ส่องตลาด “คนรวยหลัก 100 ล้านบาท” ในเมืองไทย

  • 1.2K
  •  
  •  
  •  
  •  

ส่องตลาดคนรวย

เมื่อเร็วๆ มานี้  ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ บริษัทหลักทรัพย์ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ตั้งขึ้นมาใหม่เพื่อบริหารต่อยอดความมั่งคั่งให้กับกลุ่มลูกค้า “ผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง (HNWI : High Net Worth Individuals)” ได้ออกมาเผยแพร่ “รายงานความมั่งคั่งในประเทศไทย ปี 2562 (Wealth Report Thailand 2019)”ฉบับแรก

ความน่าสนใจของรายงานฉบับนี้ มีในหลากหลายมิติ คือเป็นผลสำรวจกลุ่มลูกค้า HNWIs ในเมืองไทย จำนวน 351 ราย ครอบคลุมการวิเคราะห์ทุกมิติตั้งแต่ทัศนคติเกี่ยวกับการบริหารความมั่งคั่ง พฤติกรรมการลงทุนเฉพาะกลุ่ม รวมถึงภาพรวมภาวะเศรษฐกิจเทรนด์เรื่องราคาและการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยในประเทศไทย

ใครบ้างถือเป็น “ผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง (HNW/HNWI)”

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจนิยามคำว่า “ผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง (HNW/HNWI)” ที่ใช้กันในวงกว้างกับ HNWภายใต้บริบทของ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ ซึ่งต่างกัน ดังนี้

“ผู้ลงทุนรายใหญ่” เป็นอีกชื่อเรียกของ HNWIsสำหรับกรณีบุคคลธรรมดา นิยามที่ใช้กันทั่วไปในตลาดทุนและสถาบันการเงินหลายแห่ง HNW หมายถึงบุคคลธรรมดาที่มีสินทรัพย์สุทธิ (ไม่รวมที่อยู่อาศัยประจำ) ตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไปหรือมีรายได้ต่อปีตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีเงินลงทุนโดยตรงในหลักทรัพย์ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป

ขณะที่ “ผู้มีความมั่งคั่งพิเศษ (Ultra High Net Worth)” ตามนิยามของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ระบุว่า หมายถึง บุคคลธรรมดาที่มีสินทรัพย์สุทธิตั้งแต่ 70 ล้านบาทขึ้นไปหรือมีรายได้ต่อปีตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีเงินลงทุนโดยตรงในหลักทรัพย์ตั้งแต่25ล้านบาทขึ้นไป

สำหรับ “ผู้มีความมั่งคั่ง” ที่ต้องการเป็นลูกค้าของ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ ต้องเข้าข่าย HNW ในนิยามของบริษัท ซึ่งหมายถึง ผู้มีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารของบริษัท (AUM : Asset Under Management) ตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป โดยสินทรัพย์สุทธิดังกล่าวหมายรวมถึงบัญชีสินทรัพย์ทั้งหมด (ยกเว้นบัญชีเงินฝาก) เช่น บัญชีกองทุนรวม บัญชีหลักทรัพย์ หุ้นกู้ พันธบัตร เป็นต้น

scb jb

OUTLOOK ตลาด HNWIs & LUXURY เมืองไทย

Wealth Report Thailand 2019 ได้ให้ข้อมูลภาพรวมตลาด HNWIs ในเมืองไทย (เป็นการรวบรวมข้อมูลจาก Bloomberg Finance LP และคาดการณ์โดย Julius Bear) รวมถึง ตลาดสินค้าและบริหารหรูหราในเมืองไทย ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้

1.  ในช่วง 5 ปี นับตั้งแต่ พ.ศ. 2015-2020 กลุ่มHNWIs ในไทยจะมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 9.9% ต่อปี ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์โดยรวมของ HNWIs สูงกว่า 4.012 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 12.54 ล้านล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 31.25  บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

ปัจจัยที่หนุนการเติบโตนี้ ประกอบด้วย การที่ราคาอสังหาฯ และหุ้นปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดว่าในไตรมาส 3 ปีนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะพุ่งขึ้นแตะที่ระดับ 1,800 จุดได้​

2. กลุ่ม HNWIs เป็นกลุ่มที่มีสินทรัพย์เติบโตเร็วที่สุดในประเทศ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมถึงเมืองไทย โดยในปี 2015 กลุ่ม HNWIs ในประเทศไทย มีมูลค่าความมั่งคั่งโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 508 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่สิ้นปี 2018 เพิ่มขึ้นมาเป็น 3.411 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ​ เพิ่มขึ้นถึง 36% จากปี 2015

ทั้งนี้ คาดว่าสิ้นปีนี้ มูลค่าความมั่งคั่งของ HNWIs ไทยจะเพิ่มขึ้นไปเป็น 3.724 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ​ หรือประมาณ 11.64 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2018 ถึง 9.2%

3. เมื่อเทียบมูลค่าความมั่งคั่งโดยรวมของกลุ่ม HNWIs กับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเบื้องต้น หรือ NominalGDP (Gross Domestic Product) ของประเทศ พบว่า ปี 2018 มีสัดส่วนสูงถึง 67.6%เรียกว่าเกินกว่าครึ่งของ GDP ทั้งประเทศ เป็นสินทรัพย์ของกลุ่ม HNWIs นั่นเอง โดยคาดว่า สัดส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 69.6%และ 71% ในปีนี้ และปีหน้า ตามลำดับ

hnw1

4. Thailand Consumer Survey 2017 โดย Boston Consulting Group ระบุว่า ผู้บริโภคไทยในหลากหลายสถานะทางสังคมและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีอันจะกิน มีความถี่ในการใช้จ่ายเพื่อไลฟ์สไตล์และสินค้าหรูหรา (ฟุ่มเฟือย) เพิ่มขึ้น อาทิ มื้ออาหารหรู, นาฬิกาหรู, เครื่องเพชร และสมาร์ทโฟน​

5. จากผลการสำรวจดังกล่าว พบว่า เมื่อเทียบกับชาวอาเซียนด้วยกัน คนไทยจะดื่มด่ำกับการช้อปปิ้งและเดินผ่อนคลายในห้างหรูมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ คนไทยยังมีแนวโน้มจะสาวกผู้ภักดีต่อแบรนด์หรูที่ตนชื่นชอบ มากกว่าผู้บริโภคประเทศอื่นในอาเซียน

6. ขณะที่ EOS Intelligence ได้คาดการณ์ว่า ในปีนี้ คนไทยจะมีการจับจ่ายซื้อหาสินค้าหรูเป็นมูลค่า (ตามราคาขายปลีก) สูงถึง 2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 6.875 หมื่นล้านบาท

7. จากรายงาน Julius Lifestyle Index 2018 ที่จัดทำขึ้นโดยพิจารณาจากตลาดสินค้าและบริการหรูหรา (Luxury goods & services) จำนวน 22 รายการที่สามารถสะท้อนการใช้จ่ายของชาว HNWIs ในภูมิภาคเอเชีย พบว่า เมื่อเทียบกับอีกเมืองหลัก 10 แห่งในเอเชีย  กรุงเทพฯ ถือเป็นเมืองที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างถูก (ในรูปของเงินดอลล่ารสหรัฐฯ) สำหรับนักช้อปและ HNWIs ที่มีไลฟ์สไตล์หรูหรา โดยอยู่อันดับ 7 ตั้งแต่ปี 2016-2018 ​

hnw2
Julius Lifestyle Index จัดทำขึ้นโดยพิจารณาจากตลาดสินค้าและบริการหรูหรา จำนวน 22 รายการที่สะท้อนการใช้จ่ายของชาว HNWIs เอเชีย โดยเปรียบเทียบใน 11 เมืองหลักของเอเชีย พบว่า ค่าใช้จ่ายในการบริโภคสินค้า/บริการหรูหราฟุ่มเฟือย (ในรูปของเงินดอลล่ารสหรัฐฯ) ในกรุงเทพฯ ดัชนีราคาถูกเป็นอันดับ 7 จาก 11 อันดับ

8. สินค้าฟุ่มเฟือยในประเทศไทยมีราคาสูงกว่าหลายประเทศในเอเชีย เนื่องจากอัตราภาษีสรรพสามิตที่เก็บจากสินค้าฟุ่มเฟือยนำเข้าบางรายการ อย่างไรก็ดี ราคาของการให้บริการหรูหรา (Luxury services) ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ เนื่องจากต้นทุนการดำเนินการในประเทศไทยยังอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะบริการด้านการจัดงานแต่งงานอย่างหรูหราในกรุงเทพฯ ซึ่งถือว่ามีต้นทุนถูกที่สุดเมื่อเทียบกับอีก10 เมือง

9. อย่างไรก็ดี รายงานดัชนีไลฟ์สไตล์ของ Julius Baer ดังกล่าว ระบุว่า ในปี 2018  ดินเนอร์มื้อหรูตามโรงแรมและร้านอาหารชั้นเลิศในกรุงเทพฯ มีราคาสูงขึ้นโดยเฉลี่ย 44% (ในรูปเงินบาท) เทียบจากปีก่อนหน้า โดยสาเหตุสำคัญข้อหนึ่งมาจากการที่กรุงเทพฯ ถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งในการจัดอันดับของมิชลินไกด์

10. ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวยังได้ระบุว่า กลุ่มสินค้าหรูที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้น ประกอบด้วย ซิการ์ โดยราคาสูงขึ้นถึง 6% (เทียบกับปี 2017) ขณะที่สูทผู้ชาย ราคาสูงขึ้น 8.3%และที่พักอาศัยหรูหรา ราคาเพิ่มสูงขึ้น 4.9%

ขณะเดียวกันก็มีสินค้าหรูบางกลุ่มที่มีราคาลดลง ได้แก่ ค่าทำโบท็อกซ์ ลดลงเฉลี่ยถึง 29.8% ส่วนค่าที่พักโรงแรมหรู ถูกลง 28% และรองเท้าสตรี ราคาถูกลงโดยเฉลี่ย 17.7%  นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจ อย่างค่าที่ปรึกษาทางกฎหมาย ก็ลดลงถึง 17%

11. Julius Baer ยังได้สรุปว่า โดยรวมแล้ว กรุงเทพฯ ถือเป็นเมืองที่มีค่าใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยเพื่อความดูดีของท่านชาย สูงเป็นอันดับ 5 เมื่อเทียบกับ 11 เมืองหลัก (ในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ) 

โดยพบว่า สินค้าสำหรับคุณผู้ชายค่อนข้างมีราคาสูงเมื่อเทียบกับเมืองอื่นอีก10 เมือง โดยราคาสินค้ากลุ่มนาฬิกาชายในกรุงเทพฯ ถือว่าแพงเป็นอันดับ 3 ขณะที่เครื่องแต่งกายชาย, น้ำหอมชาย และกระเป๋าชาย ราคาสูงเป็นอันดับ 5 ส่วนรองเท้าผู้ชายถือว่าราคาจับจ่ายได้ โดยอยู่ที่อันดับ 11

12. แต่สำหรับคุณสุภาพสตรี กล่าวได้ว่า กรุงเทพฯ คือสวรรค์สำหรับสาวๆ นักช้อป เพราะค่าใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยเพื่อความดูดีของสาวๆ นั้นถูกเป็นอับดับ 9 เทียบเท่ากับฮ่องกง (ไม่นับช่วงมหกรรมลดราคา) โดยน้ำหอมแบรนด์เนมในกรุงเทพฯ ถือว่าราคาถูกสุด เมื่อเทียบกับอีก 10 เมืองหลักในเอเชีย ขณะที่รองเท้าสตรี และนาฬิกข้อมือ แพงเป็นอันดับ 6  ส่วนราคาเฉลี่ยของกระเป๋าและเครื่องแต่งกายแบรนด์เนม แพงเป็นอันดับ 7และ 8 ตามลำดับ

hnw3
จาก Julias Lifestyle Index กรุงเทพฯ อาจไม่ใช่จุดหมายสำหรับ HNWIs เอชียที่เป็นสุภาพบุรุษนักช้อป แต่สำหรับ HNWIs สุภาพสตรี กรุงเทพฯ ถือเป็นสวรรค์สำหรับนักช้อปที่เป็นไฮโซเอเชีย เพราะมีห้างหรูให้เลือกเดินมากมาย ขณะที่สินค้าของหรูก็ยังราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับอีก 10 เมือง

พฤติกรรมด้านการลงทุนของ HNWIs ไทย

นอกจากนี้ ใน Wealth  Report Thailand 2019 ยังมีผลการสำรวจทัศนคติและพฤติกรรมด้านการลงทุน ของกลุ่ม HNWIsทั้ง 351 รายนี้ ในหลากหลายมิติ ซึ่งพบว่ามีความน่าสนใจ ดังนี้

1. จากพฤติกรรมและทัศนคติด้านการลงทุนของผู้ตอบแบบสำรวจ อาจแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

กลุ่มผู้ประกอบการมิลเลนเนียล (Millennial Entrepreneur) อายุไม่เกิน 40 ปี คนกลุ่มให้ความสำคัญกับบริการทางการเงินดิจิทัล และการเพิ่มพูนความมั่งคั่ง (Wealth Creation) แต่ เมื่อเทียบกับอีก 2 กลุ่ม เรียกได้ว่าเป็น กลุ่มนักลงทุนที่กล้าเสี่ยงแต่ยังขาดความเข้าใจในการลงทุนต่างประเทศ 

กลุ่มนักลงทุนเต็มตัว (Mature Investors) อายุระหว่าง 41 – 60 ปี เป็นกลุ่มที่มีความรู้ความเข้าใจมากที่สุดถึงรูปแบบความหลากหลายของสินทรัพย์การลงทุนในต่างประเทศ​

กลุ่มคนเกษียณไฮเทค (Techie Retiree) อายุมากกว่า 60 ปี เป็นกลุ่มที่คุ้นเคยกับการลงทุนในต่างประเทศน้อยที่สุด แต่เป็นกลุ่มที่ใช้งานโซเชียลมีเดียมากที่สุดใน 3 กลุ่ม

2. HNWIs ชาวไทยนิยมลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง อย่าง เงินฝาก ตามมาด้วย ตราสารหนี้ ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึงกว่า 40% ซึ่งนั่นหมายถึง อัตราผลตอบแทนที่ต่ำ นอกจากนี้  HNWIs ไทยยังมีการลงทุนในต่างประเทศ (Offshore Investment) น้อยมาก เมื่อเทียบกับ HNWIs ชาวสิงคโปร์และฮ่องกง

3. ผลสำรวจยังพบว่า ในการตัดสินใจลงทุนหลายๆ ครั้ง มักได้รับอิทธิพลจากคำแนะนำของคนในครอบครัวและเพื่อนมากถึง 43% มีเพียง 27% ใช้บริการ Private Bank และมีถึง 13% ที่ลงทุนตามคำแนะนำจากแหล่งออนไลน์ต่างๆ เป็นหลัก

4. ในจำนวน 351 คนที่ตอบแบบสำรวจ พบว่ามีเพียง 27% ที่พอใจกับอัตราผลตอบแทนที่ได้รับในปัจจุบัน

5. เมื่อสำรวจถึงการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในต่างประเทศ (Offshore Investment) พบว่า ส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคยกับการลงทุนในต่างประเทศ และไม่แน่ใจว่าต้องลงทุนอย่างไร คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จึงยังไม่ได้มีการลงทุนในต่างประเทศจริงจัง หากจะมีบ้างก็แค่เพื่อกระจายความเสี่ยงในพอร์ต และยังเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ (Asset Class) รูปแบบเดียว โดยเฉพาะหุ้นและกองทุน

hnw4
HNWIs ไทยที่ตอบแบบสำรวจ มีเกินครึ่งที่ยังไม่ลงทุนในต่างประเทศ โดยรูปแบบสินทรัพย์ (Asset Class) ที่ HNWIs ไทย นิยมลงทุนในต่างประเทศ ได้แก่ เงินสด หุ้น ตราสารหนี้ และกองทุน ส่วนลงทุนตรงในที่ดิน ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับ HNWIs ชาวฮ่องกงและสิงคโปร์

ไทยพาณิชย์ กับยุทธการเร่งเจาะตลาด “ลูกค้าหลัก 100 ล้าน”

ผลสำรวจดังกล่าวยิ่งตอกย้ำความมั่นใจให้กับกลุ่ม SCB ในการจัดตั้ง “บล.ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์” เพื่อต่อยอดความมั่งคั่งให้ลูกค้า HNWIs ในไทย ด้วยบริการที่ปรึกษาทางการเงินและบริหารความมั่งคั่งเฉพาะบุคคลอย่างเต็มรูปแบบ ​

โดยชูจุดแข็งด้านโอกาสในการลงทุนทั่วโลก ผ่านแพลตฟอร์แบบเปิด (Open Product Platform) ที่ได้รับความไว้วางใจจาก HNWIs ทั่วโลก เพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างเต็มศักยภาพ โดยได้หุ้นส่วนอย่าง Julias Baer มาช่วยเติมเต็มทั้งเรื่องแพลตฟอร์แบบเปิด ตลอดจนองค์ความรู้, เทคนิค Know-how ต่างๆ รวมถึงความเชี่ยวชาญด้านการบริการ HNWIs ทั่วโลก และการวิเคราะห์ตลาดด้านการลงทุนทั่วทั้งโลก ซึ่งสั่งสมมายาวนานถึง129 ปี

Julias Baer เป็นแบรนด์ผู้นำธุรกิจรบริหารความมั่งคั่งชั้นนำระดับโลกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นหนึ่งในสี่ผู้ให้บริการ Private Banking รายใหญ่ของเอเชีย ดำเนินธุรกิจใน 25 ประเทศทั่วโลก โดย ณ สิ้นปี 2561 มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) มาถึง 382,000 ล้านสวิสฟรังก์

ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และกลุ่มธนาคารจูเลียส แบร์ (BJB)ในสัดส่วน 60-40 ตามลำดับ ด้วยทุนจดทะเบียนสูงถึง 1,800 ล้านบาท โดยเริ่มเจรจาตกลงความร่วมมือกันตั้งแต่เดือน ส.ค. ปีที่แล้ว กระทั่งวันที่ 1 เม.ย. บริษัทฯ​ ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ในการประกอบธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และธุรกิจจัดการกองทุนส่วนบุคคล จนมาถึงการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 มิ.ย. ที่เพิ่งผ่านมานี้

คุณจิรลาวัณย์ ตั้งกิจเวทย์ ซีอีโอ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ เล่าว่าตลอดเวลา 1 เดือนกว่าระหว่างรอการเปิดตัว บริษัทฯ ได้ซุ่มนำพนักงานไปฝึกอบรมการให้บริการ HNWIs อย่างเข้มข้นที่สาขาของ Julias Baer ในสิงคโปร์

เธอมองว่า หนึ่งในข้อค้นพบที่น่าสนใจจากการสำรวจครั้งนี้ คือ แนวโน้มธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูงของไทยมีการเติบโตอย่างมากในหลายปีที่ผ่านมา และแนวโน้มนี้จะยังคงมีต่อเนื่อง เพราะคนไทยมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น อีกทั้ง ตลาด HNWIs ของประเทศไทย ถือว่ามีศักยภาพอีกมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นทั่วภูมิภาค

จิรลาวัณย์ ตั้งกิจเวทย์
คุณจิรลาวัณย์ ตั้งกิจเวทย์ ซีอีโอ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ กับ Wealth Report Thailand 2019

ทั้งนี้ เนื่องจากกลุ่ม HNWIs มีความรู้มากขึ้นและเงื่อนไขทางกฎหมายและนโยบายเอื้อต่อการลงทุนและบริหารจัดการความมั่งคั่งได้สะดวกขึ้น ขณะที่ผลการสำรวจยังสะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มลูกค้า HNWIs ในไทย มีความต้องการลงทุนในต่างประเทศอยู่มาก แต่ยังไม่ได้รับบริการอย่างเพียงพอ

“นับเป็นครั้งแรกที่นักลงทุน HNWIs ไทยจะสามารถเลือกลงทุนหลักทรัพย์เฉพาะเป็นรายตัว รวมถึงสินทรัพย์ทางเลือก (Asset Class) อื่นๆ โดยไม่ต้องจำกัดเฉพาะการลงทุนผ่านกองทุนรวม หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนจากสถาบันใดสถาบันหนึ่งนอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นที่จะเป็น World-class One Stop Service ด้านการบริหารความมั่งคั่งเต็มรูปแบบด้วยมาตรฐานระดับโลก โดยครอบคลุมไปจนถึงการวางโครงสร้างความมั่งคั่ง การบริหารภาษี การย้ายถิ่นพำนัก การวางแผนเกษียณ การเตรียมแผนสำหรับทายาท และกิจกรรมเพื่อการกุศล ฯลฯ”

คุณจิรลาวัณย์ ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน มีลูกค้าแล้วแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยจำนวนได้ โดย 50% เป็นลูกค้าเก่าของ SCB อีก 50% มาจากธนาคารอื่น​

ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นว่า ในอนาคตอันใกล้ เซ็กเม้นต์ที่เป็นกลุ่ม “ยอดปิระมิด” ในสังคมไทย น่าจะมีการแข่งขันอย่างดุเดือดรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างมาก แน่นอน!!! เนื่องจากคนกลุ่มนี้มีจำนวนจำกัดในสังคมไทย แต่เป็นกลุ่มที่มี “พลังด้านการจ่าย” มากมายมหาศาล

..ดังนั้น ใครเปิดตัวก่อนย่อมได้เปรียบ แต่ก็ยังไม่สำคัญเท่ากับ ใครที่ตอบโจทย์ได้ตรงใจกว่า และ “เอาใจ” ได้มากกว่าและดีกว่า


  • 1.2K
  •  
  •  
  •  
  •  
Tummy
เมื่อไหร่ที่หยุดพัฒนาตัวเอง ถึงแม้เราไม่ได้ถอยหลัง แต่โลกก็จะทิ้งเราไว้ข้างหลังและหนีห่างออกไป จนวันหนึ่งเมื่อตื่นมา เราอาจรู้สึกแปลกแยก ... มาเปิดโลกทัศน์ แล้วสนุกกับทุกความเคลื่อนไหวในโลกใบนี้ไปพร้อมกันนะคะ