ในอดีตสังคมไทยคือครอบครัวใหญ่ จึงทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวแน่นแฟ้นและอบอุ่น แต่ต่อมาสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมากลายเป็นครอบครัวเดี่ยวแบบพ่อแม่ลูกมากขึ้น
ซึ่งหากย้อนกลับไปดูพื้นฐานของครอบครัวเอเชีย รวมถึงครอบครัวไทย จะพบว่า ครอบครัวไทยได้เริ่มปรับเปลี่ยนจากครอบครัวใหญ่ที่มีคนอยู่ร่วมหลายเจนเนอเรชั่น มาเป็นครอบครัวเดี่ยวในสัดส่วนสูงจนเห็นได้ชัดตั้งแต่รุ่นยุคเบบี้บูมตอนปลายเป็นต้นมา
สาเหตุเพราะต้องปรับตัวตามข้อจำกัดการใช้ชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เช่น การใช้ชีวิตที่เร่งรีบในสังคมเมือง การทำงานที่ต้องแข่งขันสูง รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ
แต่ปัจจุบัน เรากลับพบว่าแนวโน้มภาพความอบอุ่นแบบไทยๆ ในอดีตกำลังกลับมาอีกครั้ง
เพราะจากการศึกษาแนวโน้มความต้องการเรื่องการอยู่อาศัยในครอบครัวไทยล่าสุด พบว่ารูปแบบครอบครัวไทยเริ่มเปลี่ยนแปลงไปสู่รูปแบบครอบครัวหลายรุ่น ที่มีทั้งรุ่นปู่ย่าตายาย รุ่นลูกและรุ่นหลานอยู่รวมกันมากขึ้น
โดยผลสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างของคนไทยทั่วประเทศ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดลจัดทำขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 พบข้อเท็จจริงที่ว่า กว่า 70.8% ของคนไทย ต้องการอยู่อาศัยในบ้านที่มีสมาชิกหลายช่วงวัย
หากวิเคราะห์ถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงนั้น จึงพบว่าคนไทยส่วนหนึ่งยังโหยหาความอบอุ่น ความเข้าใจ หรือกำลังใจจากคนในครอบครัว และหลายครอบครัวยังมองว่าการที่ผู้สูงอายุได้อยู่ร่วมกันกับลูกหลานในที่อยู่อาศัยนั้นจะทำให้คุณภาพชีวิตรวมถึง EQ ของเด็กดีขึ้น ส่วนผู้สูงอายุก็จะเป็นศูนย์รวมจิตใจของสมาชิกทุกคนในบ้าน
การอยู่อาศัยแบบครอบครัวหลายรุ่น ทำให้สมาชิกทุกคนมีสุขภาพจิตที่ดีกว่าครอบครัวรูปแบบอื่น ด้วยเหตุผลที่ว่าสมาชิกในครอบครัวมีความรักและผูกพันต่อกัน เมื่อเจ็บป่วยก็เชื่อว่าครอบครัวจะดูและกันได้อย่างดี พร้อมถ่ายทอดทักษะการเรียนรู้จากรุ่นสู่รุ่น และรู้สึกมั่นคงปลอดภัยเมื่ออยู่ในครอบครัวที่มีความอบอุ่น
ไม่เพียงแต่ในประเทศไทย กระแสครอบครัวหลายช่วงวัยกำลังมีแนวโน้มสูงขึ้นในภูมิภาคเอเชีย
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังทำให้พวกเขาเลือกการวางแผนที่อยู่อาศัยในระยะยาวที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตตามความต้องการในครอบครัว
ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวยังส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาคุณภาพการอยู่อาศัย ที่สอดรับกับความต้องการใช้ชีวิตกับครอบครัวที่มีคนหลายช่วงวัย
MULBERRY GROVE แบรนด์อสังหาฯ แบรนด์แรก ที่มุ่งมั่นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยความยั่งยืน ทำให้มองเห็นความสำคัญของการอยู่อาศัยร่วมกันแบบหลากหลายช่วงวัย หรือที่เรียกว่า “Intergeneration”
โดย MULBERRY GROVE ให้ความสำคัญในการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่จะช่วยแก้ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกหลาย generation ในครอบครัว ซึ่งส่งผลให้คนในปัจจุบันมีความสุขลดน้อยลง
จากรากฐานความคิดนี้ นำมาสู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยในรูปแบบ Multi Residence Platform ครั้งแรกของประเทศไทย
ด้วยวิสัยทัศน์ของแบรนด์ ที่ต้องการสร้างความสุขของสมาชิกในครอบครัวทุก generation ให้ได้อยู่ร่วมกันทุกวัน โดยไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเฉพาะในโอกาสพิเศษ
ซึ่งหัวใจหลักคือการพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในครอบครัวของคนทุกเจเนอเรชั่น ด้วยการออกแบบและพัฒนาจากความต้องการจริงของสมาชิกทุกรุ่นในครอบครัว ด้วยฟังก์ชันที่อยู่อาศัยที่เอื้อให้เกิดการใช้เวลาร่วมกันระหว่างสมาชิกหลายรุ่นในครอบครัว และยังออกแบบให้ทุกคนมีพื้นที่ส่วนตัว เพราะต่างคนก็ต่างต้องการทำกิจกรรมในแบบที่ตัวเองชอบ
จึงเกิดเป็นที่อยู่อาศัยระดับ Super Luxury ภายใต้แนวคิด Nurturing Intergeneration Happiness
สานความสุข ให้ทุกเจเนอเรชั่น” สะท้อนความเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย ด้วยการเป็นพื้นที่เติมเต็มช่องว่างของทุกวัยในครอบครัว
โครงการนำเสนอผ่านแนวคิด 4 ประเด็นหลักคือ Designed For Intergeneration Harmony ที่อยู่อาศัยที่ออกแบบภายใต้แนวคิดอันเกิดจากการสนับสนุน ให้เกิดการใช้เวลาร่วมกันในครอบครัว เพื่อสร้างช่วงเวลาแห่งความสุข ดังนั้น สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการจะต้องตอบสนองความต้องการของสมาชิกในครอบครัวทุกช่วงวัย เช่น ห้องสมุดส่วนกลาง ที่สมาชิกครอบครัวสามารถมาใช้เวลาร่วมกันได้
อีกทั้งยังมีแนวคิด Caring Community ออกแบบพื้นที่ให้ทุกคนในครอบครัวและชุมชนได้ทำกิจกรรมร่วมกัน รวมถึงสามารถจัดกิจกรรมต่างๆได้ เช่น ส่วนกลางมีสวนกินได้หรือ Edible Garden ที่ให้ผู้สูงอายุและเด็กๆสามารถทำกิจกรรมร่วมกัน
Value Creation Neighborhood เชื่อมโยงคุณค่าแห่งวัฒนธรรมการอยู่อาศัยของไทยในอดีตที่อยู่กันแบบครอบครัวใหญ่และมีความกตัญญูเกื้อกูลกัน ผสานเข้ากับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบันและในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นสังคมผู้สูงวัย (Aging Society) หรือแนวโน้มการขยายของสังคมเมือง (Urbanization)
Dimensional Well-Being ส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตของครอบครัวให้ดีขึ้นในทุกมิติ นำไปสู่ความสุขอย่างยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มาช่วย support ความต้องการที่แตกต่างของคนแต่ละเจเนอเรชั่น
MULBERRY GROVE เลือกใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างที่ทันสมัย เลือกใช้วัสดุที่ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดมลพิษทั้งต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม และมีการออกแบบให้เหมาะสมกับทุกคนและทุกช่วงวัย (Universal Design) ให้ทุกเจเนอเรชั่น สามารถใช้พื้นที่แห่งความสุขร่วมกันได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ นำมาสู่การรับประกันของโครงการที่นานถึง 30 ปี
ซึ่งจากแนวคิดดังกล่าวทำให้ MULBERRY GROVE เป็นแบรนด์ซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ที่มีความแตกต่างจากตลาดอย่างชัดเจน
โดยทางแบรนด์เตรียมที่จะเปิดตัวที่อยู่อาศัยแบบ มัลติ-แพลตฟอร์มที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Cluster Villa และ Condominium ที่มีทั้งคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์และโลว์ไรส์ โดยจะเปิดทั้งหมด 3 โครงการ ซึ่งโครงการแรกจะเป็นโครงการ “มัลเบอร์รี่ โกรฟ สุขุมวิท” (Mulberry Grove Sukhumvit) ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท เพียง 250 เมตร จากรถไฟฟ้า BTS เอกมัย โดยเป็นโครงการแบบ High Rise สูง 37 ชั้น จำนวน 287 ยูนิต ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของสมาชิกในครอบครัวทุกช่วงวัย ทำให้ภาพครอบครัวใหญ่ที่มีทั้ง ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อแม่ ลูกๆ เด็กเล็ก กลับมาอีกครั้ง
และอีก 2 โครงการที่ เดอะ ฟอเรสเทียส์ บางนา (The Forestias) ที่ถือเป็นโครงการพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่ เนื้อที่ 300 ไร่ ริมถนนบางนา-ตราด โดย “Mulberry Grove The Forestias” จะเป็น ส่วนหนึ่งที่ตั้งอยู่ภายในโครงการดังกล่าว แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว 1 โครงการ จำนวน 37 ยูนิต เป็นโครงการบ้านซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ที่ยึดหลักแนวคิดการออกแบบ แบบ Cluster Design ที่แรกและที่เดียวที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของทุกช่วงวัย และนำครอบครัวในหลาย ๆ ช่วงวัย มาใช้ชีวิตและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกัน และอีก 1 โครงการจะเป็นโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวช่วงต้นปี 2563