ผู้บริโภคในทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายจากอดีตที่ผ่านมา ทำให้นักการตลาดนั้นต้องคอยทำความเข้าใจและตามการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคนี้ให้ทันเพื่อที่จะทำให้ธุรกิจของตัวเองนั้นแข็งแรงและสามารถสร้างการตลาดที่แข่งขันได้ขึ้นมา ในยุคนี้ที่การตลาดนั้นเน้นการที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายที่สุดเรียกได้ว่า Convenience is king ที่ความสะดวกสบายนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่มทำให้ผู้บริโภคเลือกแบรนด์สินค้าและบริการขึ้นมาได้
ด้วยการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ทำให้นักการตลาดต้องมาทำความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ในการสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้นในการเข้าถึงแบรนด์ของนักการตลาดเอง แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นรากฐานที่ช่วยในการตลาดเลยที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปนั้นคือการเข้าใจว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการกระตุ้นผู้บริโภคให้มาปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ขึ้นมา ด้วยการเข้าใจและสามารถใช้แรงขับนี้ได้ ก็สามารถสร้างการตัดสินใจหรือสร้างโอกาสทางการตลาดได้มากมายขึ้นมา ซึ่งในบทความนี้จะพาไปรู้จักการใช้แรงขับนี้มาเป็นวิธีการชั้นยอดในการทำการตลาดในปี 2019 นี้
1. ทำให้เป็นเรื่องส่วนตัว (Personalization)
นักการตลาดที่ในความจริงแล้วก็เป็นผู้บริโภคส่วนหนึ่งนั้นก็คงเคยรู้สึกว่า โฆษณานั้นมีมากมายที่เข้ามาในแต่ละวันอย่างมาก และผู้บริโภคนั้นก็คงไม่ได้สนใจหรือรู้สึกว่าโฆษณานั้นเป็นเรื่องที่ตัวเองต้องให้ความสำคัญ เพราะในความจริงแล้วโฆษณาเหล่านี้ที่ขาดไป คือความที่เรียกว่า ความเป็น Personalized ของโฆษณานั้น ๆ ไม่มี ทำให้โฆษณานั้นหรือการตลาดนั้นเหมือนการเป็นประโยคบอกเล่าโดยไม่ได้มีความหมายเฉพาะเจาะจงขึ้นมานั้นเอง
ซึ่งด้วยการวิจัยของ eMarketer พบว่าโฆษณาที่เจาะกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะนั้นจะมีการเติบโตสูงขึ้นในแง่ของการใช้งานและจะมีโฆษณาที่เจาะความต้องการของผู้บริโภคแต่ละคนโดยเฉพาะมากขึ้นไปอีก ด้วยการใช้โฆษณาแบบนี้ นักการตลาดสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ตรงใจมากขึ้นอย่างมากได้ขึ้นมา
2. ขายด้วยภาพ
ภาพหนึ่งภาพนั้นแทนความหมายได้หลายล้านคำขึ้นมา นั้นคือประโยคที่เป็นจริงอย่างมาก เพราะภาพนั้นสามารถสร้างความรู้สึก ความน่าสนใจและจินตนาการออกมาได้ และกว่า 65% ของประชากรนั้นเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มที่เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยภาพนี้เอง ซึ่งทำให้ไม่ว่าคุณจะอธิบายด้วยตัวอักษรหรือบอกด้วยปากอย่างไร คนส่วนใหญ่กว่า 65% นั้นจะไม่เข้าใจและไม่สามารถทำตามได้ขึ้นมา และทำให้การตลาดของคุณนั้นไม่ได้ผล
ดังนั้นการใช้ภาพต่าง ๆ เหล่านี้ในยุคปัจจุบันจึงมีผลอย่างมากที่จะมาช่วยในการขายสินค้าและบริการต่าง ๆ ขึ้นมาให้กับนักการตลาดขึ้นมาได้ และทำให้ผู้บริโภคนั้นรู้สึกสะดวกสบายและใช้งานง่ายกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้ทันที ตัวอย่างง่ายก็เช่นการทำ AR ในการมาช่วยอธิบายบางสิ่งบางอย่างที่เข้าใจยาก หรือการค้นหาสิ่งของหรือสัตว์ต่าง ๆ ด้วยการใช้การค้นหาผ่านทางภาพถ่ายก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ดี ด้วยเหตุนี้การทำ Content ในยุคนี้ไม่ใช่แค่เรื่องตัวเองอักษรอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องภาพต่าง ๆ อีกด้วย
3. Optimize ทุกอย่างเพื่อสร้างความสะดวก
วิธีการนี้เรียกง่าย.ๆ ว่าทำอย่างไรก็ได้ที่จะทำให้คนนั้นสามารถมาเจอสินค้าและบริการของคุณให้ง่ายที่สุดขึ้นมาให้ได้ ยิ่งในยุคนี้มีวิธีการต่าง ๆ ที่ผู้บริโภคจะค้นหาสินค้าและบริการต่าง ๆ เพื่อมาแก้ไขปัญหาของตัวเองนั้นอย่างมากมาย นักการตลาดต้องรู้วส่าจะทำให้ผู้บริโภคเจอตัวเองได้อย่างไรไม่ใช่แค่ Google Search แต่เป็นการค้นหาด้วยวิธีการอื่น ๆ อีกเช่น Image Search, Voice Search พวกนี้
การสร้างความสะดวกแบบนี้ทำให้นักการตลาดต้องหันมาทบทวนกลยุทธ์ของตัวเองในการทำ Digital Marketing ผ่านทาง Search Engine ต่าง ๆ ว่าทำถูกใหม่ หรือมีวิธีการอะไรที่ฉลาดกว่าในปัจจุบันอีกไหม ซึ่งในความจริงแล้ว การทำ SEO ที่ดีไม่ใช่แค่การซื้อ Keyword ที่แพงที่สุด แต่เป็นการเลือก Keyword ที่ใช่ที่สุดออกมา ด้วยการหาคำค้นหาที่ผู้บริโภคใช้กันค้นหาเพื่อตอบความต้องการของตัวเองเหล่านี้ จะทำให้คุณสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรงขึ้น ซึ่งอาจจะเอาคำเหล่านี้ไปเจาะตามเมือง หรือรูปแบบของประชากรอีกที่จะทำให้คุณสามารถขายสินค้าและบริการได้ถูกที่และถูกเวลามากขึ้นไปอีกด้วย