คุณลงทุนสร้างเว็บไซต์ขึ้นมา แต่ทำมาเนิ่นนานก็ไม่เห็น traffic เพิ่มขึ้นมาสักที ทั้งที่ทำตามวิธีการทางการตลาดที่บอกมากมายจากผู้รู้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำ Content หรือ Video marketing จนถึง Social media เองก็ตาม ก็ไม่พบว่าเว็บไซต์ตัวเองนั้นเข้าไปอยู่ Google เลย หรือไม่มีผลการติดอันดับของ Google เลยขึ้นมา ซึ่งนี้เองทำให้คุณสงสัยว่าสิ่งที่ทำมานั้นมีความถูกต้องหรือไม่ หรือสิ่งที่คุณทำมันไม่ถูกต้องกับกลุ่มเป้าหมายหรือเปล่า ทั้งนี้จริง ๆ แล้ว อาจจะเป็นเพราะคุณนั้นทำ SEO ไม่ถูกต้องก็ได้เลยทำให้ผลของเว็บไซต์นั้นไม่ดีขึ้นมาด้วย
การทำเว็บไซต์นั้นสิ่งสำคัญอย่างมากที่จะทำให้เว็บไซต์นั้นประสบความสำเร็จตามหน้าที่ได้คือการทำ SEO ในเว็บไซต์นั้นเอง ซึ่งการทำ SEO นั้นจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อทำให้เห็นผลขึ้นมา รวมทั้งต้องใช้พลังงานและการทำงานหนักอย่างมากที่จะทำให้เกิดผลงาน และต้องทำอยู่สม่ำเสมอไม่สามารถหยุดได้ด้วย เพราะถ้าคุณหยุดทำ ผลของ SEO ที่ทำมานั้นก็จะหายไปอย่างทันที ด้วยเหตุนี้หลาย ๆ ครั้งที่ทำเว็บไซต์แล้วไม่เกิดผลหรือเว็บไซต์นั้นไม่ดีขึ้นมา ก็เพราะว่าคุณอาจจะทำแล้วตกอยู่ใน 6 เหตุผลของการทำ SEO แล้วไม่เวิร์คขึ้นมาก็ได้
1. Content มันแย่ : ไม่ว่าคุณจะพยายามทำให้ Content ต่าง ๆ นั้นดีขึ้นมาแค่ไหน แต่ปรากฏว่าก็ไม่ดีขึ้นสักที เพราะว่าทำ Content ตั้งมากมาย ซึ่งสุดท้ายแล้วการที่ SEO นั้นไม่เกิดอาจจะเพราะที่การทำ Content เองก็ได้ นั้นคือการที่คุณไม่ได้สร้าง Content ที่ดีพอต่อกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ขึ้นมา หรือมี Content ที่มีคุณภาพ ทำให้สิ่งที่คุณทำมานั้นกลายเป็นไม่ได้ผลอย่างทันที ด้วยระบบของ Google ที่ฉลาดมากขึ้นในตอนนี้ สามารถหาได้ว่า Content ที่คุณทำนั้นมีคุณภาพที่ดีพอหรือยัง และเหมาะสมไหมที่ google จะเอาเนื้อหาที่คุณทำนั้นเข้ามาจัดอันดับใน Google Search เพื่อที่จะแก้ปัญหานี้คุณควรเลิกคิดถึงปริมาณ Content ที่ทำ และหันมาสนใจในคุณภาพของ Content เพิ่มมากขึ้นด้วยการใช้รูป วิดีโอ และ infographic ต่าง ๆ ขึ้นมา
2. ไม่ได้ Optimised สำหรับ SEO : การที่เว็บไซต์ของคุณนั้นไม่ได้ผลในการทำงานหรือสร้างประสิทธิภาพต่าง ๆ ขึ้นมาอาจจะเป็นเพราะเรื่องง่าย ๆ อย่างเช่นการที่คุณไม่ได้สร้างเว็บไซต์นั้นให้เหมาะกับการทำ SEO ต่าง ๆ ขึ้นมา ทำให้การที่จะ Optimised SEO ในเว็บไซต์นั้นเป็นเรื่องยากอย่างมาก ใช้เวลานานกว่าที่จะทำให้เว็บไซต์นั้นได้ผลต่อ SEO ที่ทำขึ้นมา สิ่งที่คุณต้องทำเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณได้ผลขึ้นมา คือการสร้างเว็บไซต์หรือปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณให้เหมาะสมต่อการทำ SEO ขึ้นมาก่อน เพื่อที่จะทำให้ SEO ให้ได้ผลขึ้นมาหลังจากนั้น
3. เว็บไซต์คุณช้า : สิ่งที่ส่งผลต่อการทำเว็บไซต์ให้ไม่ได้ผล นอกจากการที่ทำ SEO แล้วก็คือการที่เว็บไซต์ของคุณเองนั้นมีการเปิดเว็บไซต์ที่ช้าผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งในทุกวันนี้ Google ให้คุณค่าอย่างมากกับการโหลดของเว็บไซต์ต่าง ๆ ขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ถ้าเว็บไซต์ของคุณนั้นมีอาการที่โหลดช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนมือถือ ย่อมทำให้มีผลต่อ SEO ที่คุณทำทันที เพราะ Google จะปรับลดอันดับของคุณใน Google Search ทันที ดังนั้นเพื่อที่จะแก้ปัญหานี้ คุณควรแก้ปัญหาโดยการสร้าง Coding Performance ของเว็บไซต์คุณเองให้มีความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างมากอีกด้วย
4. Content ที่คุณทำมี format แย่ : การทำ SEO ที่ดีนั้นเกี่ยวข้องกับหลาย ๆ ส่วนที่ทำให้ Google Search เอาเว็บไซต์ของคุณเข้าไปจัดอันดับขึ้นมา ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากรูปแบบการวาง Format ของ Content คุณเองที่ไม่สามารถเรียงหรือทำให้ผู้ใช้นั้นสามารถใช้งานเว็บไซต์เหล่านี้ได้ง่าย ทำให้ Google ไม่สามารถดึงเนื้อหาข้อมูลของเว็บไซต์ในหน้า Content ของคุณมาแสดงผลเพื่อสร้างการตัดสินใจของคนที่กำลังค้นหาขึ้นมาได้
5. เนื้อหาทำมาซ้ำ : อย่างที่บอกไปว่าการทำ Content นั้นไม่ใช่เรื่องของปริมาณที่จะทำให้ SEO ที่ทำขึ้นมานั้นได้ผล แต่เป็นที่คุณภาพ หลาย ๆ ครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นคือการที่นักการตลาดกลัวว่าเนื้อหาที่ตัวเองทำจะมีน้อยเกินไป หรือทำให้เนื้อหาดูไม่มากพอ เลยทำการสร้างเนื้อหานั้นซ้ำ ๆ ในเว็บไซต์ ด้วยเหตุนี้ทาง Google จะมองว่าคุณพยายามจะโกงการแสดงผล SEO นั้น ๆ คุณมา และผลที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะมีความเลวร้ายโดยที่ google อาจจะลงโทษคุณอย่างทันที
6. ใส่ Keyword ซ้ำ ๆ : เทคนิคการทำ Keyword ซ้ำ ๆ นี้เป็นเทคนิคที่นิยมอย่างมากในอดีต คือนิยมทำกันจนทำให้บทความเรื่อง Content นั้นไม่สามารถอ่านรู้เรื่องได้เพราะมีแต่ Keyword ต่อ ๆ กัน แต่ในปัจจุบันนี้ทาง Google นั้นไม่อนุญาตให้ทำการสร้างบทความที่มี Keyword ซ้ำเหล่านี้แล้ว และยิ่งทำก็ยิ่งมีผลทำให้อันดับของ google นั้นไม่ดีขึ้น เพราะ google มองว่าเป็นเนื้อหาที่ไร้คุณภาพ