อีกไม่กี่วันก็จะถึงสิ้นปีแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนช่วงเวลานี้คือ the best ของการจูงมือกันเข้าสู่ประตูวิวาห์ แม้ว่าในปัจจุบันยังพอจะเห็นหลายคู่ในหลายๆ ประเทศทั่วโลกที่ลั่นระฆังประกาศสตอรี่ความรักของพวกเขาต่อหน้าสาธารณชน แต่ก็มีสถิติจากหลายๆ แห่งที่ยืนยันว่า มีหลายคู่เช่นกันที่ตัดสินใจจบสถานะเส้นทางความรักลง และปรากฏการณ์นี้ก็เกิดขึ้นในหลายประเทศด้วย
สหประชาชาติ (UN) เปิดเผยตัวเลขการหย่าร้างทั่วโลกสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนถึง 251.8% นับตั้งแต่ปี 1960 โดยประเทศที่มีอัตราการหย่าร้างพุ่งสูงสุด คือ “ลักเซมเบิร์ก” ประเทศเล็กที่สุดในทวีปยุโรป และมีประชากรเพียง 6 แสนคน แต่สัดส่วนการหย่าร้างกลับสูงถึง 87%
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศที่เห็นแล้วก็ตกใจอย่าง “ฝรั่งเศส” ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศโรแมนติกที่สุดในโลก และยังมีรัสเซีย, สเปน, สหรัฐอเมริกา, ตุรกี, เม็กซิโก, แม้แต่ใน “อินเดีย” ประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีกฎหมายการหย่าร้างที่โหดมาก
สำหรับไทยอย่าคิดว่ารอด! เพราะงานวิจัยของ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ชี้ว่าคนไทยเองก็เป็นโสดกันมากขึ้น นอกจากจะแต่งงานกันน้อยลงสัดส่วนการหย่าร้างก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย โดยในปี 2017 จำนวนการหย่าร้างในไทยเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 แสนคู่เทียบกับ 10 ปีก่อนหน้านั้นที่มีราวๆ 1 แสนคู่
และที่น่าสนใจคือ “คนโสด” โดยเฉพาะผู้หญิงโสด พบว่ามีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีมากกว่าคนที่มีครอบครัว นอกจากนี้ยังมีอายุยืนยาวกว่าคนที่มีครอบครัวด้วย ผลการศึกษาของต่างประเทศหลายแห่งลงความเห็นในทางเดียวกันคอนเฟิร์มว่า ผู้หญิงที่โสดก็เหมือนได้วิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์ เพราะว่า
-
มีภาวะความเครียดน้อยกว่า(มาก)
-
มีความสุขกับตัวเอง มีเสรีภาพ และเป็นอิสระมากกว่า
-
รู้จักประณีประณอมมากกว่า
-
อายุยืนยาวมากกว่า
เหตุผลก็เพราะว่าผู้หญิงเหล่านั้นไม่ต้องยึดติดกับ “บทบาท” ที่ต้องเจอทั้งที่อยู่ในที่ทำงานและที่อยู่ในบ้าน ซึ่งในผลการศึกษานี้ยังชี้ว่า “ผู้หญิงเอเชีย” ที่มีครอบครัวจัดว่าเป็นกลุ่มที่มีภาวะความเครียดสูง มีความสุขน้อย เพราะภาระหน้าที่แบบแพ็คเกจที่ติดมากับการแต่งงาน นั่นก็คือ หน้าที่การดูแลบ้าน, สามี, เด็กๆ และพ่อแม่หรือผู้สูงอายุในครอบครัว
ผลการศึกษายังระบุด้วยว่า 2 ใน 3 ของผู้หญิงที่หย่าร้างมีความสุขมากกว่าตอนที่แต่งงานและมีครอบครัว และไม่ใช่เฉพาะคู่หญิง-ชายเท่านั้นที่รู้สึกแบบนี้ แต่คู่รักร่วมเพศ “หญิง-หญิง” รู้สึกแฮปปี้มากขึ้นหลังจากที่ยุติความสัมพันธ์ มากกว่าคู่รักร่วมเพศ “ชาย-ชาย”
ไม่ใช่แค่ในไทยที่เกิดการหย่าร้างสูง หรือคนตัดสินใจแต่งงานกันน้อยลง แม้แต่ใน “จีน-เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น” ประเทศใกล้ๆ เรานี้ก็มีสัดส่วนของผู้หญิงโสดมากขึ้นจนน่าตกใจ หากเทียบกับปี 1970 อย่างในญี่ปุ่น ที่มีผู้หญิงไม่แต่งงานมากขึ้นถึง 4 เท่าตัว ส่วน จีนและเกาหลีใต้ ต่างก็มีผู้หญิงโสดเพิ่มขึ้นกว่า 30% ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ มีหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจในรายงานนี้ ที่ระบุว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการหย่าร้างมากขึ้น และผู้หญิงต้องการเป็นโสดมากกว่าแต่งงาน เพราะ “ความคาดหวัง” ของผู้หญิงที่มากกว่า “ผู้ชาย” รวมไปถึงการคาดหวังในเรื่อง sex โดยผู้หญิงส่วนใหญ่ปรารถนาให้ความสัมพันธ์เต็มด้วยความรักและการเอาใจใส่ปะปนกับเรื่องความใคร่ มากกว่าความต้องการทางเพศที่ฉาบฉวย ซึ่งผู้ชายส่วนใหญ่ไม่เข้าใจความต้องการที่แท้จริงของผู้หญิง
ไม่เพียงเท่านั้น สำหรับผู้หญิงที่หย่าร้างในหลายประเทศระบุชัดว่า “พวกเขาแต่งงานกับคนผิด” และ “ผู้ชายไม่เป็นอย่างคิด” ซึ่งเกิน 90% ของประชากรผู้หญิงในหลายๆ ประเทศที่บอกว่า “ชีวิตโสด คือ ของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับพวกเธอ”
หากดูจากหลายๆ เทรนด์ที่กำลังจะมาในปี 2020 โดยเฉพาะเทรนด์การท่องเที่ยว ก็น่าจะเห็นว่ากระแสการท่องเที่ยวด้วยตัวเอง หรือกลุ่ม FIT ของผู้หญิงคึกคักมากกว่าผู้ชาย ซึ่งงานรีเสิร์ชของ booking.com ชี้ว่า มียอดบุกกิ้งล่วงหน้าของกลุ่มผู้หญิง Solo travel, FIT กับก๊วนเพื่อนสาว และกลุ่มผู้หญิงมุสลิมมากกว่าผู้ชายในหลายๆ destinations ผู้หญิงรักอิสรภาพนี้มาแรงจริงๆ
ที่มา : channelnewsasia , indiatoday