แม้ในต่างประเทศจะมีนำ “กัญชา” มาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เป็นเวลานานแล้ว ส่วนประเทศไทย ก็เพิ่งมีกฎหมายควบคุมกัญชา – กระท่อม ออกมาเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว แต่เรายังไม่เคยพูดถึง “เครื่องดื่ม” ที่มีส่วนผสมของกัญชาตรง ๆ มาก่อน
ล่าสุด สื่อต่างประเทศพากันรายงานถึงแนวโน้มการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชา รวมถึง CBD (สารสกัดจากกัญชาแคนนาบิไดออล) หลังจากหลายประเทศทั่วโลกเริ่มมีการอนุมัติให้ใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และสันทนาการ
เช่นเดียวกับ Forbes ที่ได้หยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาต่อยอดจากรายงานของ “Cowan” บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยด้านเศรษฐกิจ ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจผ่านเอกสารนับ 100 หน้า เกี่ยวกับการวิเคราะห์ตลาดกัญชาและ CBD ว่า “ภายใน 6 ปีข้างหน้า ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชาอาจทำมูลค่ามหาศาล ราว 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (มากกว่า 500,000 ล้านบาท) ทีเดียว”
กลับมาที่รายงานฉบับดังกล่าว ซึ่งเป็นการศึกษาแนวโน้มการลงทุนเกี่ยวกับการนำกัญชา CBD และสารสกัดกลุ่มยาเสพติด โดยมีการคาดการณ์ว่า “สตาร์บัคส์ อาจเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกตลาดเครื่องดื่มผสมกัญชา” เนื่องจากที่ผ่านมาสตาร์บัคส์ถือเป็นแบรนด์ที่มักจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดอยู่เสมอ ทั้งยังมีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก จึงถือว่ามีโอกาสที่สดใสกว่าธุรกิจร้านกาแฟแบรนด์อื่น ประกอบการนำกัญชาและสารสกัดต่าง ๆ ไปใช้นั้น สามารถทำได้รวดเร็วที่สุดในธุรกิจเครื่องดื่ม
เรื่องนี้ไม่ได้กล่าวอ้างขึ้นมาแต่อย่างใด แต่เทรนด์ดังกล่าวได้รับปัจจัยสนับสนุนจากหลายเหตุการณ์ อาทิ คาเฟ่รายย่อยแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ เคยจำหน่ายเครื่องดื่มผสมกัญชาแก่ลูกค้า แต่ก็ถูกสั่งระงับไปโดยเจ้าหน้าที่ด้านอาหารและยาในที่สุด รวมไปถึง สถิติการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กัญชาในสหรัฐฯ ผ่านเสิร์ชเอนจินอย่างกูเกิลก็เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าตัว หลังรัฐบาลอนุญาตให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ และยอดขายผลิตภัณฑ์จากกัญชงที่จำหน่ายผ่านออนไลน์ก็เพิ่มจำนวนอย่างต่อเนื่องในตลอด 6 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์อีกว่าเครื่องดื่มผสมกัญชาอาจเป็นได้เพียงแนวคิด เรื่องจากต้องรอการอนุมัติการรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเชื่อว่าจะไม่พิจารณาอนุมัติให้จำหน่ายได้ง่าย ๆ เพราะต้องศึกษาข้อมูล ผลกระทบ และแนวทางกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ลักษณะนี้ด้วย
ที่มา : Forbes