ล่องเหนือสู่ ‘เชียงราย’ กับเป้าหมาย High season ตลอดทั้งปี!

  • 26
  •  
  •  
  •  
  •  

คงมีหลายๆ คนนั่งนับวันเตรียมเค้าดาวน์เข้าสู่ ‘ฤดูหนาว’ อยากเก็บเสื้อผ้าแพ็คใส่กระเป๋าขึ้นเหนือไปสัมผัสอากาศหนาวสุดขั้วบนยอดดอยที่จ.เชียงราย แต่คงไม่มีใครนึกถึง ช่วงเวลา ‘ปลายฝนต้นหนาว’ แม้เป็นช่วงโลว์ซีซั่นที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว แต่กลับเป็นช่วงเวลาที่ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่มที่สุดแห่งปี ความเขียวที่สบายตา อากาศเย็นที่สบาย กลิ่นอายฝนเจือจางเตะจมูก ถือได้ว่าเชียงรายเป็นจังหวัดที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่เว้นแม้แต่ฤดูฝน

ภาพรวมภาคการท่องเที่ยวของเชียงรายในปัจจุบัน เราจะเห็นความกระจุกตัวอยู่แค่ในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นเดียวของเชียงรายหรืออาจจะทั่วทั้งภาคเหนือเลยก็ได้ เราเลยอยากพาทุกคนมาล่องเหนือทั่วเชียงรายด้วยกันว่า ไม่ได้มีแค่ฤดูหนาวที่น่าสนใจ แต่ยังมีฤดูอื่นในช่วง 7-8 เดือนที่เหลือตลอดทั้งปี ที่สามารถท่องเที่ยวได้เหมือนกัน แถมอาจได้ประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมด้วย

ลองย้อนไปดูข้อมูลการท่องเที่ยวของเชียงราย อย่างในปี 2561 เชียงรายเป็นจังหวัดเมืองรอง ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดเป็นอันดับ 3 กว่า 3.6 ล้านคน ตามสถิติของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และส่วนใหญ่เป็นคนไทย 80% และอีก 20% เป็นชาวต่างชาติ (คนจีน) และในปีเดียวกัน เชียงราย จัดว่าเป็นเมืองรองที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวสูงที่สุด อยู่ที่ประมาณ 5,400 บาท/ครั้ง/คน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย

คุณกิตติ ทิศสกุล ที่ปรึกษาสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจ.เชียงราย ได้เล่าให้เราฟังถึงธีมการท่องเที่ยวของเชียงรายแบบ ‘Green Tourism’ ซึ่งมีมานานเป็น 10 ปีแล้ว โดยเป็นเทรนด์การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่เป็นกระแสไปทั่วโลก และยังคงเดินหน้าสานต่อธีมนี้ต่อไป

โมเดลกระตุ้นท่องเที่ยวเชียงราย ทั้ง short trip – long stay ตลอดทั้งปี

ด้วยภูมิประเทศที่ตั้งอยู่บนรอยต่อของทั้ง 3 ประเทศ (ไทย-สปป.ลาว-เมียนมา) ดังนั้น เชียงรายจึงมีความหลากหลายมากในเรื่องการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ, เชิงสุขภาพ, เชิงกีฬา, เชิงประวัติศาสตร์ และเชิงวัฒนธรรม-ศาสนา

คุณกิตติ ได้พูดถึงแผนกระตุ้นท่องเที่ยว จ.เชียงราย ตลอดทั้งปีให้ฟัง เชียงรายตั้งใจจะดึงจุดเด่นในแต่ละด้านออกมา ยกตังอย่างเรื่อง ‘Wellness’ ที่พยายามปลุกปั้นเมืองสมุนไพรเด่นๆ ของแต่ละหมู่บ้าน หรือจะเป็นการท่องเที่ยวที่เน้นการเชื่อมโยง GMS (อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ) เพื่อก่อให้เกิดการขยายตัวทางด้านการท่องเที่ยวมากขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน

นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้เกิด ‘Sport Tourism’ อย่างการปั่นจักรยานชมทิวทัศน์ที่เขียวขจีช่วงฤดูฝน, การชมวิว 360 องศาที่สามารถดึงดูดเหล่านักปั่นในอนาคตได้

แถมยังวางหมุดไว้ต้องการปั้นงาน ‘Lanna Green Expo’ และเพิ่มจุดแลนด์มาร์คใหม่เช่นที่ ‘ถ้ำหลวง’ ผลักดันให้เป็น Religion Tourism รวมถึงให้เชียงรายเป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่ๆ อย่าง Asean Green Expo, Sport World Event, พืชสวนโลก หรืองานเชียงราย Biennale แหล่งรวมศิลปะจากทั่วโลก เป็นต้น

ท่องเที่ยว ‘เชียงราย’ ไม่ได้มีดีแค่ฤดูหนาว แต่สนุกได้ทั้ง 365 วัน!

‘สิงห์ปาร์ค เชียงราย’ หนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของจังหวัด กลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงราย จากการจัดกิจกรรมงานเทศกาลต่างๆ ที่ช่วยกระตุ้นให้คนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเชียงรายเพิ่มมากขึ้น พร้อมรองรับผู้คนและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเป็นจำนวนมาก

ศักยภาพตรงนี้ทำให้ ‘สิงห์ปาร์ค เชียงราย’ มองเห็นโอกาสการท่องเที่ยวที่นอกเหนือจากไฮซีซั่นในช่วงฤดูหนาว ว่าสามารถท่องเที่ยวในฤดูกาลอื่นได้เหมือนกัน

อย่างโปรเจคล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สิงห์ปาร์ค ได้ร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็น เทศบาลนครเชียงราย, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), สำนักงานเชียงราย, สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดเชียงราย, สมาคมโรงแรมเชียงราย และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ในการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงปลายฝนต้นหนาว ประเดิมโปรเจ็ค ‘แอ่วเจียงฮายวันฝนพรำ’ เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเยือนจังหวัดเชียงราย สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ในช่วงที่ธรรมชาติเขียวขจีมากที่สุด ต่อด้วยการจัดบิ๊ก 4 อีเว้นท์ใหญ่ต้อนรับไฮซีซั่นฤดูหนาว ตลอด 4 เดือน (พย.63 – กพ.64) เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นจังหวัดเชียงราย เกิดการจ้างงานและ สร้างรายได้ กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง

คุณพงษ์รัตน์ เหลืองธำรงเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย กล่าวว่า “ในฤดูฝนเป็นช่วงที่เชียงรายมีทัศนียภาพที่สวยงามมาก พูดได้ว่าเป็นธรรมชาติที่เขียวกว่าปกติด้วยซ้ำไปถ้าเทียบกับช่วงอื่นของปี ซึ่งทางสิงห์ปาร์คเอง ได้กระตุ้นการท่องเที่ยวเชียงราย ด้วยการลดราคาสำหรับแพ็กเกจในช่วง Green Season แบบนี้ เพื่อส่งเสริมให้คนไทยท่องเที่ยวในประเทศ ไม่ว่าจะเป็น one day trip, food combo และ happy family day เป็นต้น”

หากเรามาดูกิจกรรมในสิงห์ปาร์คจะเห็นเลยว่า นอกจากฤดูหนาวแล้ว ความสวยงามและความสนุก เกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี บนเนื้อที่กว่า 8,600 ไร่ โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ทิวทัศน์ภูเขา ดังนั้น ในแต่ละฤดูที่นี่จะมีความสวยงามที่แตกต่างกัน

ภายในสิงห์ปาร์ค เชียงราย อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย รองรับนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม ‘ฟาร์มทัวร์’ นั่งรถชมความสวยงามของตัวไร่ ชมดอกไม้นานาพันธุ์ที่โซน Flower Bloom พร้อมจุดเช็คอินถ่ายภาพมากมาย หรือสำหรับคนที่ชื่อชอบกิจกรรมแนว adventure ก็มี ซิปไลน์, ปีนหน้าผาจำลอง ทั้งยังมีร้านอาหารและคาเฟ่ให้เลือกรับประทาน พร้อมชมวิวทะเลสาบและไร่ชาสุดลูกหูลูกตา อันนี้เป็นแค่กิจกรรมบางส่วนที่เรายกตัวอย่างให้ฟัง เพราะของจริงกิจกรรมมันเยอะมากต้องไปสัมผัสด้วยตัวเอง

นอกจากนี้ คุณพงษ์รัตน์ ยังบอกด้วยว่า ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวไฮซีซั่นของเชียงรายที่กำลังจะถึงนี้ สิงห์ปาร์ค ได้เตรียมกิจกรรมสนุกๆ แบบ non-stop กันยาวๆ โดยเริ่มที่งานเทศกาลฟาร์มเฟสติวัลจัดขึ้นระหว่าง 25-29 พย.นี้, งานเคาน์ดาวน์แสงเหนือ 30 ธค. – 1 มค. 64., งานไลท์ เฟสติวัล VILLAGE OF ILLUMINATION เทศกาลไฟ ไม่ต้องไปไกลถึงญี่ปุ่น ที่จะเนรมิตพื้นที่ภายในสิงห์ปาร์คกว่า 100 ไร่ ให้กลายเป็นทะเลไฟ สว่างไสวในยามค่ำคืน เริ่มตั้งแต่ 1 มค. – 14 กพ. 64 ยาวไปจนถึงงานเทศกาลบอลลูนนานาชาติ เพียงแต่ปีหน้าอาจมีการปรับเปลี่ยนกิจกรรมเล็กน้อยตามความเหมาะสม (เพราะข้อจำกัดจากการระบาด COVID-19)

แล้วก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อย่างเช่นการแข่งขันกีฬา เช่น ในปี 2019 ที่มีการจัดงาน ‘สิงห์ อินเตอร์เนชั่นแนล ไตรแอทรอนเชียงราย’ ซึ่งอีเวนต์เหล่านี้ทำให้นักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางมาเชียงรายเยอะขึ้น และทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักจังหวัดนี้มากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ เชียงรายยังโดดเด่นเรื่องสถาปัตยกรรมจากวัดวาอาราม เช่น วัดร่องขุ่น, วัดพระธาตุดอยตุง, วัดร่องเสือเต้น, วัดห้วยปลากั้ง, วัดทรายขาวสไตล์ดินแดนภารตะ, ถ้ำหลวงนางนอน และวัดมิ่งเมือง ทั้งยังมีถนนแห่งวัฒนธรรมอย่าง ‘ถนนคนม่วน’ ที่สันโค้งน้อย สำหรับคนที่สนใจประเพณี-วัฒนธรรม ซึ่งเชียงรายเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีชาติพันธุ์อาศัยอยู่จำนวนมาก ส่วนแหล่งธรรมชาติสวยๆ ที่ขึ้นชื่อ อย่างเช่น สวนแม่ฟ้าหลวง, ภูชี้ฟ้า, ดอยผาตั้ง, ภูชี้ดาว, ดอยผาฮี้ เป็นต้น

ทั้งนี้ คุณกิตติ ยังกระซิบด้วยว่า แผนกระตุ้นท่องเที่ยวไม่ได้ดึงดูดแค่นักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่สำหรับภาคธุรกิจก็เปิดพื้นที่ด้วยเช่นกัน เช่น สายการบิน ไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจจะเห็นรูทบินระหว่างเชียงราย กับเมืองใกล้ๆ ในจีนก็ได้ หรือธุรกิจเช่ารถเที่ยวข้ามพรมแดนประเทศ, ธุรกิจด้าน wellness จนไปถึง โลจิสติกส์

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้แค่อยากบอกต่อว่า ไม่ใช่แค่ฤดูหนาวเท่านั้นถึงมาเที่ยวที่เชียงรายได้ เพราะดูจากสถานที่ท่องเที่ยว, แลนด์มาร์คสำคัญๆ และกิจกรรมมากมายในเชียงราย เราสามารถทำได้ในช่วงซีซั่นอื่น แถมอาจจะสนุกกว่าเดิมด้วยซ้ำไป แค่ลองเปิดใจดูสักนิดทุบกำแพง comfort zone ออกไป เราจะเห็นว่าสถานที่ที่ใช่และเป็นตัวตนเราจริงๆ อาจเป็นพื้นที่ใหม่ ในช่วงเวลาใหม่ที่เราไม่เคยมาสัมผัสเลยก็ได้


  • 26
  •  
  •  
  •  
  •