ไม่ต้องเข้าคิวแค่เข้าครัว! เปิดโมเดล “ซีเล็ค x อาฟเตอร์ยำ” ทำไม “ฟินเหมือนกินที่ร้าน”

  • 3.3K
  •  
  •  
  •  
  •  

จะเรียกว่าปรากฏการณ์ “จากกระแสสู่กระป๋อง” ก็คงไม่ผิดสำหรับโปรเจ็กต์ซีเล็ค x อาฟเตอร์ยำ ความน่าสนใจคือโปรเจ็กต์นี้เป็นมิติใหม่ในการดึงเอาธุรกิจร้านยำกระแสแรง มาเป็นตัวช่วยเปลี่ยนภาพจำของทูน่าสำเร็จรูปบรรจุกระป๋อง ซึ่งจะส่งผลดีกับกระเป๋าและสุขภาพของผู้บริโภคได้แบบวิน-วิน-วินครบสูตร

หากมองที่องค์ประกอบเบื้องหลังโปรเจ็กต์ จะพบว่า ซีเล็คทูน่า อาฟเตอร์ยำ เป็นเมนูอาหารบรรจุกระป๋องที่มีส่วนผลมลงตัว โดยเฉพาะการย้ำว่าฟินเหมือนกินที่ร้าน เพราะจุดยืนนี้เชื่อมได้สวยกับแท็คไลน์ “DIY ทูน่าพร้อมยำ ใครทำก็อร่อย” และเสริมตัวตนของคู่หูพันธมิตรในการคอลแลปกันครั้งนี้

การร่วมมือนี้ไม่เพียงช่วยให้ซีเล็คสามารถเพิ่มทางเลือกการรับประทานปลาทูน่า ให้ของดีมีประโยชน์ที่เปี่ยมด้วยโปรตีนและโอเมก้า 3 อย่างทูน่ากระป๋องสามารถรวมความอร่อยได้แบบถูกต้องตามหลักอินไซต์พฤติกรรมผู้บริโภคไทย แต่ยังยกระดับให้อาฟเตอร์ยำสามารถขยายฐานลูกค้าแบบก้าวกระโดดชนิดที่มีไม่กี่ร้านเท่านั้นที่ทำได้ กลายเป็นอีกโมเดลที่น่าจับตาว่าจะสร้างอิมแพคในวงการอาหารสำเร็จรูปเมืองไทยได้ในอนาคต

 

ทำไมต้องอาฟเตอร์ยำ

 

อาฟเตอร์ยำหรือ After Yum เป็นร้านอาหารที่เกิดขึ้นจากเป็นการรวมหุ้นระหว่าง แต๋ง-กฤษฎ์กูล ชุมแก้ว ผู้คร่ำหวอดในวงการแฟชั่นที่มีฝีมือการยำสุดแซ่บ และดุจดิว-ธีรวิวัฒน์ บุตรตะยา สาวสวยประจำคาบาเร่โชว์ที่พัทยา ผู้ผันตัวมาเป็นนักรีวิวสินค้าความงาม หลังจากการทำยำกินกันเองในช่วงเทศกาลกินเจปี 61 ที่หาเมนูเนื้อสัตว์รับประทานลำบาก ทั้งคู่ก็ตัดสินใจเปิดร้านจนมีคิวรอยาวจนเป็นข่าวว่ามีสถิติรอนาน 8 ชั่วโมงถึงได้ลิ้มรสความอร่อย

ก่อนหน้านี้ ดุจดิวเคยถ่อมตัวเรียกร้านของตัวเองว่า “ร้านยำต่ำตม” แต่อาฟเตอร์ยำในช่วงปีก่อนโควิด-19 นั้นไปไกลเกินกว่านั้นมากเพราะกระแสความนิยมล้นหลาม จากร้านแรกที่พัทยาสามารถขยายไปสาขา 2 ที่ระยอง ซึ่งทั้งหมดนี้ผิดจากการประเมินช่วงแรกที่ขีดเส้นไว้ที่ 3 เดือนร้านจะเจ๊ง

ตรงนี้แต๋งเล่าแบบไม่อายว่าโต๊ะไม้ของร้านเป็นโต๊ะที่หยิบยืมจากร้านส้มตำทองหล่อ ขณะที่ช้อนนั้นขอยืมจากร้านโรตี ตู้แช่เย็นยืมจากอีกร้านหนึ่ง แม้แต่ซิงก์ล้างก็เอามาจากอีกที่ เพื่อวันหนึ่งที่ร้านเจ๊งจะได้เจ็บตัวน้อยที่สุด แต่ด้วยความที่อาฟเตอร์ยำเลือกปรุงรสยำด้วยปลาร้าแบบที่เจ้าของร้านชอบ การเลือกวัตถุดิบสดใหม่แบบกินแบบไหนก็ทำแบบนั้น ทั้งกุ้ง ปู และหอยแครงที่ขึ้นจากเรือและบ่อไม่กี่ชั่วโมงก็นำมาปรุงเมื่อเปิดร้านในตอนเย็น ยังมีการสร้างความประทับใจด้วยพนักงานที่บริการดีและใส่ใจเหมือนลูกค้าเป็นคนในครอบครัว บวกกับแรงโปรโมทของเน็ตไอดอลและเซเลบคนดังที่ทำให้ชื่ออาฟเตอร์ยำถูกมองเป็นเป้าหมายสุดฮอตบนโลกโซเชียล ที่ใครอยากกินก็จะต้องอดทนรอคิว

ความเด่นของอาฟเตอร์ยำโดนใจบริษัทแม่ของซีเล็คอย่างไทยยูเนี่ยน อินไซต์ที่แบรนด์ทูน่ากระป๋องมีระบุว่าเมนูยำคืออาหารขึ้นชื่ออันดับต้นๆ ที่คนไทยโปรดปราน แม้ว่าร้านอาหารหลายร้านได้นำเอาปลาทูน่ากระป๋องไปเป็นเมนูยำขึ้นโต๊ะอยู่แล้วก็ตาม แต่ก็เป็นรสมือของพ่อครัวแม่ครัวมืออาชีพที่ยากจะเลียนแบบ รวมถึงการสั่งยำกลับบ้านเป็นเรื่องยากที่คงรสชาติความอร่อยแบบเดิม

 

ง่ายแถมนัว

 

ปัญหานี้นำไปสู่การร่วมมือผลิตเป็น “ซีเล็คทูน่า อาฟเตอร์ยำ” รสใหม่ที่ชูจุดขายว่า “DIY ทูน่าพร้อมยำ ใครทำก็อร่อย” คนรักยำจะไม่ต้องเข้าคิว แต่แค่เข้าครัวก็สามารถ DIY ความอร่อยได้ตามชอบ เพราะมีน้ำยำสูตรเด็ดของอาฟเตอร์ยำที่มีความกลมกล่อมเป็นพื้นฐาน เพียงแค่เติมพริก บีบมะนาว ให้ได้รสเปรี้ยว เผ็ดตามต้องการ

ความร่วมมือในลักษณะนี้เกิดขึ้นได้เพราะไทยยูเนี่ยนนั้นมีนโยบายส่งเสริม SME หรือสตาร์ทอัปจากภายนอกองค์กรอยู่ตลอด ประกอบกับแนวคิดที่ว่า นวัตกรรมเกิดขึ้นได้รอบตัว มีอยู่ทุกที่ และบางครั้งก็ต้องร่วมมือกับคนที่เก่งในเรื่องนั้นๆเพื่อสร้างสิ่งใหม่ร่วมกัน ดังนั้นเมื่อได้เห็นการเติบโตของอาฟเตอร์ยำ ซีเล็คจึงเชื่อในศักยภาพ แล้วเปิดกว้างทำความร่วมมือเพื่อเพิ่มทางเลือก  ซึ่งเมื่อเติมความพร้อมด้านเครื่องมือ วัตถุดิบ คนลงไปผสมกับวิธีคิดแบบ Agile ทำให้บริษัทใหญ่อย่างไทยยูเนี่ยนสามารถยืดหยุ่น ปรับตัวเร็ว ทดลองทำอะไรใหม่ๆ แล้วก็เรียนรู้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคแบบทันที

สิ่งที่ไทยยูเนี่ยนได้รับเต็มที่คือการเพิ่มทางเลือกรับประทานปลาทูน่า เพราะไทยยูเนี่ยนเป็นผู้ผลิตทูน่ากระป๋องเป็นอันดับ 1 ของโลก บริษัทจึงมีข้อมูลว่าปัจจุบันสัดส่วนการรับประทานปลาทูน่าในประเทศไทยยังค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับในต่างประเทศ ทั้งที่ปลาทูน่าถือเป็นปลาที่มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมด้วยโปรตีน และโอเมก้า 3 แถมมีไขมันต่ำ เมนูยำทูน่าจึงสานต่อเป้าหมายที่ซีเล็คอยากให้คนไทยได้รับทั้งโภชนาการที่เหมาะสม แถมรสชาติยังอร่อยถูกปากคนไทยด้วย

ผลลัพท์ที่ได้คือ ซีเล็ค x อาฟเตอร์ยำ กลายเป็นสินค้าใหม่ที่มีแก่นสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภค ด้วยขั้นตอนที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว และได้รสชาติที่ถูกใจ อีกทั้งยังสามารถสร้างสรรค์เป็นเมนูอื่นๆ ได้หลากหลาย

ศรัณย์ รัตนรุ่งเรืองชัย ผู้จัดการทั่วไป บริหารกลุ่มตลาดเกิดใหม่ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บอกว่ากลยุทธ์การสื่อสารการตลาดที่วางไว้ให้ ซีเล็ค x อาฟเตอร์ยำ คือการปูพรมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ การสื่อสารบนแพลตฟอร์มออนไลน์นั้นจัดเต็มทั้ง Influencer นักร้อง นักแสดง และเน็ตไอดอลกว่า 23 คนบนช่องทางโซเชียลมีเดีย นำทีมโดยกอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล เจนนิเฟอร์ คิ้ม และโอปอล์-ปาณิสรา อารยะสกุล พีทอีทแหลก มาวินฟินเวอร์

นอกจากการสื่อสารบนแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อโหมกระแสปรากฏการณ์ยำ DIY ซีเล็ค x อาฟเตอร์ยำยังขยายการรับรู้ไปยังผู้บริโภคในกว้างผ่านช่องทางออฟไลน์ด้วย โดยแบรนด์เตรียมจัดโรดโชว์ แนะนำสินค้า ณ จุดขาย โปรโมทผ่านรายการโทรทัศน์ ยังมีการสื่อสารผ่านสื่อนอกบ้าน (OOH – Out of Home) อย่างป้ายโฆษณา บิลบอร์ดตามจุดต่างๆ

ช่องทางวางจำหน่ายหลักของ ซีเล็คทูน่า อาฟเตอร์ยำ คือบิ๊กซี เซเว่นอีเลฟเว่นทั้งหน้าร้านและออนไลน์ ท็อปส์ เทสโก้โลตัส และซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศ มีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 140 กรัม ราคา 69 บาท และ 80 กรัม ราคา 39 บาท ขณะที่ช่องทางออนไลน์คือ Shopee JD Central และ Grabmart

สิ่งที่ต้องรอดูต่อจากนี้คือการโคจรมาเจอกันครั้งแรกของอันดับ 1 ของวงการทูน่าและตัวแม่แห่งวงการยำ จะสามารถสร้างอิมแพคให้วงการอาหารไทยสำเร็จหรือไม่ หากทำได้ “ซีเล็ค x อาฟเตอร์ยำ” จะเป็นกรณีศึกษาสำคัญเรื่องธุรกิจร้านอาหารจะสามารถสร้างแบรนด์โดยที่ลูกค้าไม่ต้องไปถึงร้าน ขณะที่แบรนด์อาหารสำเร็จรูปจะสามารถลบภาพจำ เพิ่มทางเลือกให้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้หลากหลายกว่าเดิม


  • 3.3K
  •  
  •  
  •  
  •