อาลีบาบา กรุ๊ป ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสและงบการเงินประจำปี ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 โดย CEO แดเนียล จาง กล่าวว่า ปัจจุบันอาลีบาบาได้กลายเป็นสิ่งที่มีความหมายต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนในประเทศจีน โดยฐานลูกค้าของอาลีบาบาขณะนี้มีมากถึง 654 ล้านคนต่อปี (เพิ่มขึ้นถึง 18 ล้านคนเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า) จากการขยายตลาดไปยังเมืองกำลังพัฒนา รวมถึงการดำเนินธุรกิจคลาวด์ ข้อมูล และค้าปลีกรูปแบบใหม่ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้บริษัทสามารถเปลี่ยนวิธีดำเนินธุรกิจในจีนและอีกหลายประเทศเกิดใหม่ พร้อมทั้งสร้างการเติบโตในระยะยาว ทำให้อาลีบาบา กรุ๊ป ตั้งเป้าหมายงบการเงินประจำปี 2563 ไว้ถึง 72,690 ล้านเหรียญสหรัฐ จากปัจจุบันที่ทำได้ 56,152 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ ยังมีการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส ว่าสูงถึง 13,932 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า แม้ว่ากำไรจากการดำเนินการจะลดลง 5% และอยู่ที่ 1,306 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากการชำระเงินในคดีฟ้องร้องของแบรนด์ในระดัสหพันธรัฐของสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวน 250 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษี และรายการตัดจ่ายทางบัญชีอื่นๆ ที่ปรับปรุง (Adjusted EBITDA) เพิ่มขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 3,750 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยทั้งหมดส่งผลให้อาลีบาบา กรุ๊ป มีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 2,764 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนข้อมูลที่น่าสนใจจากงบการเงินประจำปีซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 มีข้อมูลที่น่าสนใจ อาทิ รายได้รวม 56,152 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งหากไม่รวมผลกระทบของการควบรวมธุรกิจและเข้าซื้อกิจการ รายได้รวมจะเพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า ส่วนจำนวนผู้บริโภคในประเทศจีนที่เข้าถึงช่องทางค้าปลีกของบริษัทนั้น สูงถึง 654 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 102 ล้านคน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2561ขณะเดียวกัน ยอดผู้ใช้งานในประเทศจีนที่เข้าถึงช่องทางค้าปลีกของอาลีบาบา กรุ๊ป ผ่านมือถือนั้น ก็สูงถึง 721 ล้านคนในเดือนมีนาคม 2562 เพิ่มขึ้น 104 ล้านคน เมื่อเทียบจากมีนาคมปี 2561
นอกจากนี้ ยังมีตัวเลขอื่น ๆ อันน่าสนใจในปีงบการเงินประจำปี 2562 ที่อาลีบาบา กรุ๊ป เปิดเผย อาทิ…
– ยอดขายสินค้ารวมของตลาดค้าปลีกในจีน อยู่ที่ 853,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นการเติบโต 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
– ส่วนยอดขายสินค้าที่จับต้องได้ผ่านทาง Tmall เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
– ขณะที่ยอดขายสินค้าที่จับต้องได้ผ่านทาง Taobao เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
