อย่างที่ทราบกันว่า ยานยนต์ไฟฟ้าหรือ EV กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในปัจจุบัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพสิ่งแวดล้อมและปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ที่ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาอยู่ และปฏิเสธไม่ได้ว่า รถยนต์คือตัวก่อปัญหาหลักในความคิดของทุกคน เพราะรถยนต์คืออุปกรณ์ที่ก่อให้เกิดการเผาไหม้และกลายเป็นฝุ่นละอองหรือมลพิษที่ล่องลอยอยู่ในอากาศทั่วไป
ประกอบกับสถานการณ์โลกที่ส่อเค้าว่าราคาน้ำมันจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงมากขึ้น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) จึงเหมือนเป็นทางออกของทุกปัญหา ตั้งแต่เรื่องของสิ่งแวดล้อม ที่แทบจะไม่ก่อให้เกิดมลพิษ รวมไปถึงยังช่วยลดการใช้น้ำมันจนแทบจะไม่มีการใช้น้ำมันเลย ที่สำคัญยังกลายเป็น Blue Ocean สำหรับตลาดรถยนต์ หลังจากที่ เทคโนโลยียานยนต์ถูกพัฒนามาจนถึงเรียกว่าเกือบสุดทางของรถยนต์เครื่องยนต์ปกติทั่วไป
แต่ก็มีอีกหลายคนที่ยังคิดว่ารถยนต์ไฟฟ้าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในประเทศไทย ส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะความพร้อมของการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งในเรื่องของระยะทางในการเดินทาง รวมไปถึงสถานีการชาร์จไฟฟ้า ทั้งที่ในความเป็นจริงโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ของยานยนต์ EV ถูกติดตั้งและเตรียมความพร้อมมานานแล้ว โดยเฉพาะสถานีชาร์จไฟต่างๆ อาทิ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม อาคารสำนักงานต่างๆ
จากความพร้อมต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนรถยนต์ EV มากขึ้น จากปัจจัยต่างๆ รวมกับข้อมูลของ SCB Chief Investment Office (SCB CIO) ทำให้เห็นโอกาสการลงทุนใน Thematic Investment ในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า แม้ว่าปัจจุบันทั่วโลกมีสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าไม่ถึง 2% แต่การเติบโตกลับมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยคาดว่าอีก 20 ปีรถยนต์ไฟฟ้าจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 30%-50% ของตลาดรถยนต์ทั่วโลก
นั่นจึงทำให้ธุรกิจที่อยู๋ในกลุ่ม Supply Chain ของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีโอกาสในการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่ม Supply Chain ทั้ง 5 หมวด ไม่ว่าจะเป็นหมวด Raw Materials หรือกลุ่มจำหน่ายวัตถุดิบที่สำคัญอย่างแร่ลิเธียม (Lithium) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการผลิตแบตเตอร์รี่รถยนต์ไฟฟ้า โดยคาดว่าในปี 2025 แร่ลิเธียมกว่า 80% ทั่วโลกจะถูกใช้ในอุตสาหกรรม EV
หมวด Battery Lithium หรือผู้ผลิตแบตเตอร์รี่รถ EV ซึ่งมีแนวโน้มในการจำหน่ายที่มากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาแร่ลิเธียมลดลง ประกอบกับกระบวนการผลิตที่ถูกลง ทำให้ราคาจำหน่ายปรับตัวลดลงจาก 250 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ลดลงมาเหลือ 170 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง และหากตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตเพิ่มขึ้น Market size ของตลาด Battery Lithium ก็จะเติบโตขึ้น
หมวด EV Manufacturers หรือผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งหากตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตก็จะมีโอกาสให้ผู้เล่นรายใหม่ รวมไปถึงผู้เล่นท้องถิ่นสามารถเข้ามาทำตลาดได้ และจะทำให้เกิดการแข่งขันมากขึ้นซึ่งเป็นผลดีต่อผู็บริโภคและจะช่วยขยายตลาดให้เติบโตเร็วมากขึ้น ขณะที่ผู้เล่นรายเดิมจะมีข้อได้เปรียบในเรื่องของ Brands และช่องทางการขาย รวมถึงศูนย์บริการ (Services) ที่อาจเป็นที่ไว้วางใจของหลายคน
หมวด EV Charging Station หรือผู้ให้บริการชาร์จไฟ เปรียบง่ายๆ เหมือนผู้ประกอบการปั๊มน้ำมัน โดยทั่วโลกมีจำนวนของสถานีชาร์จไฟฟ้ายังไม่ถึง 600,000 จุด ที่สำคัญยังไม่รองรับการชาร์จแบบด่วน (Fast Charge) ทำให้ต้องใช้เวลารอชาร์จไฟนานพอสมควร แต่ก็ช่วยให้ธุรกิจอย่างร้านกาแฟหรือร้านอาหารเติบโตขึ้นได้ ซึ่งหากมีการพัฒนาสถานีชาร์จน่าจช่วยให้มีโอกาสเติบโตเพิ่มมากขึ้น
หมวด Battery Recycling หรือผู้รับซื้อแบตเตอรี่เก่า แน่นอนว่าแบตเตอร์รี่เป็นสินค้าที่สามารถนำไปรีไซเคิลใช้ได้อีกครั้ง ซึ่งแบตเตอรี่ใหม่อาจจะมีราคาที่สูง แต่สำหรับแบตเตอรี่รีไซเคิลสามารถใช้งานได้ตามปกติ เช่น ในประเทศญี่ปุ่น TOYOTA นำแบตเตอร์รี่เก่าของ Prius Hybrid มารีไซเคิลเพื่อใช้เก็บพลังงานไฟฟ้าจากแผงโซลาร์ของร้าน 7-11 เป็นต้น
นอกจากนี้ SCB CIO ยังชี้ว่า 3 กลุ่มธุรกิจอย่างผู้ผลิตแบตเตอร์รี่, ผู้ผลิตรถและบริษัทรีไซเคิลแบตเตอร์รี่ เป็นกลุ่มที่น่าสนใจที่สุด เพราะในตลาดมีผู้เล่นไม่มากนัก เช่น Panasonic, LG Chem, Samsung, CATL เป็นต้น ในส่วนของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แม้จะมีผู้เล่นไม่มากแต่กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์รายเดิมยังคงได้เปรียบที่ชื่อแบรนด์ เช่น Nissan, Toyota, GM, Tesla เป็นต้น และกลุ่มบริษัทรีไซเคิลแบตเตอร์รี่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่แทบจะไม่มีผู้เล่นในตลาด
โดย SCB CIO ยังมองว่าการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมรถ EV นั้น น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว
ที่มา: SCB CIO