีการเปลี่ยนแปลงและส่งกระทบต่อทั้งแบรนด์และเทรนด์ผู้บริโภคในหลาย ๆ ประเด็น
ทาง Kantar (คันทาร์) บริษัทวิจัยด้านข้อมูลเชิงลึกและที่ปรึกษาทางการตลาดระดับโลก ได้เผย ข้อมูลผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 ที่มีต่อพฤติกรรมการจับจ่ายสินค้า FMCG ระดับโลก ปี 2563 และส่งผลต่อเนื่องในปีนี้ 2021 พบว่า
-การเติบโตของ FMCG ระดับโลกคาดว่า จะแตะ 10% ภายในสิ้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 และอาจจะไม่ได้เห็นการเติบโตแบบ Double-digit ของสินค้า FMCG อีก เพราะความไม่แน่นอนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น แผนการเปิดตัววัคซีน ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย กระแสการทำงานที่บ้านหลังการแพร่ระบาด และการเปลี่ยนแปลงข้อจำกัดต่างๆ ที่ส่งผลโดยตรงกับผู้บริโภค
-สินค้า Health & Beauty กระทบหนัก จากเติบโตเร็วที่สุดกลายเป็นช้าที่สุด และคาดการณ์ว่า จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งเมื่อผู้บริโภคออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านอย่างปกติอีกครั้ง แน่นอนตรงกันข้ามกับสินค้าหมวดอาหารที่เติบโตขึ้นขณะผู้บริโภคอยู่บ้าน
-แบรนด์และผู้ผลิตที่ ‘โตสวนวิกฤติ’ ที่สุดในเอเชีย ไม่เพียงแต่สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าเชื้อโรคที่ได้รับอานิสงส์จากวิกฤตนี้ แต่แบรนด์ขนมขบเคี้ยวก็ยังได้รับประโยชน์จากการแพร่ระบาดอีกด้วย
อันดับ 1 Dettol อัตราการเติบโต 60%
อันดับ 2 Harpic อัตราการเติบโต 44%
อันดับ 3 Cheetos อัตราการเติบโต 14%
อันดับ 4 Nestea และ Doritos อัตราการเติบโต 13%
ขณะที่เอเชียมีผู้ผลิตเพียง 3 ราย ที่เป็นแบรนด์ระดับโลก มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดโรคระบาด ได้แก่ Reckitt Benckiser, Kellogg’s และ Pepsico
(ข้อมูลจาก Kantar, Worldpanel Division เปรียบเทียบ MAT Q3 2020 v 2019 ของสินค้า FMCG Take Home สะท้อนข้อมูลใน 9 ตลาด ได้แก่ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม)
7 เทรนด์ที่นักการตลาดห้ามมองข้าม
ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจจะคงอยู่กับเราไปอีกสักระยะ โลกของ FMCG จะมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น ในฐานะแบรนด์ต้องไม่เพียงแต่วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดภายในประเทศเพียงอย่างเดียว แต่ต้องจับกระแสตลาดทั้งโลกให้ได้ เทรนด์ที่นักการตลาดควรตระหนักหลังจากนี้
1.สินค้าที่เน้นสุขอนามัย มีความจำเป็นช่วงนี้และหลังจากนี้ แบรนด์ต้องทำให้เกิด “Trust” และสินค้าต้องทำใช้งานง่าย
2.ผู้บริโภคจะ Work-from-home กันมากขึ้น กว่าช่วง Pre-COVID อาหารคลีนกำลังได้รับความนิยม
3.ความเป็นอยู่ที่ดี ตอนนี้ผู้บริโภคมองว่า จิตใจมีความสำคัญเท่ากันกับร่างกาย
4.การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Change) ส่งผลให้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิลและการจัดหาอย่างยั่งยืนเป็นที่โดดเด่นในการแข่งขัน ผู้บริโภคปรับพฤติกรรมตัวเองเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดการปล่อยก๊าซ
5.การเปิดรับ E-Commerce จะสูงขึ้น ผู้บริโภคปรับพฤติกรรมการจับจ่ายใหม่
6.กลยุทธ์ Premiumization จะเป็นช่องทางในการเติบโตของแบรนด์ในอีก 3 ปีข้างหน้า
7.การ Fragment ผู้บริโภค ยังคงดำเนินต่อไป และการตลาดมวลชนแบบ “Personalized” จะถูกพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น