Made in China กำลังกลายเป็นเทรนด์ของตลาดจีนยุคใหม่ เมื่อความสำเร็จที่อาจกล่าวได้ว่ามาจากการปั้นแบรนด์ในจีน ที่ทำให้คนหนุ่มสาวชาวจีนและผู้มีกำลังซื้อ กำลังให้ความนิยมสินค้าที่เป็น Made in China มากขึ้น
ที่สำคัญคือ เทรนด์นี้อาจจะกลายเป็นกระแสหลักในระยะยาวไปจากนี้ด้วย เรื่องนี้มีความสำคัญมากสำหรับการทำตลาดในจีน และเป็นเรื่องที่ควรศึกษาในกรณีการปั้นแบรนด์ที่ผูกติดกับความเป็นชาตินิยมในจีนได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งก่อนหน้านี้ ชาติมหาอำนาจที่เด่นด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีอย่าง สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมนี ต่างเคยทำสำเร็จมาแล้ว
แล้วจีนทำได้ยังไง ลองมาเข้าใจเทรนด์นี้กันครับ
สินค้าอุปโภค จับกลุ่มคนจีนรุ่นใหม่
มีรายงานมาเป็นระยะว่า กลุ่มคนจีน Gen Z หรือบรรดาเด็กหนุ่มสาวที่เกิดในช่วงทศวรรษ 2000 เป็นต้นมา หรือในช่วงอายุ 15-19 ปี กำลังมีความนิยมสินค้าหรือแบรนด์ที่ได้ชื่อว่าเป็น Made in China มากขึ้น โดยข้อมูลนี้มาจากการสำรวจของ Jing Daily
ซึ่งในเวลานี้เราคงต้องยอมรับว่าคนหนุ่มสาวรุ่น Gen Z ถือว่าเป็นประชากรที่มีกำลังซื้อมาแรงอีกกลุ่มหนึ่ง โดยครอบคลุมมากกว่าร้อยละ 30-40 ของผู้บริโภคทั้งหมด แต่กลับยังไม่มีแบรนด์ดังจากตะวันตกที่เข้ามาในจีนสามารถจับกลุ่มนี้ได้อย่างชัดเจนเลย
มีรายงานจาก Jingdaily ระบุว่า กลุ่มคน Gen Z มีแนวโน้มในการจับจ่ายซื้อสินค้าหรือช็อปปิ้งของแบรนด์เนมหรูจากจีนเองหรือแบรนด์ท้องถิ่นของจีนมากขึ้น ซึ่งสวนทางกับคน Gen X-Y
โดยมีตัวเลขชี้ว่า ในปี 2019 ที่ผ่านมา มีแบรนด์ชุดออกกำลังกายและชุดว่ายน้ำ ที่เป็นแบรนด์ของจีน Made in China มียอดซื้อเพิ่มขึ้นกว่า 20% ซึ่งถือว่าเป็นอัตรายอดซื้อที่เติบโตสูงสุดสำหรับกลุ่มชุดออกกำลังกายและชุดว่ายน้ำนับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมาเลยทีเดียว
มีการวิเคราะห์เพิ่มเติมว่า อาจเพราะคนกลุ่ม Gen Z เติบโตมาในยุคสมัยที่ จีนกำลังกลายเป็นลูกพี่ใหญ่ในทางเศรษฐกิจของเอเชียและกำลังขึ้นเป็นอันดับต้นๆของโลก พวกเขาจึงมีความรู้สึกว่า ของที่ผลิตในจีนไม่ได้เลวร้าย หรือมีภาพลักษณ์ไม่ดีเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา
KOL มีส่วนกระตุ้น
แล้วยังมีอีกปัจจัยคือ การทำตลาดของแบรนด์จีนร่วมกับกลุ่ม Celeb หรือ KOL ที่คนรุ่นนี้นิยมเสพข้อมูลและข่าวสารทางโซเชียล ไปจนถึงยอดติดตามทาง Weibo ที่พวกเขามีแนวโน้มจะทำตามในสิ่งที่ผู้มีอิทธิพลบนโซเชียลเหล่านี้ใช้หรือสวมใส่เป็นหลัก
ทั้งยังมีงานวิจัยบางส่วนที่บ่งชี้ว่า สำหรับคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ในช่วง 15-20 ปีนี้ ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของจีน ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของความภาคภูมิใจที่มีต่อความเป็นจีนที่ยิ่งใหญ่ในยุคปัจจุบัน ซึ่งก็ไม่น่าแปลก เนื่องจากในทศวรรษนี้ จีนกำลังผงาดขึ้นมาเป็นชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับสองของโลก และกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของสหรัฐอเมริกาในการช่วงชิงความเป็นชาติผู้นำโลก โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ
ส่วนความเชื่อถือที่มีต่อ KOL พบว่าจีนเป็นชาติที่มีแนวโน้มเชื่อถือการนำเสนอของ KOL ตามสื่อเป็นอันดับต้นๆในทวีปเอเชีย
รถยนต์จีนยอดผลิตและยอดขายเพิ่ม
เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์จีน ที่ถือว่าเป็นสินค้ากลุ่มใหญ่ที่เป็นตัวชี้ว่า เศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นฟูหรือร่วงลง ที่สำคัญคือ จัดเป็นสินค้าอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จในการปั้นแบรนด์แบบ Made in China
ซึ่งหลังจากผ่านวิกฤตโควิดมาแล้ว เราพบว่าตลาดจีนยังคงมีแนวโน้มในการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยประเมินจากการผลิตและการขายรถยนต์ในจีนเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 7 เดือน
ตรงนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะมันเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจีนที่ฟื้นกลับมาอย่างต่อเนื่อง บวกกับการกระตุ้นของกิจกรรมต่างๆ ตัวอย่างอย่างเช่น เทศกาลวันคนโสด 11.11 มอเตอร์โชว์ การเอาเทศกาลต่างๆมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ หรือการนำเสนอเรื่องพลังงานใหม่ในชนบท และการสนับสนุนจากภาครัฐต่างๆ ทั้งหมดมีส่วนมากในการทำให้ตลาดรถยนต์ในจีนฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
สำหรับยอดการผลิตรถยนต์ที่เปิดเผยโดย สมาคมอุตสาหกรรมรถยนต์แห่งประเทศจีน เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พบว่า มียอดการผลิต 2.55 ล้านคันและยอดขายรถยนต์มี 2.57คัน มีอัตราเติบโตอยู่ที่ 0.9% และ 0.1% จากเดือนที่ผ่านมา และเติบโตกว่า 11% กับ 12.5% จากช่วงเวาเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ความเร็วในการเติบโตยังคงสูงกว่าเดือนที่ผ่านมา จนถึงเดือนพฤศจิกายนนี้ ยอดการผลิตและการขายรถยนต์ในจีนเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 7 เดือน ซึ่งยอดขายได้มีการเติบโตคงที่ 10% ติดต่อกัน 6 เดือน
หลังจากที่ประสบกับยอดที่ลดลงตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา Self-owned Brand ของจีนก็ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในเดือนที่แล้วและมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าอุตสาหกรรมทั้งหมดอย่างเห็นได้ชัด ในเดือนตุลาคม ยอดขายรถยนต์ Self-owned Brand สูงถึง 869,000 คัน เพิ่มขึ้น 10.0% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมาและเพิ่มขึ้น 12.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน ในจำนวนนี้ส่วนแบ่งการตลาดของรถยนต์แบรนด์จีน SUV และ MPV อยู่ที่ 23.4% 52.2% และ 69.8% ตามลำดับ ซึ่งทั้งหมดเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นส่วนแบ่งของ Self-owned Brand ในยอดขายรถยนต์นั่งทั้งหมด ก็เรียกได้ว่าเกินกว่า 40% เพิ่มขึ้น 3.5% จากเดือนก่อนหน้าและเพิ่มขึ้น 1.1% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
นอกจากนี้ยังพบว่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ส่วนแบ่งทางการตลาดของรถยนต์แบรนด์จีน SUV และ MPV อยู่ที่ 19.6% 48.6% และ 67.5% ตามลำดับ ถือว่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ตรงนี้จะเห็นได้ว่า คนจีนมีความต้องการในการซื้อสินค้าที่ต้องใช้เทคโนโลยีอย่างเช่นรถยนต์ ด้วยแบรนด์จีนเพิ่มขึ้นด้วย
เขียนโดย อิทธิชัย อรรถกระวีสุนทร
Expertise: China Marketing
อ่านบทความ Exclusive เพิ่มเติมได้ที่นี่
Copyright © MarketingOops.com