ในช่วงนี้คนส่วนใหญ่มักจะพูดถึงแต่ New Norm หรือพฤติกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีการระบาดของไวรัส ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์ จนไปถึง ความนิยมใช้จ่ายแบบ e-payment เพื่อลดการสัมผัส
นอกจากนี้ยังเกิดปรากฏการณ์หลายๆ อย่างในช่วงวิกฤตนี้ ไม่ว่าจะกระแสการ Drive-in ในภาคธุรกิจ จนไปถึงการดีไซน์เก๋ๆ ของ ‘หน้ากากผ้า’ ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปแล้ว
แต่ล่าสุดในวงการแพทย์ได้พูดถึงอาการหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วง COVID-19 นั่นก็คือ ‘Maskne’ ซึ่งใช้เรียกอาการข้างเคียงจากการสวมใส่หน้ากากเป็นประจำทุกวัน จนทำให้เกิด ‘สิวอักเสบจากหน้ากากอนามัย-ผ้า’ ซึ่ง ดร. Mona Gohara รองศาสตราจารย์คลินิกผิวหนังจาก Yale School of Medicine บอกกับ BBC ว่า การสวมใส่หน้ากากทุกวันทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ และการใส่หน้ากากนานเกินไปก็กระตุ้นให้เกิดสิวเร็วขึ้น
ขณะที่ ดร.Angeline Yong แพทย์ผิวหนัง บอกว่าการหายใจภายใต้หน้ากากยังทำให้เกิดการอับชื้น มีทั้งเหงื่อและแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิวด้วย ทั้งนี้ ดร. Yong ยังแนะนำด้วยว่า หลีกเลี่ยงครีมบำรุงผิวหน้าที่หนาและอุดตัน ควรใช้บางเบาและอ่อนโยนต่อผิว เช่น มอยส์เจอร์ไรเซอร์
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางแบรนด์เริ่มมีหมวดหมู่ ‘Maskne’
ปัจจุบันสกินแคร์แบรนด์ต่างๆ เริ่มเปิดตัวผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับแก้ปัญหา Maskne โดยเฉพาะแล้ว เช่น แบรนด์ Dr.Jart+ แบรนด์ดังจากแดนเกาหลี ที่จัดหมวดหมู่พิเศษในเว็บไซต์ช้อปปิ้ง ‘Maskne Essentials’ โดยผลิตภัณฑ์ยอดนิยมมากที่สุด คือ มาส์กป้องกันสิวเวลาใส่หน้ากาก และมาส์กสำหรับป้องกันฝ้าด้วย
ขณะที่ด้าน L’Oréal แบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามรายใหญ่ของโลก ที่เปิดเผยว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมายอดขายผลิตภัณฑ์ประเภท deep-cleansing สำหรับทำความสะอาดอย่างหมดจดเป็น best seller ด้วยดีมานด์ที่สูงขึ้นมาก
สำหรับตลาดเอเชีย-แปซิฟิก ‘Jochen Zaumseil’ รองประธานบริหารของ L’Oréal ประจำภูมิภาคนี้ พูดว่า ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ อย่าง La Roche-Posay และ CeraVe ได้รับความนิยมอย่างมากในระดับ ‘huge boom’ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์คลีนเซอร์ และ sheet masks ที่เหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวหน้า
โดยตลาดเอเชีย-แปซิฟิก ส่วนใหญ่มีผิวหน้าที่ค่อนข้างมัน และเป็นประเทศเขตร้อนที่ทำให้เกิดเหงื่อ สิวอุดตัน ซึ่งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้าได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงที่เกิด COVID-19 อย่างเห็นได้ชัด
ยอดขาย ‘เครื่องสำอาง’ ลดลง แต่สัญญาณใน ‘จีน’ เริ่มกลับมา
ในขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์สกินแคร์ดีขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงนี้ แต่อุตสาหกรรมเครื่องสำอางกลับลดลงฮวบ เพราะผู้คนส่วนใหญ่ยังหลีกเลี่ยงการออกบ้าน และยังทำงานจากที่บ้านอยู่
ทั้งนี้ Zaumseil ประเมินว่า หากสถานการณ์ดีขึ้นยอดขายเครื่องสำอางจะกลับมา โดยเปรียบเทียบตลาดใหญ่อย่าง ‘จีน’ ที่ในเดือน ก.พ. มีผู้หญิงเพียง 34% ยังคงแต่งหน้า แต่เมื่อเทียบกับในช่วงปลายเดือน มิ.ย. – ต้นเดือน ก.ค. พบว่า 68% ของผู้หญิงในจีนกลับมาแต่งหน้ากันมากขึ้น เพราะสามารถออกนอกบ้าน และกลับไปทำงานที่ออฟฟิศได้เหมือนเดิม
“ในช่วงที่เกิดการระบาด เครื่องสำอางบางประเภทที่ยังขายดีเสมอต้นเสมอปลาย ก็คือ มาสคาร่า, อายไลเนอร์, อายแชโดว์ และดินสอเขียนคิ้ว นอกจากนี้ ลิปติก เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่ขายดีในช่วง COVID-19 แต่ต้องเป็นเนื้อที่ติดทนนานไม่เลอะ”
ขณะเดียวกัน ‘Melina Basnight’ ยูทูปเปอร์ชื่อดังในสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวว่า การแต่งหน้าในช่วงที่มีการระบาดได้เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ผู้คนจะเน้นแต่งหน้าบริเวณรอบๆ ดวงตามากขึ้น เพิ่มเติมสีสันให้ดูโดดเด่นขึ้น ไม่ให้กลมกลืนไปกับหน้ากากที่ปิดบังใบหน้าของเราไปครึ่งหน้า