เผยผลสำรวจสิ่งที่คนไทยกังวลมากสุดคือ โควิด-19’ เพราะเกี่ยวข้องโดยตรง และไม่มั่นใจการรับมือของรัฐ

  • 87
  •  
  •  
  •  
  •  

ตั้งแต่ต้นปี 2563 ไทยได้เกิดประเด็นสาธารณะที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของคนไทยอย่างต่อเนื่อง ทาง ‘ปับลิซีส กรุ๊ป’ จึงได้สำรวจความวิตกกังวลของผู้บริโภคไตรมาส 1 ปีนี้ พบว่า โควิด-19 เป็นสิ่งที่คนไทยกังวลมากที่สุดถึง 92% จนส่งผลให้ลดพฤติกรรมและการดำเนินชีวิตในที่สาธารณะ ใช้ชีวิตในบ้าน ซื้อของและสั่งอาหารทางออนไลน์มากขึ้น

ผลสำรวจดังกล่าว ‘อติพล อิทธิวัฒนะ’ Head of Media ปับลิซีส กรุ๊ป กล่าวว่า เป็นการใช้แบบสอบถามออนไลน์ทั้งด้านคุณภาพและเชิงปริมาณ รวมกลุ่มตัวอย่างในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั้งสิ้น 403 คน จากการสำรวจพบว่า

ประเด็นที่กลุ่มตัวอย่างมีความกังวลสูงสุด ได้แก่

อันดับ 1 การแพร่ระบาดของโควิด-19 สูงถึง 92%

อันดับ 2 สถานการณ์เศรษฐกิจ 85%

อันดับ 3 ความไม่ปลอดภัยในชีวิต/สถานการณ์ทางการเมือง40%

อันดับ 4 ภัยแล้ง 20%

อันดับ 5 สวัสดิภาพการทำงานและการเรียน 17%

ส่วนสาเหตุที่กังวลเรื่องโควิด-19 มากที่สุด เพราะตระหนักและตระหนกกับการขยายตัวเป็นวงกว้างของโควิด-19 เนื่องจากเกี่ยวข้องโดยตรงกับสุขภาพและความเสี่ยงในการดำเนินชีวิตประจำวัน , การรับข้อมูลอย่างมากมายมหาศาลผ่านทุกช่องทาง จนทำให้ผู้บริโภคเกิดความกังวลใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยพบว่า

ผู้บริโภคยังไม่มั่นใจในมาตรการรับมือของภาครัฐในการจัดการสินค้าเกี่ยวกับการป้องกัน เช่น หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ และเจลล้างมือยังขาดตลาดและมีราคาแพง , การไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้ที่กลับจากประเทศที่มีความเสี่ยง และการกลับมาของผู้ที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจากประเทศเสี่ยงอีกด้วย ซึ่งประเด็นเหล่านี้เป็นประเด็นที่อ่อนไหวต่อความรู้สึก

 โควิด-19 ทำพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน

จากการสำรวจยังพบว่าคนกรุงเทพและปริมณฑลมีความกังวลกับเรื่องไวรัสโควิด-19 มากกว่าคนในต่างจังหวัด และผู้หญิงจะมีความกังวลสูงมากกว่าผู้ชายถึง 40% นอกจากนี้ผู้บริโภคยังมีการปรับพฤติกรรม เช่น พยายามหลีกเลี่ยงที่ชุมชน หรือที่ที่มีคนเยอะๆ งดการใช้บริการรถยนต์สาธารณะ และเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้สื่อออนไลน์ในการสั่งซื้อสินค้าและรับข่าวสารมากขึ้น

จากการสำรวจพบว่า การเข้าไปใช้บริการในสถานที่ผู้คนมาก ลดลงอย่างเห็นได้ชัด คือ Shopping Mall ลดลงถึง 73% , การเข้าร่วมหรือเข้าชมงานอีเว้นท์ หรือ งานเอ็กซ์โปต่างๆ ลดลง 59% , ตลาดนัด ลดลง 57% , ไฮเปอร์มาร์เก็ตลดลง 56% , โรงพยาบาลและธนาคาร ลดลง 52% และโรงภาพยนตร์ลดลง 50%

สำหรับการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะพบว่า ผู้บริโภคใช้รถแท็กซี่ ลดลง 35% การเดินทางด้วยรถประจำทาง รถไฟฟ้า BTS และ MRT ลดลงถึง 33% ในขณะที่การใช้รถยนต์ส่วนตัว เพิ่มขึ้น 22% โดยผู้ตอบแบบสอบถามได้แสดงความคิดเห็นในส่วนนี้ว่า

“กิจกรรมบางอย่างที่ทำเป็นประจำ เช่น เข้าฟิตเนส การใช้บริการรถสาธารณะแต่ถ้าจำเป็นก็ต้องใช้แต่จะพยายามนั่งเบาะเดี่ยว ใช้หน้ากากอนามัย มีแอลกอฮอล์เจลติดตัว ไม่สัมผัสอะไรถ้าไม่จำเป็น”

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้บริโภคนอกจากจะลดการใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะและระบบขนส่งสาธารณะแล้ว ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดำเนินชีวิตมากขึ้น ส่งผลให้การใช้บริการเดลิเวอร์รี่ และการชอปปิ้งออนไลน์เพิ่มมากขึ้น โดยใช้บริการสั่งอาหารเดลิเวอร์รี่ เพิ่มขึ้น 28% และการชอปปิ้งออนไลน์ เพิ่มขึ้น 26% ตามลำดับ

คนติดตามข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์มากขึ้น

Consumer Sensing ยังสำรวจพบด้วยว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ตั้งแต่ต้นปี ผู้บริโภคให้ความสำคัญในการเลือกรับข่าวสาร อัพเดทข้อมูลประเด็นร้อนจากเพจของสำนักข่าว ทั้งใน Platform เฟซบุ๊ก และ ทวิตเตอร์ ของสำนักพิมพ์และสื่อต่างๆ เพราะเชื่อถือได้มากที่สุด

เรื่องนี้ อติพล กล่าวเสริมว่า ความวิตกกังวลต่างๆ ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา ส่งผลให้ผู้บริโภคตระหนักและตื่นตัวในการเปิดรับข่าวสารทางทวิตเตอร์เพิ่มสูงมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากสื่อทวิตเตอร์ให้ความสำคัญกับการรายงานข่าวสารสั้นๆ มีข้อความที่กระชับ ง่ายต่อการสื่อสาร รวดเร็วตรงประเด็นและมีความคืบหน้าตลอดเวลา  สอดคล้องกับพฤติกรรมการเปิดรับข่าวสารของผู้บริโภคต้องการข่าวสารที่น่าเชื่อถือได้ รวดเร็ว สั้น และกระชับ เพื่อให้การรับข่าวสารได้เร็วที่สุด ประการสำคัญความตระหนกเกี่ยวกับโควิด-19 ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพและชีวิตของผู้บริโภคกับคนรอบข้างโดยตรง ทำให้การเปิดรับข่าวสารผ่าน Platform ทวิตเตอร์เติบโตอย่างต่อเนื่อง

“จากผลการสำรวจการรับข่าวสารจากสื่อในช่วงนี้ พบว่า Platform ทวิตเตอร์ เติบโตสูงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปีนี้  ซึ่งสอดคล้องกับการผลการสำรวจผู้โภคติดตามข่าวสารสื่อออนไลน์สูงถึง 57%  อย่างไรก็ตามข่าวสารจากทางโทรทัศน์ก็ยังได้รับความนิยมเช่นเดิม โดยผู้บริโภคเปิดรับข่าวสารสูงถึง 42% และพบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่จะติดตามข่าวสารทั้งสื่อโซเชียลหรือรายการโทรทัศน์จากสมาร์ทโฟน

แนะปรับการวางแผนสื่อโฆษณา

Consumer Sensing ยังรายงานด้วยว่า ความวิตกกังวลสาธารณะที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะโควิด-19 สถานการณ์เศรษฐกิจและความปลอดภัยในที่สาธารณะ ส่งผลให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนทัศนคติในการดำเนินชีวิตอย่างมีนัยยะที่น่าสนใจ โดยผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยสะท้อนผ่านพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย ผู้บริโภคเริ่มซื้อสินค้าที่เก็บได้นานมากขึ้น เช่น อาหารแห้ง และอาหารแช่แข็ง เพื่อเก็บไว้ได้นานไม่ต้องออกจากบ้านบ่อย และเผื่อเกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ เมื่อถามถึงสิ่งที่ซื้อเก็บไว้พบว่าส่วนใหญ่จะซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อการปกป้องป้องกัน (Prevention kit) เวชภัณฑ์ อาหารแห้ง น้ำดื่ม ของใช้ส่วนตัว อาหารสำหรับเด็ก และของใช้ในบ้าน เป็นหลัก

นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่กว่า 50% เห็นว่าต้องออมเงินไว้  เพราะไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น อีกทั้งเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วย จะทำให้เศรษฐกิจยิ่งแย่ลง สินค้าราคาแพง สินค้าฟุ่มเฟือย หรือสินค้าทดแทนของที่มีอยู่ก็เลื่อนการซื้อออกไปก่อน เช่น รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟนและทองคำ ตามลำดับ ในทางกลับกันสินค้าที่เกี่ยวกับสุขภาพได้รับความสนใจที่จะซื้อ หรือมีแผนที่จะซื้อในระยะนี้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คือ สินค้ากลุ่มประกันสุขภาพ และ ประกันชีวิต  เป็นต้น

“ในช่วงที่ต้องเผชิญวิกฤตการณ์ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนที่แบรนด์ต้องเข้าใจผู้บริโภคให้มาก แสดงความจริงใจต่อผู้บริโภค พร้อมที่จะยืนเคียงข้างผู้บริโภคเพื่อผ่านวิกฤตการณ์นี้ไปด้วยกัน ในขณะเดียวกันต้องนำเสนอสิ่งที่ดีและไม่ทอดทิ้งผู้บริโภค ลูกค้าจำควรพิจารณาเลือกใช้การทำContent เพื่อช่วยเหลือหรือผ่อนคลายความกังวลกับสถานการณ์ในช่วงนี้ได้ การสร้าง Content แนะนำสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเหมาะกับสถานการณ์  การเพิ่มบริการที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นคงปลอดภัย และเกิดความรู้สึกผูกพันกับแบรนด์มากขึ้น”

 

 

 

 

 


  • 87
  •  
  •  
  •  
  •