‘ศิริราช’ นำร่องพัฒนาวงการแพทย์สู้กระแส Digital Disruption เร่งสร้างหลักสูตรและเปลี่ยนการเรียนการสอนสู่ยุค 4.0

  • 7.9K
  •  
  •  
  •  
  •  

การเข้ามาของเทคโนโลยี และกระแส Digital Disruption ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงและส่งกระทบมากมาย จนกลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายให้กับทุกวงการ ไม่เว้นกระทั่ง ‘วงการแพทย์’ ว่า จะสามารถฝ่ากระแส Disrupt ที่เกิดขึ้นนี้ไปได้อย่างไร

“ยังตอบไม่ได้ว่า ตอนนี้เทคโนโลยีและดิจิทัลเข้ามา Disrupt วงการแพทย์มากน้อยแค่ไหน แต่เดาว่า เกิดขึ้นแน่ ๆ  และเร็วมาก ดังนั้น คนในวงการของเราต้องมีความพร้อมและรู้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น” รศ.นพ.รุ่งนิรันดร์ ประดิษฐสุวรรณ รองคณบดีฝ่ายการศึกษาก่อนปริญญา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวพร้อมแชร์ถึงทิศทางที่จะทำให้วงการแพทย์เดินหน้าในยุค 4.0 ต่อไปได้

ทุกโรงเรียนแพทย์ต้องมองไปในอีก 10 ปีข้างหน้าหรือมากกว่านั้นว่า ต้องเจอกับอะไรบ้างที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงหรือ Disrupt ซึ่งแม้จะคาดการณ์ยาก เพราะทุกวันนี้โลกหมุนอย่างรวดเร็วแทบตามไม่ทัน แต่ที่เชื่อว่า ‘มาแน่’ และ ‘กระทบมาก’ คือ เรื่องของกระแสเทคโนโลยี และ AI

อย่างขณะนี้เริ่มเห็นแล้วในประเทศจีน ที่มีเครื่องวินิจฉัยโรคและจ่ายยาได้แบบอัตโนมัติ ฯลฯ อย่างไรก็ตาม AI หรือหุ่นยนต์ ยังไม่สามารถช่วยคิดวิเคราะห์ และช่วยตัดสินใจได้ รวมถึงไม่มีทักษะในการดูแลผู้ป่วยแบบเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยสิ่งเหล่านี้เป็นจุดแข็งแพทย์ที่ควรรักษาและพัฒนาต่อ ควบคู่ไปกับการสร้างความพร้อมให้รู้เท่าทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

ศิริราช เดินหน้าพัฒนาหลักสูตรใหม่ สู่ยุค 4.0

“คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลจะมุ่งไปในทิศทางนี้เช่นกัน โดยจะเห็นในหลักสูตรใหม่ที่จะใช้ในปีการศึกษา 2564 เน้นเรื่องความรู้เท่าทันเรื่องเทคโนโลยี การคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ การดูแลผู้ป่วยแบบเพื่อนมนุษย์ และจริง ๆ เรื่องพวกนี้ศิริราชมีอยู่แล้ว แต่จะทำให้เข้มข้นขึ้น”

อย่างเช่น การดูแลผู้ป่วยแบบเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ที่จะมีรายวิชาเกี่ยวกับการมีจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ ตั้งแต่วิธีการสื่อสาร, การดูแลโดยคำนึงถึงผู้ป่วยเป็นสำคัญ ฯลฯ ส่วนการคิดวิเคราะห์ ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ได้มีการเปลี่ยนหลักสูตรให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการเรียนการสอนมากขึ้น ในรูปแบบที่เรียกว่า Active Learning ให้ทั้งผู้สอนและผู้เรียนได้แสดงพร้อมแลกเปลี่ยนความคิดกันระหว่างการสอน หรือเริ่มต้นการสอนด้วยการตั้งคำถาม โดยให้โจทย์นักศึกษาไปค้นคว้าหาความรู้มาก่อนเรียน

เหตุผลเพราะว่า ยุคนี้นักศึกษาไม่จำเป็นต้องหาความรู้จากอาจารย์เพียงอย่างเดียว ยังสามารถค้นคว้า เสาะหาความรู้จากแหล่งอื่น ๆ ได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะบนโลกออนไลน์ และในหลักสูตรใหม่ ยังได้มีการปรับรูปแบบของหลายวิชาเข้าสู่ Digital Learning ให้สอดคล้องกับยุคสมัยและตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เพื่อเดินหน้าการเรียนการสอนสู่ยุคดิจิทัล 4.0

ต้องเรียนรู้มากกว่าวิชาชีพ

ไม่เพียงความรู้ที่เกี่ยวกับวิชาทางการแพทย์เท่านั้น ทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ยังต้องการให้นักศึกษามีความรู้หลากหลายในศาสตร์ใหม่ ๆ ที่มีประโยชน์ต่อวิชาชีพของตนเอง เพื่อให้ทันยุคการเปลี่ยนแปลงที่ทุกวันนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยการจับมือกับคณะต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยมหิดลพัฒนาหลักสูตรใหม่ให้ตอบเป้าหมายใหญ่ที่ทางศิริราชจะเดินไปในอนาคต

อาทิ ร่วมกับคณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล สร้างรายวิชาใหม่ที่เน้นการคิดวิเคราะห์, ร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.มหิดล สร้างรายวิชา Biomedical engineering หรือกับคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ม.มหิดล ในการพัฒนารายวิชาเพื่อให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมีรายวิชาที่เรียกว่า selective module ให้นักศึกษาปี 4 สามารถเลือกวิชาที่ต้องการลงลึกตามความสนใจ โดยให้ไปเรียนในคณะที่เปิดสอนวิชานั้น ๆ เป็นเวลา 6 สัปดาห์ พร้อมมีอาจารย์ที่ปรึกษาที่อาจจะทำ Miniproject ร่วมกัน ซึ่งรูปแบบนี้สอดคล้องกับการพัฒนาแพทย์ยุคใหม่ ที่ต้องไม่ใช่แค่ ‘ผู้ใช้’ สิ่งที่มีอยู่แล้ว แต่ต้องรู้จักต่อยอด เพื่อเป็น ‘ผู้สร้าง’ สิ่งใหม่ ๆ สำหรับพัฒนาตัวเองและวงการแพทย์ด้วย

รวมถึงเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับผู้ที่จบปริญญาตรีสาขาใดก็ได้เข้ามาเป็นนักศึกษาแพทย์ ซึ่งจะเริ่มในปี 2563 เบื้องต้นจะรับจำนวน 4 คน ภายใต้เงื่อนไข ต้องมีเกรดเฉลี่ยตอนจบปริญญาตรีไม่น้อยกว่า 3.50 , ต้องไปสอบวิชาเหมือนเด็กม.6 ทั้งวิชาสามัญ วิชาเฉพาะของกสพท.(กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย)

“ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีแบบนี้มาก่อน เหตุผลเราต้องการทดลองวิธีใหม่ ๆ เพราะที่ผ่านมาเด็กสายวิทย์ที่เรียนเก่งมาเรียนแพทย์ โดยบางคนไม่รู้เลยว่าวิชาชีพนี้เป็นอย่างไร จึงอยากได้คนที่มีประสบการณ์ชีวิตมาระดับนึง มีความมุ่งมั่น มีวุฒิภาวะ นอกเหนือแค่เป็นคนเก่ง และเชื่อว่าวิธีนี้จะสร้างส่วนผสมใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นในแพทยศาสตร์ของเรา”

เมื่อรูปแบบการเรียนการสอนเปลี่ยน บทบาทอาจารย์ก็ต้องเปลี่ยนตาม

รศ.นพ.รุ่งนิรันดร์ กล่าวว่า จากนี้หลักสูตรและการเรียนการสอนของทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลจะมุ่งเน้นในรูปแบบ Learning Centered Education เป็นสำคัญ ดังนั้นบทบาทของตัวอาจารย์ผู้สอน ที่ถือเป็น Key Factor Success ก็ต้องเปลี่ยนแปลงให้ตอบโจทย์ดังกล่าวด้วย

เพราะไม่ว่าหลักสูตรจะเขียนมาอย่างไร ไม่สำคัญเท่ากับอาจารย์สอนอย่างไร โดยทางศิริราชได้มีการให้ความรู้ จัดอบรม และจัดเวิร์คชอป ให้กับอาจารย์ผู้สอนเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ในทิศทางที่ทางศิริราชจะเดินหน้าไปในอนาคต ที่สำคัญ คือ แนะนำให้อาจารย์ผู้สอนปรับวิธีการสอนจาก one way communication มาเป็น two way communication และต้องทำหน้าที่เป็น Mentor ในการให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษา แทนการให้นักศึกษาเป็นผู้รับความรู้เพียงอย่างเดียว

วิธีดังกล่าวคาดหวังว่า จะเกิดการถ่ายทอดความรู้และการสอนนอกเหนือจากหลักสูตร เช่น ประสบการณ์ชีวิต,จิตวิญญาณความเป็นแพทย์,ซึมซับการเป็นแพทย์ที่ดีจากอาจารย์ ซึ่งเรื่องเหล่านี้สอนในหลักสูตรไม่พอ

หวังเป็นหนึ่งตัวจักรสำคัญขับเคลื่อนวงการแพทย์ไทย  

ไม่ว่าเทคโนโลยีและดิจิทัลจะเข้ามาเปลี่ยนวงการแพทย์อย่างไรในอนาคต รศ.นพ.รุ่งนิรันดร์ ย้ำว่า พื้นฐานของการเป็นแพทย์ที่ดีไม่มีวันเปลี่ยน ทั้งเจตคติการเป็นแพทย์ที่ดี มีความเสียสละ คิดถึงผู้ป่วยเป็นสำคัญ ความรู้ความสามารถทางวิชาชีพ ฯลฯ แต่สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นในแพทย์ยุคใหม่ คือ ควรมีองค์ความรู้สำหรับสร้างสิ่งใหม่ ไม่ใช่แค่ผู้ใช้ในสิ่งเดิมที่มีมา

ตลอดจนต้องมี Soft skill ซึ่งสำหรับแพทย์ ก็คือ การสื่อสารอย่างเข้าใจ การทำงานเป็นทีมกับผู้อื่นได้ดี เพราะปกติแล้ว แพทย์จะถูกยกให้เป็นผู้นำโดยธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็ต้องเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีด้วย

สำหรับเป้าหมายของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล หวังว่า ในกลุ่มเป็นโรงเรียนแพทย์ที่มีอายุยาวนาน และผลิตแพทย์มากที่สุดปีละ 292 คน รวมถึงเป็นหนึ่งในสมาชิกของ ‘สถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย หรือ กสพท.’ ที่เกิดจากการรวมตัวของโรงเรียนแพทย์ในไทยทั้งหมดที่มีจำนวน 22 แห่ง จึงอยากเป็นตัวอย่างให้ที่อื่นทำตาม และเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาวงการแพทย์ไทยไปในทิศทางที่ควรจะเป็น ตามการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกระแส Disrupt ทั้งจากเทคโนโลยีและดิจิทัล

สำหรับใครอยากเรียนแพทย์ และอยากสัมผัสประสบการณ์การเรียนการสอนมิติใหม่ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อย่าพลาดงาน ‘Siriraj Education Expo 2020’ ซึ่งภายในงานจะมีการจำลองให้เห็นมิติของการเรียนอย่างมีความสุข พร้อมกับโชว์นวัตกรรมมากมาย อาทิ Smart innovation showcase, การสัมผัสบรรยากาศเสมือนจริง กับ VR ห้องผ่าตัด และกิจกรรมอื่น ๆ มากมาย โดยงานนี้จะจัดขึ้นวันที่ 18-19 มกราคม 2563 ณ Fashion Hall ชั้น 1 สยามพารากอน


  • 7.9K
  •  
  •  
  •  
  •