ยุคนี้ กระแสร้อนแรงที่สุดย่อมไม่พ้นกระแสรักษ์โลกที่กำลังแผ่ขยายไปทุกอุตสาหกรรม รวมถึงในแวดวงอสังหาฯ
เมื่อคนทั้งโลกกำลังพูดถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน คงยากที่จะปฏิเสธความฮ็อตฮิตของเทรนด์สีเขียวดังกล่าว ซึ่งอิทธิพลการออกแบบที่ใส่ใจต่ออีโคซิสเต็มนี้
ปัจจุบันความตระหนักและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นยังมีผลต่อแนวทางการพัฒนาและออกแบบโครงการพัฒนาต่างๆ ในแวดวงอสังหาฯ ยุคใหม่ที่มีความใส่ใจรอบด้านมากกว่าที่เคย จะเห็นได้จากโครงการพัฒนาใหญ่ๆ ระดับโลกที่มักหยิบยกเรื่องความใส่ใจต่อ eco system การอยู่อาศัยมาเป็นอิทธิพลการออกแบบ
สะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มการออกแบบยุคนี้เริ่มไม่ได้มองเฉพาะมิติของการสร้างอาคารหลังเดียวอีกต่อไป หากยังต้องคิดเผื่อถึงการออกแบบชุมชนรอบข้างและสังคมไปด้วย
เช่นเดียวกับอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวสำคัญล่าสุดที่กำลังถูกจับตามองในเวลานี้ สำหรับ เดอะ ฟอเรสเทียส์โครงการพัฒนาพื้นที่กว่า 300 ไร่ บนถนนบางนา – ตราด กม.7 ที่กำลังถูกตั้งเป้าหมายให้เป็นโครงการเมืองแห่งแรกของโลกที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบสิ่งแวดล้อมทั้งหมด (The world’s first project to integrate its community with nature)
เช่นเดียวกัน เรื่องสิ่งแวดล้อมยังเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) เดินหน้าเนรมิตโครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ด้วยความกล้าที่จะนำเสนอแนวคิดนอกกรอบและแตกต่าง โดยการสร้างเมืองคุณภาพชีวิตที่ดีพร้อมกับการมีความสุขอย่างยั่งยืน
กล่าวถึงแรงบันดาลใจของการปลุกปั้นให้ เดอะ ฟอเรสเทียส์ กำลังจะกลายเป็นต้นแบบของ ‘โครงการเมืองในป่าแห่งแรกของโลก’ (World’s first community district in the forest) ในพื้นที่โซนตะวันออกของกรุงเทพฯ กิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ให้ข้อมูลว่า โครงการนี้มีจุดเริ่มต้นจากความต้องการสร้างโครงการที่ส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อการสร้าง “นิเวศน์” ที่มีความสุขอย่างยั่งยืนที่แท้จริงให้กับผู้อยู่อาศัย จนรู้สึกเสมือนเป็น ‘เมืองในเทพนิยายที่มีอยู่จริง’ (A magical land that could only exists in fairy tales)
ซึ่งสำหรับ เดอะ ฟอเรสเทียส์ การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีพร้อมกับการมีความสุขอย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิด “ป่า” ที่ไม่ใช่แค่ปลูกต้นไม้เท่านั้น แต่หมายถึงสิ่งแวดล้อมทั้งหมดที่มีผลต่อการใช้ชีวิตในทุกมิติ เช่น ภายในโครงการมีสภาพอากาศที่เย็นขึ้น ทำให้มีการใช้เครื่องปรับอากาศน้อยลง ไลฟ์สไตล์ของผู้คนจะเชื่อมต่อธรรมชาติได้มากขึ้น
โจทย์แนวคิดสีเขียวที่แตกต่าง
สำหรับในการตีโจทย์แนวคิดเรื่อง “ป่า” ของเดอะ ฟอเรสเทียส์ เลือกที่จะนิยามแตกต่างออกไป โดยเป็นการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมทั้งหมดที่มีผลต่อการใช้ชีวิตในทุกมิติ
ทั้งยังเป็นหัวใจสำคัญในการออกแบบโครงการเน้นอิงไปกับสิ่งแวดล้อม (Environmental design) และแนวความคิดเกี่ยวกับผืนป่า ธรรมชาติ และความสุขที่ยั่งยืน บวกกับความใส่ใจทุกรายละเอียดด้านการคิดเผื่อโลก ที่มีเป็นรูปธรรมเกิดขึ้นจริง
นับตั้งแต่การสร้างป่าของโครงการ จะไม่ได้ใช้วิธีขุดล้อมย้ายต้นไม้มาจากที่อื่น แต่ใช้วิธีปลูกเพื่อให้ได้ป่าต้นไม้ที่มีรากแก้ว มีความแข็งแรงทนทานต่อลมฟ้าอากาศ และสามารถพัฒนาไปเป็นระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ได้ในอนาคต
การนำนวัตกรรมล้ำสมัย และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่ไม่เป็นพิษต่อการใช้ชีวิตของผู้คน และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระดับต่ำมาใช้ในการก่อสร้างและการดูแลสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ภายในโครงการ เช่น การนำนวัตกรรมที่ล้ำสมัยมาใช้เพื่อช่วยดูแลในเรื่องคุณภาพของอากาศและอุณหภูมิภายในโครงการให้เย็นสบายอยู่ตลอด ช่วยลดการใช้งานเครื่องปรับอากาศและการใช้พลังงานไฟฟ้า ตลอดจนส่งเสริมให้ผู้คนออกมาใช้เวลากลางแจ้งกับธรรมชาติมากขึ้น
การจัดการเรื่องระบบบำบัดน้ำเสีย ทำให้สามารถนำน้ำที่บำบัดเรียบร้อยแล้วไปใช้รดน้ำต้นไม้หรือปล่อยสู่แหล่งน้ำในธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย ไปจนถึงกระบวนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และความร้อน เป็นต้น
“เราจึงทุ่มเทเวลาในการศึกษาทรัพยากรต่าง ๆ ที่เรามีอย่างละเอียด และทำงานร่วมกับพันธมิตร ที่ปรึกษาซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ จากทั่วโลก ในการคิดและออกแบบโครงการแห่งนี้อย่างพิถีพิถัน เพื่อทำให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการมีสุขภาพทางกายที่ดีและมีความสุขทางใจยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงพันธกิจ ‘For All Well-Being’ ในการดำเนินงานของ MQDC ที่ต้องการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับทุกชีวิตบนโลก”
เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์ผู้คนสู่ธรรมชาติมากขึ้น
ปัจจุบัน โครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และมีความคืบหน้าไปตามแผนการดำเนินงาน โดยเมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์ จะเป็นสถานที่ที่ทุกเจเนอเรชั่น สามารถใช้ชีวิต และทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อสานความสัมพันธ์ได้อย่างมีความสุขและปลอดภัย พร้อมกับความรู้สึกที่เข้าถึงอย่างกลมกลืนไร้รอยต่อกับพื้นที่สีเขียวที่เป็นมากกว่าต้นไม้ แต่คือสภาพแวดล้อมอันอุดมสมบูรณ์และร่มรื่นของธรรมชาติและผืนป่าขนาดใหญ่
กิตติพันธุ์ ยังกล่าวต่อว่า “เราเชื่อว่า องค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งของการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นและความสุขที่ยั่งยืน คือการที่ผู้คนสามารถใช้ชีวิตที่มีปฏิสัมพันธ์กับคนในครอบครัวและคนในชุมชนได้อย่างมีคุณภาพ ดังนั้นโครงการจึงถูกออกแบบให้มีพื้นที่ที่ตอบสนองความต้องการและสอดรับกับไลฟ์สไตล์ของคนแต่ละช่วงวัย โดยจัดสรรพื้นที่ต่างๆ เหล่านั้นให้มีความเชื่อมโยงถึงกันได้อย่างกลมกลืน เอื้อให้ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ต่างๆ ทุกช่วงวัยสามารถไปมาหาสู่กันได้อย่างสะดวกสบาย และปลอดภัยภายใน ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’”
ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทุกเจนฯ
ซึ่งด้วยแนวคิดของการสร้างเมืองน่าอยู่ ไม่เพียงเป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติ แต่ยังมาพร้อมกับโครงการที่พักอาศัยมาตรฐานระดับสากลหลากหลายรูปแบบ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันของคนทุกเจเนอเรชั่นได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น
‘มัลเบอร์รี่ โกรฟ’ (Mulberry Grove) ที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิดการอยู่ร่วมกันของคนทุกช่วงวัย โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์และความอบอุ่นภายในครอบครัวเป็นสำคัญ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมอบพื้นที่ส่วนตัวให้ทุกคนมีรูปแบบการใช้ชีวิตตามแบบฉบับของตนเอง
‘ดิ แอสเพน ทรี’ (The Aspen Tree) โครงการที่มอบการดูแลผู้สูงวัยอย่างครบวงจร ทั้งบริการสิ่งอำนวยความสะดวก ที่พักอาศัย และศูนย์การแพทย์เฉพาะทางที่ช่วยดูแลรักษาสุขภาพกายและสภาวะทางสมองของผู้สูงวัย
‘วิสซ์ดอม’ (Whizdom) คอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ด้วยนวัตกรรมการดีไซน์และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันที่พร้อมตอบสนองทุกฟังก์ชั่นของการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของครอบครัวขนาดเล็ก, คนโสด, คู่สมรสวัยหนุ่ม-สาว, ชาวต่างชาติ และผู้ที่ต้องการมีสัตว์เลี้ยงภายในคอนโดมิเนียม และ
ซิกส์เซนส์ โฮเทลส์ รีสอร์ทส์ สปาส์ : Six Senses Hotels Resorts Spas โรงแรมแบบบูทีคระดับ 5 ดาว ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่าง ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ และ ‘ซิกส์เซ้นส์ โฮเทลส์ รีสอร์ทส์ สปาส์’ ที่ต้องการมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพที่ดีที่สุดแก่ผู้อยู่อาศัยและแขกที่เข้าพัก”
นอกจากนี้ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ยังมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคที่ช่วยให้ทุกๆ วันของผู้อยู่อาศัยและผู้มาเยี่ยมเยือนโครงการเต็มไปด้วยความสะดวกสบายและความสุขที่รอบด้าน อาทิ Forestias Forest พื้นที่ป่าของโครงการที่สามารถใช้จัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบได้ตลอดทั้งปี, Forest Pavilion ศูนย์การเรียนรู้ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีอันล้ำสมัย, Town Center พื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมและร้านค้าที่ครบครันไปด้วยสินค้าและบริการต่างๆ, Community Center & Family Life Center พื้นที่ที่มอบกิจกรรม สินค้า และบริการต่างๆ สำหรับครอบครัวและชุมชน, อาคารสำนักงาน และศูนย์บริการด้านสุขภาพ เป็นต้น
โดยกิตติพันธุ์ทิ้งท้ายว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งขององค์ประกอบและรายละเอียดต่างๆ ภายในโครงการที่ถูกออกแบบและรังสรรค์ขึ้นมาภายใต้ความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ จะเป็นโครงการเมืองในป่าแห่งแรกของโลกที่จะมอบคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นและความสุขที่ยั่งยืนและสมบูรณ์แบบให้กับทุกคนได้อย่างแท้จริง ทั้งผู้อยู่อาศัยในโครงการและชุมชนโดยรอบ ตลอดจนผู้คนที่เข้ามาเยี่ยมเยือน