‘Pizza Hut’ แฟรนไชส์รายใหญ่สุดในสหรัฐฯ วางเป้าฟื้นกิจการประกาศปิด 300 สาขา – เปิดกว้างให้ take over กิจการได้!

  • 145
  •  
  •  
  •  
  •  

Credit : Jonathan Weiss/Shutterstock

 

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา บริษัทเอ็นพีซี อินเทอร์เนชันแนล (NPC International) เจ้าของแฟรนไชส์ Pizza Hut รายใหญ่ที่สุด ซึ่งมีร้านสาขามากถึง 1,227 แห่งในสหรัฐอเมริกา ได้ยื่นคำร้องขอความคุ้มครองการล้มละลายแล้ว ตามมาตรา 11 เพราะผลกระทบจากการระบาดของไวรัส COVID-1ทำให้ธุรกิจขาดทุนมีหนี้สินก้อนโตถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ขณะที่บริษัทได้แถลงการณ์ว่า ต้องการเสริมเหล็กกล้าให้กับโครงสร้างบริษัท และอาจอัดฉีดเงินก้อนโตเพื่อฟื้นฟูกิจการ โดยหนึ่งในแผนการที่จะทำก็คือ ขายหรือปิดแฟรนไชส์ร้าน Pizza Hut ที่ถือครองอยู่ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ความคลื่อนไหวล่าสุดของ เจ้าพ่อร้านแฟรนไชส์ Pizza Hut ประกาศเตรียมปิดร้านแฟรนไชส์ประมาณ 300 สาขาทั่วสหรัฐฯ โดยสาขาที่เตรียมจะปิดส่วนใหญ่เป็นร้านสาขาที่ทำกำไรตำกว่าเกณฑ์ ซึ่งก็คือ ร้านที่สามารถนั่งกิน (dine-in) ได้ภายในร้าน แต่ช่วงที่มีการระบาดทำให้ไม่มีลูกค้าเข้ามานั่งกินพิซซ่าที่ร้านเหมือนเดิม

 

Credit : jax10289/Shutterstock

ส่วนอีก 927 สาขาที่เหลือ โฆษกร้าน Pizza Hut บอกว่า หากมีนักธุรกิจสนใจที่จะเข้ามา take over บริษัทจะประเมินสถานการณ์ทางการเงินของธุรกิจรายใหม่ก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าการเข้ามาซื้อกิจการ Pizza Hut จะเข้ามาช่วยให้โครงสร้างแบรนด์แข็งแกร่งได้เหมือนเดิม

โดยบริษัทจะยึด 3 ปัจจัยเป็นหลักก่อนที่จะขายกิจการให้กับรายใหม่ คือ มีงบดุลที่ดี – ภาคปฏิบัติมีแผนมุ่งมั่นที่ดี – มี mindset ที่จะให้ธุรกิจเติบโต

“สำหรับพนักงานในร้านพิซซ่าแฟรนไชส์ที่จะปิดตัวลง จะถูกโอนหน้าที่ไปทำงานร้านสาขาที่มีประสิทธิภาพที่ดี ดีมานด์สูง เราหวังว่าจะไม่มีการปลดพนักงานเกิดขึ้น”

ทั้งนี้ โฆษกระบุเพียงว่า ตอนนี้มีแค่จำนวนร้านที่จะปิดตัวลง แต่ยังไม่สามารถบอกโลเคชั่น หรือช่วงเวลาที่ชัดเจนได้ แต่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปีนี้

 

 

 

ที่มา : cnbc, hypebeast

 


  • 145
  •  
  •  
  •  
  •  
prakai
'ชีวิต' ต้องมีสีสันหลากหลาย เหมือนกับความรู้ที่มีหลายมิติ ทั้งไลฟ์สไตล์, การตลาด, ดิจิทัล, ประเพณี-วัฒนธรรม