“พยาบาลลุ่มน้ำ” ชวนคนรุ่นใหม่เข้าใจและลงมือดูแลลุ่มน้ำ เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน

  • 23K
  •  
  •  
  •  
  •  

ทุกคนทราบดีว่า “น้ำ” มีความสำคัญกับชีวิต หากขาดน้ำไปก็เท่ากับขาดซึ่งชีวิต การบริหารจัดการเพื่อประหยัดน้ำจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ยิ่งในช่วงที่เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงจนมีการคาดการณ์ถึงภาวะภัยแล้งและน้ำท่วมที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องหันมาสนใจและลงมือทำอะไรในเรื่องนี้

การดูแลรักษา “ลุ่มน้ำ” คือต้นทางของการแก้ไขปัญหา เพราะหากต้นกำเนิดแหล่งน้ำได้รับการดูแลที่ดี โดยเฉพาะป่าซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดน้ำที่แท้จริงก็จะช่วยให้ปัญหา ซึ่งการดูแลลุ่มน้ำจะเริ่มจากการทำความเข้าใจและศึกษาต้นน้ำ โดยพื้นที่ต้นน้ำหมายถึงป่า กิจกรรมที่ทีม TCP Spirit ดำเนินการไม่ใช่การพาคนจำนวนมากไปปลูกป่าหรือเปลี่ยนแปลงสถาพป่าแต่อย่างใด หากแต่เป็นการเดินป่าอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้กระทบต่อระบบนิเวศน์ของป่า ภายใต้การดูแลของหน่วยจัดการต้นน้ำสบสาย

ต้นกำเนิดแหล่งน้ำคือทางแก้ปัญหา

หากเปรียบลุ่มน้ำให้คนรุ่นใหม่เข้าใจได้ง่ายๆ ต้องบอกว่า ลุ่มน้ำเปรียบได้กับ Ecosystem ของแหล่งน้ำ ซึ่งประกอบเข้ากันจนกลายเป็นลุ่มน้ำทั้งระบบ ซึ่งลุ่มน้ำแบ่งออกเป็น 3 ช่วงหลักๆ ประกอบไปด้วย ช่วงต้นน้ำ หรือจะเรียกว่าแหล่งกำเนิดต้นน้ำ โดยน้ำทุกที่จะมีแหล่งกำเนิดมาจากป่าไม้ ยิ่งป่าไม้มีความอุดมสมบูรณ์ชุ่มชื้นมากเท่าไหร่ น้ำที่ถือกำเนิดจากป่านั้นก็จะมีปริมาณที่มากและมีอย่างต่อเนื่อง เพราะป่าจะช่วยอุ้มน้ำไว้ไม่ปล่อยให้ไหลผ่านเลยไป

ไม่เพียงเท่านั้นป่าไม้ยังเป็นเหมือนฟองน้ำขนาดใหญ่ที่สามารถกักเก็บน้ำไว้ปริมาณมาก ยิ่งป่าไม้มีความหนาแน่นก็จะช่วยให้มีน้ำปริมาณมาก และยิ่งถ้าป่ามีความหนาแน่นมาก ตัวป่าก็จะทำหน้าที่เสมือนเครื่องกรองน้ำไปในตัว ช่วยให้น้ำต้นกำเนิดมีความบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นป่าไม้ยังเป็นเสมือนปราการด่านแรกที่จะป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่ราบลุ่ม หรืออย่างน้อยก็ช่วยบรรเทาความรุนแรงของกระแสน้ำก่อนจะเกิดความเสียหาย

คนต้นน้ำต้องช่วยดูแลคุณภาพน้ำ

เมื่อต้นน้ำมีการผลิตน้ำออกมา น้ำเหล่านั้นจะไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำตามแรงโน้มถ่วงโลกซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติ ระหว่างการไหลลงมาน้ำก็จะพัดพาเอาแร่ธาตุจากธรรมชาติลงมาด้วย ส่งผลให้น้ำเหล่านั้นช่วยให้พื้นที่ป่ารอบนอก รวมไปถึงพื้นที่การเกษตรรอบป่าอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ มากมาย ซึ่งน้ำเหล่านั้นจะไหลลงมาในลักษณะของลำธารและน้ำตก แล้วลงสู่ห้วย หนอง คลอง บึง โดยเรียกลุ่มน้ำช่วงนี้ว่า ช่วงกลางน้ำ

โดยน้ำที่อยู่ในช่วงนี้จะมีการไหลผ่านชุมชน หมู่บ้าน และชุมชนหมู่บ้านเหล่านี้จะดึงน้ำช่วงกลางน้ำนี้ไปใช้ในทั้งเพื่อการอุปโภค บริโภคและการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ ดังที่กล่าวไว้แล้วว่าน้ำที่มาจากช่วงต้นน้ำจะมีแร่ธาตุสำคัญ ซึ่งจะช่วยให้ผลผลิตการเกษตรมีคุณภาพ การดูแลคุณภาพน้ำในช่วงนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากมีการใช้สารเคมีในการเกษตร จะส่งผลต่อคุณภาพน้ำในช่วงต่อไป

ปลายทางน้ำที่ต้องช่วยดูแลและประหยัด

และเมื่อถึง ช่วงปลายน้ำ จะเป็นช่วงที่น้ำไหลลงสู่แม่น้ำขนาดใหญ่แล้วไหลผ่านตัวเมือง ช่วงนี้จะมีการนำน้ำมาใช้ในการอุปโภคและบริโภค รวมไปถึงการใช้น้ำในรูปแบบอื่นๆ เช่น เพื่อการสัญจร เพื่อการสร้างทัศนียภาพ เป็นต้น จากนั้นน้ำก็จะไหลลงสู่ทะเลและถือเป็นการสิ้นสุดการเดินทางของน้ำจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ซึ่งหากป่าต้นน้ำมีปริมาณที่ลดลง น้ำที่ไหลลงมาจากภูเขาก็จะน้อยลงด้วยเช่นกัน

เมื่อน้ำที่มีน้อยลง ผู้คนช่วงกลางน้ำก็จะพยายามแย่งชิงน้ำเพื่อนำไปใช้ในการเกษตรและอุปโภคบริโภค เมื่อแย่งน้ำกันมากขึ้นปริมาณน้ำที่ไหลลงมาสู่ช่วงปลายน้ำก็จะยิ่งลดน้อยลง นั้นจึงเป็นที่มาของปริมาณน้ำในเขื่อนลดน้อยลง หนำซ้ำหากคุณภาพน้ำที่ผ่านกิจกรรมทางการเกษตรมาไม่ดี น้ำที่คนในช่วงปลายน้ำใช้ก็จะไม่ดีตามไปด้วย ส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้คนส่วนใหญ่

สถานการณ์ปัจจุบันของลุ่มน้ำในประเทศไทย

สำหรับประเทศไทยภาคเหนือจึงถือเป็นแหล่งต้นน้ำ ซึ่งเป็นผลมาจากความอุดมสมบูรณ์ของป่าต้นน้ำ แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าป่าต้นน้ำในภาคเหนือของไทยกำลังถูกบุกรุก และนั่นหมายความว่าแหล่งต้นน้ำจะมีปริมาณที่ลดลง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแหล่งน้ำภาพรวม เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าภาคเหนือเป็นุดกำเนิดของแม่น้ำ 4 สาย ปิง วัง ยม น่านที่จะไหลมารวมบรรจบกันจนกลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา เส้นเลือดใหญ่ของประเทศไทย

หากมีการบริหารจัดการที่ดีลุ่มน้ำจะสามารถเก็บน้ำได้ประมาณ 96% ทำให้ไม่เกิดน้ำท่วมในช่วงฤดูฝน และจะช่วยให้มีน้ำใช้เพียงพอในช่วงฤดูแล้ง ไม่เพียงเท่านี้ในช่วงกลางน้ำที่มีการนำน้ำไปใช้ในทางการเกษตร หากเกษตรกรไม่มีการบริหารจัดการที่ดี น้ำที่ผ่านจากช่วงกลางน้ำก็จะมีการปนเปื้อนของสารเคมีที่ใช้ในภาคการเกษตร เหล่านี้เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ปริมาณน้ำที่สามารถใช้ได้มีสัดส่วนที่ลดลง และนั่นเป็นสัญญาณอันตราย

พยาบาลลุ่มน้ำ ฟื้นฟูแหล่งต้นน้ำ

นั่นจึงทำให้กลุ่มธุรกิจต้องจัดกิจกรรม “TCP Spirit พยาบาลลุ่มน้ำ #1” ภายใต้โครงการ “TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย” อันเป็นโครงการพัฒนาทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน เพื่อสิ่งแวดล้อม และชุมชน โดยมุ่งหวังให้ชุมชนได้มีแหล่งน้ำไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอ อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของชุมชน สร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน โดยในครั้งนี้ “TCP Spirit พยาบาลลุ่มน้ำ #1” พาอาสาสมัครกว่า 100 ชีวิต พร้อม TCP Spirit Brand Ambassador อเล็กซ์ เรนเดล สู่หน่วยจัดการต้นนํ้าสบสาย และชุมชนต้นนํ้าน่าน ใน อ.ท่าวังผา จ.น่าน แหล่งต้นน้ำของแม่น้ำน่านและยังเป็นพื้นที่ที่มีการบุกรุกป่ามากที่สุด โดยกิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อดูแลลุ่มน้ำทั้งระบบ

เทคนิคต่างๆ ที่จัดกิจกรรมเป็นการแนะนำให้ชาวบ้านทำในพื้นที่ส่วนตัว โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ทำการเพาะปลูก หรือมองเห็นโอกาสในการเก็บน้ำเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช้การแนะนำให้ใช้เทคนิคเหล่านั้นในพื้นที่ป่า โดยกิจกรรมต่างๆ ดำเนินการอยู่ในพื้นที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติชุมชนต้นน้ำน่าน ซึ่งเป็นพื้นที่ศูนย์เรียนรู้ของเอกชน

โดยกลุ่มธุรกิจ TCP ประกอบด้วยบริษัท ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าของกลุ่มบริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด รับผิดชอบในการทำตลาดและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัท ที.จี. เวนดิ้ง แอนด์ โชว์เคส อินดัสทรีส์ จำกัด เป็นเจ้าของและบริหารจัดการตู้จำหน่ายเครื่องดื่มอัตโนมัติสำหรับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มและแบรนด์อื่นๆ และบริษัท เดอเบล จำกัด ดูแลการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มและแบรนด์อื่นๆ ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจ TCP มีพนักงานกว่า 5,000 คนในประเทศไทยและทั่วโลก

สำหรับผลิตภัณฑ์และแบรนด์ของ กลุ่มธุรกิจ TCP ที่มีจำหน่ายในประเทศไทยและทั่วโลก ประกอบด้วย 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์รวม 8 แบรนด์ คือ กลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังคือ กระทิงแดง เรดดี้ โสมพลัส และวอริเออร์ กลุ่มเครื่องดื่มเกลือแร่คือ สปอนเซอร์ กลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัล ดริ้งก์คือ แมนซั่ม กลุ่มเครื่องดื่มชาพร้อมดื่มคือ เพียวริคุ ผลิตภัณฑ์เมล็ดทานตะวันคือ ซันสแนค และกลุ่มหัวเชื้อเครื่องดื่มคือ เรดบูลรสดั้งเดิม

กิจกกรรมแรกกับการสำรวจเรียนรู้ป่าต้นน้ำ โดย ดร.ธนากร ลัทธิ์ถีระสุวรรณ อาจารย์ประจำหลักสูตรบัณฑิตศึกษา การจัดการป่าไม้ มหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ และคุณปรีชา รอดเพชร หัวหน้าหน่วยจัดการต้นน้ำสบสาย ชวนอาสาสมัครร่วม 100 คน ไปเดินป่าดิบชื้นเพื่อทำความเข้าใจและเรียนรู้ป่าต้นน้ำ เดิมทีป่าที่เรากำลังจะก้าวเท้าเข้าไปเคยเป็นป่าหัวโล้นสีน้ำตาล มีการรุกล้ำพื้นที่ป่าเพื่อทำการเกษตรเชิงเดี่ยว ปลูกยางพาราบ้าง ไร่ข้าวโพดบ้าง ทำให้ป่าต้นน้ำถูกทำลาย กลายเป็นพื้นที่แล้งจนไม่มีน้ำ

แต่ปัจจุบันป่าต้นน้ำสบสายได้รับการฟื้นฟูให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ด้วย ‘ป่าปลูก’ โดยใช้หลักการปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง คือ ปลูกพืชที่กินได้ ปลูกพืชที่นำมาใช้งานได้ และปลูกพืชที่นำมาสร้างที่อยู่อาศัยได้ สำหรับประโยชน์ 4 อย่างจะประกอบด้วย พออยู่ คือการปลูกต้นไม้อายุยาวนานเน้นประโยชน์เพื่อสร้างบ้าน ทำเครื่องเรือน

พอกิน คือการปลูกต้นไม้ที่กินได้ รวมทั้งใช้เป็นยาสมุนไพร พอใช้ คือการปลูกต้นไม้ให้เป็นป่าไม้สำหรับใช้สอยในครัวเรือน เช่น ทำฟืน และพอร่มเย็น เมื่อป่าทั้ง 3 อย่างก่อนหน้านี้เติบโตก็จะเกิดความร่มเย็นและชุ่มชิ้นไปในตัว

เรียนรู้การจัดการน้ำและการเลียนแบบธรรมชาติ

นอกจากเรื่องป่าต้นน้ำแล้ว การบริหารจัดการน้ำก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยครั้งนี้ทีม TCP Spirit จะได้เรียนรู้จากการบริหารจัดการน้ำจริงของ โคก หนอง นา โมเดล เป็นการบริหารจัดการน้ำที่ทุกคนประยุกต์ใช้ได้ในพื้นที่ของตนเอง เพื่อจัดการน้ำให้เพียงพอตลอดทั้งปี ด้วยการขุดหนองไว้เก็บน้ำ ดินจากการขุดหนองให้ถมเป็นโคก บนโคกปลูกไม้ 5 ระดับ เพื่อใช้รากของพืชหลากสายพันธุ์ในการเก็บน้ำไว้ในดิน

รวมไปถึงการขุดหนองน้ำเลียนแบบธรรมชาติต้องมีความคด มีความโค้ง มีระดับชั้นความลึก-ตื้นต่างกัน เพื่อให้แสงแดดส่องถึง เป็นบ้านของสิ่งมีชีวิตอย่างสาหร่าย ครอบครัวปลาสารพัดชนิด ซึ่งก่อนจะขุดต้องคำนวณอย่างดีว่า หนองจุน้ำได้เพียงพอต่อปริมาณการใช้งานในพื้นที่หรือยัง และคำนึงถึงน้ำที่ระเหยออกไปด้วย

โดยชุมชนต้นน้ำน่านแนะว่า การออกแบบหนองต้องเน้นลึกไว้ก่อน ความกว้างเป็นรอง เพราะถ้ากว้างจะทำให้มีพื้นที่สัมผัสลมและแสงแดดมาก ทำให้น้ำระเหยออกไปได้มากกว่าเดิม เฉลี่ยแล้วน้ำจะระเหยออกจากหนองวันละ 1 เซนติเมตร ฉะนั้น จึงขุดหนองเลียนแบบธรรมชาติลึกอย่างน้อยประมาณ 4 เมตร เพื่อให้มีน้ำใช้เพียงพอตลอดทั้งปี

สร้างบ่อเลี้ยงปลาพร้อมระบบบำบัดน้ำเสีย

ไม่เพียงเรื่องของแหล่งน้ำเท่านั้น ทีม TCP Spirit ยังได้เรียนรู้การสร้างบ่อธรรมชาติสำหรับปลาตัวเล็ก เพียงใช้ไม้ไผ่สานเป็นทรงกระบอกขนาดไม่ใหญ่มาก ด้านในบรรจุกิ่งไม้คละขนาดทับถมกันแล้วเอาไปวางในบ่อน้ำกว้าง จากนั้นใส่ฟางข้าวสลับชั้นกับปุ๋ยคอกมูลวัว ใส่สลับกับสัก 3 – 4 ชั้นจนเต็ม ปล่อยทิ้ง 1 สัปดาห์ จะเกิดไรแดงและแพลงก์ตอนเป็นอาหารของปลา ทำให้ไม่ต้องเสียเงินซื้ออาหารปลาอีกต่อไป

และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดน้ำเน่าเสีย ทีม TCP Spirit จึงได้สร้างคอกผักตบ ด้วยการเหลาไม้ไผ่สานมาล้อมเป็นคอกใส่ในน้ำ สามารถสร้างสรรค์รูปร่างได้ตามที่ต้องการ แล้วใส่ผักตบลงคอกให้เต็มต้องหมั่นเอาผักตบชวาออกทุก 45 วัน เพื่อไม่ให้ผักตบชวาเจริญงอกงามจนบดบังแสงแดดที่จะส่องลงในบ่อน้ำ เพราะแสงแดดมีผลกับเจ้าปลาตัวเล็กตัวใหญ่และพืชในบ่อน้ำ

ภูมิปัญญาคันดินเก็บน้ำใช้ลดสารเคมี

นอกจากนี้ยังมีการสร้างบ่อน้ำรูปทรงเลียนแบบธรรมชาติ โดยมีการออกแบบให้มีความคดโค้ง มีระดับชั้นความตื้นลึกที่แตกต่างกันไป เพื่อให้แสงแดดส่องถึงส่องถึงและเป็นที่อยู่ให้กับสิ่งมีชีวิตต่างๆ เช่น สาหร่าย ปลา เป็นต้น และเพื่อป้องกันการระเหยออกไป จึงเน้นการออกแบบให้มีความลึก ทำให้ก่อนการขุดบ่อน้ำรูปทรงเลียนแบบธรรมชาติจะต้องมีการคํานวณขนาดเพื่อให้พียงพอกับปริมาณที่ต้องการใช้งาน

บริเวณริมบ่อยังใช้แนวคิด “หัวคันนากินได้” ด้วยการสร้างคันดินให้สูงอย่างน้อย 1 เมตร บนคันดินมีความกว้าง 1 เมตร และมีฐานกว้างอย่างน้อย 2 เมตร น้ำที่ถูกขังในคันดินจะช่วยไม่ให้วัชพืชเติบโตได้ ช่วยให้ไม่ต้องใช้สารเคมี แถมในบ่อยังสามารถปลูกข้าวได้และยังสามารถเลี้ยงปลา กุ้ง และสัตว์น้ำต่างๆ ได้ ที่สำคัญน้ำจะค่อยๆ ซึมลงดินอย่างน้อย 50% จะช่วยทําให้ดินชุ่มชื้นตลอด บนคันดินก็สามารถปลูกพืชอย่างอื่นได้ เช่น ผักสวนครัวหรือผลไม้ ซึ่งจะช่วยยึดคันดินไม่ให้พังทะลาย พืชผลทางการเกษตรที่ได้จากบนคันดินสามารถเผื่อแผ่ให้กับผู้อื่นได้อีกด้วย

เก็บน้ำไว้ใช้ด้วยแท๊งค์น้ำธรรมชาติ

โดยแทงค์น้ำไม้ไผ่เป็นหนึ่งในเครื่องมือเก็บน้ำฝนไว้ใช้ตลอดปี ซึ่งแท๊งค์น้ำจะทําจากไม้ไผ่ที่หาได้ในท้องถิ่น นํามาสานและโบกปูนทับอีกชั้น พร้อมทั้งติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตพลังงานในกระบวนการสูบน้ำมาเก็บไว้ในแท๊งค์ รวมถึงสร้างระบบท่อน้ำใต้ดินแรงดันสูงเพื่อนําไปใช้ในครัวเรือน หากน้ำจนล้นแท๊งค์ก็จะไหลลงไปตามคลองไส้ไก่ที่ขุดไว้ ช่วยให้ดินมีความชุ่มชื้นแถมพืชผักที่อยู่ริมคลองก็จะอุดมสมบูรณ์ไปด้วย

และจากผลตอบรับการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ส่งผลให้ TCP เตรียมจัดกิจกรรม “พยาบาลลุ่มน้ำ #2” ขึ้นอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ สามารถติดตามรายละเอียดที่ www.tcp.com และ www.facebook.com/TCPGroupThailand/


  • 23K
  •  
  •  
  •  
  •