ปัจจุบันยังมีแบรนด์จำนวนไม่น้อยที่ยังหลงอยู่กับความเชื่อในหลักการทำการตลาดแบบเดิมๆ เชื่อว่า ไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัยการทำการตลาดแบบนี้ยังคงใช้ได้เสมอ แต่นั่นเป็นความเชื่อที่ผิด โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้า Gen Z ที่เติบโตมากับเทคโนโลยีและโซเชียลอย่างพอดิบพอดี เขาจึงมีความตื่นตัวในการค้นหาข้อมูลของสินค้าอยู่เสมอ มากกว่าการเชื่อโฆษณาในทีวี
ทุกอย่างต้องดู Perfect
หลายครั้งเราจะเห็นนายแบบนางแบบในทีวีหรือนิตยสาร โชว์หุ่นสวยหล่อ ผิวใส ราวกับหลุดออกมาจากนวนิยาย และนี่ความความ Perfect ที่แบรนด์เชื่อว่า มันสามารถดึงดูดใจลูกค้าให้ซื้อสินค้าได้ แต่ไม่เลยสำหรับ Gen Z เขาต้องการความจริง รูปที่ยังไม่รีทัช ต้องการให้คนธรรมดาออกมาโฆษณามากกว่าดารา เห็นได้จากการเติบโตของอินฟลูเอนเซอร์ และเคยมีกรณีศึกษาเกี่ยวกับแบรนด์ American Eagle หลังหยุดใช้ Photoshop ยอดขายของแบรนด์กลับมียอดพุ่งขึ้นมา 2-3 เท่าตัว
รอบคอบในการทำโฆษณา
บางครั้งแบรนด์มักเล่นมุขตลกหยอกล้อกันในโฆษณา โดยไม่คำนึงอย่างระวัง ทำให้มีเนื้อหาเหยียดเชื่อชาติ เหยียดผิว หรือเหยียดเพศ ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องที่ทำตลกๆ ในอดีต แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้าถึงแทบทุกคน หากมีเนื้อหาล่อแหลม แบรนด์จะถูกกระแสสังคมตีกลับทันที
Gen Z มีความจงรักพักดีต่อแบรนด์ ไม่แพ้คนยุคอื่นๆ
ในยุคที่มีการแข่งขันกันสูง ทำให้มีแบรนด์เกิดใหม่ขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าสิค้าย่อมเพิ่มขึ้น คนรุ่นจึงไม่ได้อิงแบรนด์ใหญ่ๆ เหมือนในอดีต เขาจะเลือกสินค้าที่มีเอกลักษณ์และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเขาได้ นอกจากยังมีสิ่งเร้าอื่นๆ เช่น อินฟลูเอนเซอร์รีวิวสินค้าตัวนนี้ดี เขาก็พร้อมที่จะสวิตแบรนด์ได้ทันที หากสินค้ามันน่าสนใจจริงๆ
Gen Z ชอบแบรนด์หรู ราคาแพง
คนรุ่นใหม่ไม่ได้ติดหรูเสมอไป เรามักเห็นวัยรุ่นอวดชุดบนโลกโซเชียลอยู่บ่อยครั้ง แน่นั่นเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ซึ่งส่วนใหญ่คน Gen Z มักคำนึงการใช้สอยของสินค้าเป็นหลัก ให้ความสำคัญกับความเป็นปัจเจก หากตอบโจทย์ทุกความต้องการ ก็ยอมควักเงินซื้อแม้จะราคาแพงถึงแบรนด์ไม่ดัง
Gen Z ไม่ได้ซื้อสินค้าในร้านอีกต่อไป
Gen Z เป็นรุ่นที่มีความชำนาญด้านเทคโนโลยีมากที่สุดก็จริง แต่ก็ไม่ถึงขั้นซื้อของออนไลน์ทั้งหมด ความเป็นจริงแล้วคนรุ่นใหม่ยังต้องการประสบการณ์ที่ดีในการช้อปปิ้ง ดังนั้นหากร้านค้าดีจริง มีอะไรใหม่สร้างความน่าสนใจเสมอ รับรองคนเข้าร้านอย่างแน่นอน
ที่มา : adage.com
