ข้อมูลเชิงลึกการทำตลาดในประเทศจีน เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค

ในงานพูดคุยกับสาธารณชนครั้งแรกของ GIA Acceleration Program Shanghai ทางด้านของ Emily Xu ในฐานะของหัวหน้าโครงการมีการออกมาพูดถึง Digitalization หรือ การใช้เทคโนโลยีด้านดิจิทัลเพื่อให้ธุรกิจเติบโตมากยิ่งขึ้นในประเทศจีน ซึ่งเนื้อหาโดยสรุปที่รวบรวมมาไว้ให้ ทุกคนจะเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับนวัตกรรมดิจิทัลในประเทศจีน โดยเฉพาะบรรดาบริษัทสตาร์ทอัพของต่างชาติ สามารถติดตามแนวโน้มด้านเศรษฐกิจที่อ้างอิงจากกลุ่มผู้บริโภคได้จริง

ผู้บริโภคจีนคือปัจจัยสำคัญของธุรกิจ

ในช่วงเทศกาล Mid-year 618 เมื่อตอนกลางปีที่ผ่านมา JD.com มียอดขายพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 269.2 พันล้านหยวน แต่ในทางกลับกันชื่อแบรนด์ยักษ์ใหญ่ทางฝั่งตะวันตกหลายเจ้าไม่สามารถทำยอดได้ตามเป้าด้วยการแข่งขันที่มีความรุนแรงสูงมากในจีน เช่น Best Buy เป็นต้น ซึ่งการเศรษฐกิจในประเทศจีนถูกอิงโดยผู้บริโภค การทำความรู้จักกับลูกค้าให้มากที่สุด พร้อมทั้งพยายามให้พวกเขามีส่วนร่วมกับธุรกิจ คือกุญแจแห่งความสำเร็จ ซึ่งต้องทำความเข้าใจว่าไม่ใช่แค่กับการทำกับลูกค้าในกลุ่ม B2C หรือกลุ่มเป้าหมายบุคคลเท่านั้น แต่ยังต้องมองถึงลูกค้ากลุ่ม B2B (การทำกับลูกค้ากลุ่มธุรกิจ) ด้วย

ความเข้าใจในระบบของประเทศจีน

สิ่งสำคัญลำดับแรกที่ทุกคนต้องเข้าใจคือ จีน ใช้สัญญาณที่เรียกว่า “อินทราเน็ต” ซึ่งถ้าเทียบง่าย ๆ ก็คือ เป็นระบบเฉพาะของประเทศ ป้องกันไม่ให้คนอื่น ๆ นอกประเทศเข้ามาลุกล้ำหรือนำเสนอเรื่องราวที่ไม่ผ่านการตรวจสอบโดยรัฐบาล ดังนั้นการจะเลือกทำตลาดหรือมีส่วนร่วมบนโลกออนไลน์ของเมืองจีนจึงต่างไปจากประเทศอื่น ๆ ในยุคที่ระบบดิจิทัลครองเมืองแบบนี้ ระบบ firewall มีส่วนสำคัญในการทำให้แอปฯ บนมือถือแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งตรงนี้ก็หมายรวมถึงการมีส่วนร่วมของลูกค้าที่มากขึ้นด้วย

แนะนำ 3 แบรนด์ดังที่ทำตลาดในจีนพร้อมให้ลูกค้ามีส่วนร่วม

WeChat : ดึงดูดลูกค้าจากฟังก์ชั่นต่าง ๆ ในตัวเอง

จริง ๆ แล้ว WeChat ก็เหมือนการจำลองเอา WhatsApp Messenger มาใช้งานให้ง่ายขึ้น ทว่านับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกก็ค่อย ๆ พัฒนาเป็นแอปฯ การส่งข้อความแบบ All in One มีการรวมฟังก์ชั่นพร้อมบริการต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เข้าถึงการใช้ชีวิตประจำวันของคีนจีนได้อย่างรวดเร็ว บวกกับการเปิดตัวระบบ Mini Programs เมื่อปี 2017 ทำให้การใช้งานของแอปฯ นี้ขยายเพิ่มขึ้น

Taobao Live : ดึงดูดลูกค้าด้วยการโต้ตอบ

เมื่อตอนอีเวนท์ช็อปปิ้งของคนโสดปี 2019 Taobao Live มียอดขายสูงกว่า 2 หมื่นล้านหยวน ซึ่ง Li Jiaqi เจ้าของฉายาราชาลิปสติก เป็นหนึ่งในผู้ที่ทำการ live ยอดฮิตเบอร์ต้น ๆ ของ Taobao เคยใช้เวลาเพียง 5 นาที แต่สามารถขายลิปสติกได้ถึง 15,000 แท่ง ขณะเดียวกันทางด้านของ แจ๊ค หม่า ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว พร้อมจับมือกันเพื่อเข้าสู่ความท้าทายในการขายลิปสติก

มากไปกว่านั้นบรรดาคนดัง เน็ตไอดอล ทั้งหลายยังมีการขอความร่วมมือจาก Taobao เพื่อให้ทำการสตรีมมิ่งสด ๆ กับ Kim Kardashian ขณะที่สตรีมเมอร์ชื่อดังอีกคนอย่าง Viya ก็สามารถขายน้ำหอม KKW ได้ถึง 15,000 ขวด ภายในเวลาไม่กี่นาที

ตรงนี้จะสังเกตเลยว่าการไลฟ์สตรีม ทำให้ผู้ชมมีส่วนร่วมกับการซื้อมากยิ่งขึ้น ช่วยแก้ปัญหาบรรดาธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ที่ไม่ค่อยมีลูกค้าเข้าหา วิธีนี้ไม่เพียงแค่ได้เข้าถึงลูกค้าโดยตรง แต่ยังเกิดความคุ้มค่าด้านอื่น ๆ ตามมาอีกด้วย

Pinduoduo : ดึงดูดกลุ่มลูกค้าชนบท

กรณีของ Pinduoduo ได้แสดงให้เห็นถึงการยกระดับเรื่องการบริโภคของคนที่อาศัยในชนบท ประกอบกับความเร็วในการใช้งานอินเตอร์เน็ตของจีนที่เข้าถึงมากขึ้น การเลือกกำหนดเป้าหมายในกลุ่มลูกค้าที่อาศัยอยู่ตามชนบท หรือกลุ่มคนรายได้น้อย พวกเขาเน้นราคาต่ำ แต่จะใช้วิธีสร้างธุรกิจแบบ group buy หรือซื้อในปริมาณมาก ๆ เพื่อให้ลูกค้าหลายคนได้มีส่วนร่วม ประกอบกับการตลาดที่เรียกว่า fission marketing ก็ทำให้ Pinduoduo เติบโตอย่างรวดเร็ว

สรุปแนวคิด

การแข่งขันในตลาด B2C มีความเข้มข้นมากขึ้น ทุกธุรกิจที่เข้ามายังกลุ่มนี้จะพยายามดึงดูดลูกค้าให้เข้าหาตนเองมากที่สุด เน้นการปรับเปลี่ยนประสบการณ์เก่า ๆ ของลูกค้าให้เป็นเรื่องใหม่ ขณะเดียวกันตลาด B2B ทุกธุรกิจสามารถเรียนรู้จากสิ่งที่สะท้อนกลับมาผ่านรูปแบบการมีส่วนร่วมของลูกค้ากลุ่มดังกล่าว อย่างไรก็ตามต้องติดตามต่อว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นอย่างไรต่อในเชิงเศรษฐกิจของผู้บริโภค

เขียนโดย อิทธิชัย อรรถกระวีสุนทร
Expertise: China Marketing
อ่านบทความ Exclusive เพิ่มเติมได้ที่นี่