เว็บบราวเซอร์ (Web Browser) หนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญในการทำงานยุคดิจิทัล ซึ่งปัจจุบันที่หลายออฟฟิศเลือกให้พนักงานทำงานที่บ้าน (Work from Home) ส่วนใหญ่จะเป็นการทำงานผ่านอินเตอร์เน็ต และมักจะเป็นการทำงานผ่านเว็บไซต์ สำหรับเว็บบราวเซอร์ที่ใช้ในการท่องเน็ตมีมากมายให้เลือกใช้ แต่ส่วนใหญ่กว่า 70% เลือกที่จะใช้ Google Chrome ด้วยระบบที่ทำงานสอดประสานกับระบบต่างๆ ได้อย่างราบรื่นที่สุด
แต่ถ้าใครที่รู้จัก Google Chrome จะทราบว่า โดยฟังก์ชั่นที่เยอะแยะมากมายทำให้เป็นโปรแกรมหรือแอปฯ ที่เรียกใช้ทรัพยากรในเครื่องเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เครื่องทำงานช้าลงมแม้จะมีการอัปเดตให้ Lean ลง ใช้ทรัพยากรให้น้อยลง โดยเพิ่มเติมในส่วนขยาย (Extension) มากขึ้น แต่ถึงการนั้นการใช้งาน Google Chrome ก็ยังพบอาการ “อืด” อยู่
ครั้งนี้จะมาเปิดเผยเคล็ด (ไม่) ลับ 8 วิธีที่ทำให้ Google Chrome สามารถทำงานได้เร็วขึ้น โดยที่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อเสริมเพิ่มเติมใด
อัปเดตเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด
แน่นอนว่าการอัปเดตโปรแกรมจะช่วยให้ ฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยลดการทำงานลงได้รับการติดตั้งเข้าไปด้วย ซึ่งจะช่วยให้การทำงานของ Google Chrome มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นการอัปเดตระบบจะช่วยกรองการทำงานที่มีซ้ำซ้อนลดลงได้ ยิ่งไปกว่านั้นการอัปเดตยัเป้นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเพิ่มความเร็วให้กับ Google Chrome ด้วย โดยสามารถเข้าไปในส่วนของการตั้งค่าและเลือก “เกี่ยวกับ Chrome (About Chrome)”
บริหารจัดการการทำงานด้วย Task Manager
คนไหนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows คงจะรู้จัก Task Mnager ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นในการควบคุมการทำงานต่างๆของเครื่องคอมพิวเตอร์ ใน Google Chrome ก็เช่นกันที่สามารถบริหารจัดการการทำงานต่างๆ ได้ด้วยการเลือกไปที่เครื่องมือเพิ่มเติม () แล้วเลือก “ตัวจัดการงาน” จากนั้นดูว่าการทำงานส่วนไหนที่ยังคงทำงานอยู่ทั้งที่ไม่ได้ใช้งาน ให้เลือกงานนั้นแล้วกดปุ่ม “สิ้นสุดกระบวนการ (End Process)”
ใช้ส่วนขยายหยุดการทำงานของ Tab
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ Google Chrome ทำงานได้ช้าลงคือ การใช้งานหลายเว็บพร้อมกันเป็นจำนวนมากหรือหลาย TAB บางครั้งเกิดจากการลืมปิด TAB ที่ไม่ได้ใช้งาน และบางครั้งจำเป็นต้องทำงานหลายแท็บพร้อมกัน ซึ่งทำให้การทำงานของ Google Chrome ช้าลง ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มความเร็วได้จากการใช้ส่วนขยายเเพิ่มเติมที่ชื่อ The Great Suspender ที่ช่วยหยุดการทำงานของ TAB ที่ยังไม่ใช้งานได้ชั่วคราวอย่างน้อย 30 นาที
ปิดการทำงานเล่นวิดีโออัตโนมัติ
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เรียกว่าติดมากับโปรแกรมตั้งแต่เริ่มคือการ “เล่นวิดีโออัตโนมัติ” เพื่อช่วยลัดขั้นตอนในการชมวิดีโอภายในเว็บไซต์ ช่วยให้ผู้ใช้งานสะดวกมากขึ้น แต่ฟีเจอร์ดังกล่าวก็เป็นตัวที่ทำให้การทำงาน Google Chrome ช้าลง โดยบางเว็บที่เปิดไว้แต่ยังไม่ใช้งานระบบเล่นวิดีโออัตโนมัติจะทำงานทันที ทำให้ดึงทรัพยากรส่วนใหญ่ไปที่การเล่นวิดีโอ และทำให้การท่องเว็บช้าลง ซึ่งส่วนขยายเพิ่มเติมอย่าง AutoplayStopper ช่วยหยุดการทำงานของฟีเจอร์ดังกล่าวได้ และช่วยให้การทำงานของ Google Chrome เร็วขึ้น
การจัดการส่วนขยายเพิ่มเติม
แม้ว่าส่วนขยายเพิ่มเติมจะมีฟังก์ชั่นที่เข้ามาช่วยสนับสนุนการทำงาน แต่การติดตั้งส่วนขยายเพิ่มเติมที่มากเกินไปก็ส่งผลต่อความเร็วของการใช้งาน Google Chrome ดังนั้นผู้ใช้งานสามารถถอนการติดตั้งส่วนขยายเพิ่มเติมได้ด้วยการไปที่เมนูเครื่องมือเพิ่มเติม แล้วเลือก “ส่วนขยาย” จากนั้นเลือกถอนการติดตั้งด้วยการกดปุ่มนำออก หรือเลือกปิดฟังก์ชั่นการใช้งาน ซึ่งทางที่ดีหากไม่จำเป็นต้องใช้ส่วนขยายเพิ่มเติมใดให้ถอนการติดตั้งดีกว่า
เน้นใช้ประสิทธิภาพของเครื่องเล่นวิดีโอ
อย่างที่ทราบว่าการเล่นวิดีโอจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรมาก ซึ่งวิดีโอใน Google Chrome ส่วนใหญ่จะใช้ประสิทธิภาพของโปรแกรมในการเล่นวิดีโอเป็นหลัก เพื่อให้สามารถทำงานโปรแกรมอื่นร่วมกับเว็บบราวเซอร์ได้ แต่กรณีที่ใช้เว็บบราวเซอร์เป็นหลักในการทำงาน การเปลี่ยนไปใช้ประสิทธิภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ในการเล่นวิดีโอตะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโปรแกรมให้เร็วเพิ่มขึ้น โดยสามารถไปที่ “การตั้งค่า” แล้วเลือก “ขั้นสูง” จากนั้นเลือก “ระบบ” กดใช้งานหัวข้อ “ใช้การเร่งฮาร์ดแวร์เมื่อสามารถใช้ได้”
ทำความสะอาด Chrome ด้วย Cleanup
หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ Google Chrome ช้าคือมัลแวร์ที่มีหน้าที่ในการลดการใช้ทรัพยากรหรือดึงทรัพยากรมาใช้จนไม่เพียงพอต่อการใช้งานจริง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่การท่องหลายๆ เว็บจะมีโอกาสพบเจอมัลแวร์ แต่ใช่ว่าจะทำให้ Google Chrome ไม่สามารถกลับมาเร็วได้ ด้วยการสแกนค้นหาและกำจัดมัลแวร์ โดยเลือก “การตั้งค่า” แล้วเลือก “ขั้นสูง” เลือก “รีเซ็ตและการล้างข้อมูล” คลิกที่ “ล้างข้อมูลในคอมพิวเตอร์” แล้วกดปุ่มค้นหาเพื่อทำการสแกน
Reset ล้างระบบกลับสู่สภาพเหมือนใหม่
ในกรณีที่หนักที่สุด ไม่ว่าจะทำด้วยวิธีใดก็ตามก็ไม่สามารถทำให้ Google Chrome กลับมาเร็วได้ ไม้ตายที่สุดคือการ Reset กลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง แต่การใช้วิธีนี้แนะนำควรทำการแบ็คอัพเว็บไซต์สำคัญที่อยู่ใน Bookmark ไว้ก่อน โดยวิธีการ Reset สามารถทำได้ด้วยการเลือก “การตั้งค่า” แล้วเลือก “ขั้นสูง” เลือก “รีเซ็ตและการล้างข้อมูล” คลิกที่ “คืนค่าการตั้งค่าเป็นค่าเริ่มต้นเดิม” แล้วกดปุ่มรีเซ็ตการตั้งค่า
ทั้งหมดนี้คือวิธีการเพิ่มความเร็วให้ Google Chrome ซึ่งอาจจะผ่านการใช้งานมาระยะเวลาหนึ่ง จนทำให้ระบบเกิดอาการช้าหรืออืด ทั้ง 8 วิธีนี้ล้วนแต่เป็นวิธีที่ช่วยเร่งประสิทธิภาพของ Google Chrome ให้ทำงานได้เร็วขึ้น
Source: Fast Company