ในยุคที่ธุรกิจบอกว่าช่องทางออนไลน์ คือโอกาสสำหรับการสร้างธุรกิจให้สามารถเติบโตได้ ในเวลาที่ธุรกิจถูกจำกัดด้วยหลายปัจจัย ทั้งสถานการณ์โรคระบาดและสภาวะเศรษฐกิจ แต่มีหลายธุรกิจที่ต้องยอมรับว่ายังคงมืดแปดด้านสำหรับการเข้าสู่โลกออนไลน์ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ SME ที่มีเงินทุนน้อยแต่ต้องการเข้าสู่โลกออนไลน์ผ่านระบบเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูง
ด้วยข้อจำกัดด้านเงินทุน ขณะที่ตลาดเข้าสู่โลกออนไลน์เต็มรูปแบบ ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจ SME จำเป็นต้องนำธุรกิจเข้าสู่โลกออนไลน์ ซึ่งย่อมหมายถึงการลงทุนด้วยมูลค่าสูงในระบบต่างๆ ด้านออนไลน์ นี่คือจุดอ่อนที่ MyCloudFulfillment เล็งเห็นและต้องการเข้าไปปิดจุดอ่อนให้กับธุรกิจ SME เหล่านั้น เพื่อให้ร้านค้าอยู่รอดในโลกอีคอมเมิร์ซแห่งอนาคต
MyCloudFulfillment คือใคร?
ถ้าจะพูดให้ชัดเจน MyCloudFulfillment คือ Startup ที่ดำเนินธุรกิจด้านคลังสินค้าออนไลน์ครบวงจร ที่มาพร้อมกับระบบจัดการออเดอร์ (OMS) และระบบจัดการคลังสินค้า (WMS) ช่วยร้านค้าจัดการสินค้าทั้งในด้านการจัดเก็บสินค้า แพ็คสินค้า ส่งสินค้าไปยังผู้รับ และเชื่อมต่อระบบ API เข้ากับช่องทางการขายต่างๆ อย่าง LAZADA หรือ Shopee ได้แบบอัตโนมัติ
ด้วยรูปแบบบริการที่ยืดหยุ่น พร้อมด้วยบริการแพ็คสินค้าที่สามารถเลือกได้ตามต้องการ (Customize) เช่น การแพ็คแบบพิเศษ การควบคุมคุณภาพสินค้า (QC) การจัดเซ็ทสินค้า เป็นการบริการที่ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าให้มากกว่าแค่การจัดแพ็คสินค้าทั่วไป อีกทั้งยังช่วยจัดการระบบ Supply Chain รวมถึงการจัดการคำสั่งซื้อและนำข้อมูลการขายมาวิเคราะห์ประกอบการตัดสินใจทางธุรกิจได้
ปัจจุบัน MyCloudFulfillment มีจำนวนสินค้าในระบบมากกว่า 100,000 SKUs โดยมียอดออเดอร์สูงสุดต่อวันถึง 50,000 ออเดอร์ เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมาพบว่า จำนวนออเดอร์เติบโตขึ้นกว่า 6 เท่า และช่วงครึ่งปีที่ผ่านมามีมูลค่าซื้อขายสินค้าผ่านคลังสินค้ากว่า 500 ล้านบาท
e-Commerce ยังมีโอกาสเติบโต
โดยข้อมูลจาก Statista พบว่า ปัจจุบันแนวโน้มตลาดซื้อขายสินค้าออนไลน์หรือ e-Commerce ทั่วโลกมีการเติบโตต่อเนื่อง และคาดการณ์ว่าในปี 2563 มูลค่าตลาด e-Commerce ทั่วโลกจะอยู่ที่ 75 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ถึง 26% โดยมีจำนวนผู้ใช้งานมากถึง 3,468 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ถึง 9.6% ซึ่งเอเชียจะกลายเป็นภูมิภาคที่มีขนาดตลาด e-Commerce สูงที่สุด
มีการคาดการณ์ว่า รายได้ตลาด e-Commerce จากภูมิภาคเอเชียมูลค่าจะแตะที่ 45 ล้านล้านบาท เติบโตถึง 29% จากจำนวนผู้ใช้ 2,133 ล้านคนหรือคิดเป็น 61.5% ของผู้ใช้ทั่วโลกในปี 2563 หากเจาะลึกลงไปในตลาดเอเชียจะพบว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดที่มูลค่า e-Commerce เติบโตสูงสุดถึง 44% เฉพาะมูลค่าตลาด e-Commerce ของไทยแตะที่ 2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 42%
ซึ่งประเทศอินโดนีเซียมีการใช้จ่ายสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีอัตราการใช้จ่ายผ่าน e-Commerce เฉลี่ย 6,856 บาทต่อคนต่อปี ขณะที่ประเทศไทยเป็นอันดับ 2 ที่มีการใช้จ่ายผ่าน e-Commerce เฉลี่ย 6,752 บาทต่อคนต่อปี แต่ในประเทศไทยยังมีอัตราการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตต่ำกว่าอินโดนีเซียมาก ซึ่งหมายถึงโอกาสในการขยายตลาด e-Commerce ในประเทศไทยได้อีกมากในอนาคต
ธุรกิจที่ต้องจับตาหลังจากนี้ไป
จากสถานการณ์โรคระบาดที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายธุรกิจเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ โดยกลุ่มธุรกิจอาหารเครื่องดื่มที่มีบรรจุภัณฑ์, ธุรกิจอุปกรณ์ที่ใช้ภายในบ้าน และผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก จะเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงเกิดวิกฤตโรคระบาดจนถึงในอนาคต ทั้งนี้เป็นเพราะมีการซื้อขายผ่านออนไลน์จนกลายเป็นเรื่องปกติ
ขณะที่กลุ่มธุรกิจความงามเครื่องสำอาง, ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย และกลุ่มสุขภาพและอาหารเสริม มีการเติบโตในช่วงโรคระบาด และมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยหลังสถานการณ์คลี่คลายลง เนื่องจากหลายคนกลับไปซื้อสินค้าในร้านค้ามากขึ้น แต่การขายสินค้าบนออนไลน์ของกลุ่มเหล่านี้จะกลับมาเติบโตอีกครั้งเพราะสะดวกสบายในการซื้อมากกว่า ส่วนกลุ่มธุรกิจแฟชั่นจะเป็นกลุ่มธุรกิจที่น่าเป็นห่วง ซึ่งเป็นผลพวงมาจากโรคระบาดที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยว และความไม่มั่นคงทางการเงินและอาชีพการงาน
โดยตลาด e-Commerce ในประเทศไทยอยู่ในจุดที่เรียกว่า Sweet Spot หรือไม่ใช่จุดที่ดีที่สุดสำหรับตลาด e-Commerce แต่อยู่ในจุดที่น่าลงทุนที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงที่คนไทยมีประสบการณ์การซื้อสินค้าผ่าน e-Commerce มากขึ้น และมีการใช้เงินในการซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลายกลุ่มธุรกิจจึงให้ความสำคัญในการใช้ช่องทาง e-Commerce เป็นช่องทางในการขาย
3 สิ่งที่ธุรกิจต้องตระหนัก
แม้ว่าโอกาสในตลาด e-Commerce จะสูงเพียงใดก็ตาม แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องเตรียมความพร้อม คือการเข้าใจทิศทางของตลาดและเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภค ทั้งนี้มี 3 สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องทำความเข้าใจก่อนนำธุรกิจเข้าสู่ตลาด e-Commerce ทั้งในเรื่องของ Understand lifestyles not Trend ที่ธุรกิจต้องต้องเข้าใจไลฟ์สไตล์ของลูกค้าก่อน เนื่องจากผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคเชิงลึกจะทำให้ผู้ประกอบการขายสินค้าได้อย่างยั่งยืน
Understand journey not Channels ธุรกิจต้องเข้าใจเส้นทางการซื้อสินค้าของผู้บริโภค (Customer Journey) ซึ่งมีความสำคัญมาก เพื่อให้สามารถนำเสนอสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Marketplace อย่าง LAZADA, Shopee, JD Central หรือ Social Commerce อย่าง Facebook, Instagram รวมไปถึงช่องทางเว็ปไซต์ต่างๆ ได้ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย
และ Understand patterns not Numbers ธุรกิจต้องเข้าใจรูปแบบโปรโมชั่นไม่ใช่แค่ตัวเลข อย่างการจัดโปรโมชั่น 11-11, 12-12 ของ Marketplace แบรนด์ต่างๆ หรือสถานการณ์ก่อนและหลังการแพร่ระบาด ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจคาดการณ์ทิศทางสินค้าที่ผู้บริโภคต้องการสินค้าขายดี เช่น สินค้าแฟชั่นที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เมื่อธุรกิจรู้ว่าได้รับผลกระทบ ช่วยให้สามารถเตรียมการรับมือได้ เป็นต้น
SCB 10X ร่วมลงทุนกับ MyCloudFulfillment
ด้าน ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัดและผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ชี้ว่า ด้วยบริการคลังสินค้าออนไลน์ จัดเก็บ แพ็คสินค้า ของ MyCloudFulfillment ช่วยตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่ให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์ อีกทั้งสามารถยกระดับการให้บริการไปสู่ระดับอาเซียนเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่ง

(ขวา) ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด และผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
SCB 10X ให้ความสำคัญกับสตาร์ทอัพไทย จึงร่วมเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนรายอื่นๆ ในรอบ Series A ของ MyCloudFulfillment ร่วมกับผู้ลงทุนรายอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากการสนับสนุนด้านเงินลงทุนแล้ว SCB 10X ยังมีแผนในการพัฒนาโซลูชันต่างๆ ร่วมกัน เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ Social Commerce ในอนาคต
ทั้งนี้เงินทุนจะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกเป็นการพัฒนาระบบการจัดการด้านข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ผู้ประกอบการ e-Commerce บริหารจัดสินค้า ขายสินค้าได้ง่ายขึ้น สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อคาดการณ์ (Predictive Analytics) ขณะที่ส่วนที่เหลือจะใช้ในการขยายฐานพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติม เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบวงจร รวมถึงพาตเนอร์พิเศษที่ร่วมกันพัฒนาโซลูชั่น
ศึกษารายละเอียดธุรกิจและบริการของ MyCloudFulfillment เพิ่มเติมได้ที่ https://www.mycloudfulfillment.com