บล็อกเชน : ความปลอดภัยของการรับประทานอาหาร
ถ้าคุณนึกถึงความเป็นมาของอาหารการกินในห่วงโซ่อุปทาน ไม่มีบริษัท ภาครัฐ หรือผู้ควบคุมใดสามารถเห็นภาพได้ชัดเจนว่าการเลี้ยงปศุสัตว์ผักและอาหารประเภทอื่น ๆ ถูกขนส่งจากการผลิตไปสู่ผู้บริโภคได้อย่างไร ถึงแม้ว่าจะมีการลงทุนขนาดใหญ่ในด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบัน แต่ทั้งหมดนี้สามารถบันทึกข้อมูลได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นหากเทียบกับข้อมูลการจัดส่งทั้งหมด ถ้าหากว่าสินค้าถูกจัดส่งมาเกิน 10 ทอด เราไม่สามารถรู้ได้ว่าแหล่งที่มาของสินค้านั้นมาจากไหน
ดังนั้นหากผู้บริโภคเกิดอาการเจ็บป่วยจากอาหารเนื่องจากมีแบคทีเรียในแอปเปิ้ล ถ้าเกิดเหตุการเช่นนี้เราจะสามารถระบุได้อย่างไรว่าแอปเปิ้ลเกิดการเสียหายณจุดใดในห่วงโซ่อุปทาน? แอปเปิ้ลถึงวันหมดอายุแล้วหรือยัง? ทำไมแอปเปิ้ลถึงเน่าและเราสามารถป้องกันได้หรือไม่ ?
ความปลอดภัยและของเสียจากอาหาร
ใน 1 ปี อาหารที่หายไปในโลกมีน้ำหนักเท่ากับพีระมิดแห่งกิซ่าในอียิปต์คูณด้วย 267 เท่า และที่แย่ไปกว่านั้น อาหารส่วนใหญ่ที่สูญหายไป เกิดขึ้นตามห่วงโซ่อุปทาน เรากำลังพูดถึงการผลิตประมาณ 500 ล้านตัน, การจัดการและจัดเก็บ 350 ล้านตัน, การบริโภค 340 ล้านตัน
วันหมดอายุที่ติดอยู่ตามสินค้ามีไว้เพียงไว้เพื่อคาดเดาวันเวลาหมดอายุของอาหารเท่านั้น แต่ตัวแปรอื่น ๆ เช่นโครงสร้างพื้นฐานของการจัดส่งมอบอาหาร, ประเภทการขนส่งและสภาพสุขอนามัยโดยรวม สามารถส่งผลกระทบและทำลายห่วงโซ่อุปทานนี้ได้
เมื่อปีที่แล้วในสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียว เกิดการระบาดของสารปนเปื้อนในผักกาดหอมด้วยเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า E. coli ซึ่งทำให้คนป่วยเป็นไข้มากกว่า 197 คนใน 35 รัฐ ซึ่งการตรวจสอบครั้งนี้ไม่สามารถระบุวันและเวลาได้เลยว่าในขั้นตอนการผลิตในส่งผลให้เกิดการติดเชื้อของอาหารเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตห้าคน โดยปกติแล้วบริษัทส่วนใหญ่จะถูกตรวจสอบโดย FDA และรอฟังข่าวเสียหายผ่านสือต่างๆ แต่ก็มีหลายๆบริษัทที่กำลังสร้างมารตาการและระบบใหม่เพื่อป้องกันการสูญเสียของชีวิตผู้บริสุทธิ์
บล็อกเชน : บทบาทในการประยุกต์
ผู้บริโภคควรเข้าใจว่าอาหารที่นำมาเสิร์ฟบนโต้ะอาหารนั้นผ่านขั้นตอนมาอย่างไรบ้าง ตั้งแต่ กรรมวิธีการผลิตออกจากฟาร์ม การจัดการขนส่งสินค้า การเก็บสินค้า การประมวลสินค้า การนำสินค้ามาบรรจุภัณฑ์ การขนส่ง และการขายปลีกก่อนที่จะถึงมือผู้บริโภค เพราะในทุกอาหารเช้า อาหารเที่ยง หรืออาหารเย็นของคุณนั้นวัตถุดิบในการทำอาจจะมาจาก 10 ประเทศในโลกนี้ก็เป็นได้
เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา 10 บริษัทยักษ์ใหญ่เช่น Walmart และ Nestle มีส่วนร่วมในริเริ่มการสร้าง blockchain ที่จะเปลี่ยนวิธีการติดตามผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอาหารทั่วโลกโดยการร่วมมือกับ IBM บริษัทต่างๆตั้งเป้าที่จะบันทึกการเคลื่อนไหวของอาหารทั้งหมดใน Blockchain ตั้งแต่พื้นที่ฟาร์มไปจนถึงทางเดินของชำ
เทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่ออุตสกรรมอาหารอีกอย่างคือ Cold Chains เทคโนโลยีนี้มีไว้เพื่อตรวจสอบอุณหภูมิในพาหนะขนส่งอาหาร ทั้งรถบรรทุก เครื่องบิน และ เรือ สามารถประยุกต์ใช้ได้ และที่สำคัญเทคโนโลยีนี้ใช้บล็อกเชนเพื่อเก็บข้อมูลเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเช่น
- อุณหภูมิที่เหมาะสมในการรักษาสินค้า
- หากอุณหภูมิลดลงเกินกว่าที่กำหนดไว้ชั้นวางสินค้าจะถูกวัดและปรับใหม่เมื่อสินค้าถึงร้าน
- การวิเคราะห์ประเภทการขนส่งและผลกระทบต่อสภาพอากาศและอื่น ๆ อีกมากมาย
ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ทุกขั้นตอนในการผลิตอาหารและการส่งต่อข้อมูลจะถูกจัดเก็บไว้อย่างดีและป้องกันการทำลายข้อมูลได้ ผู้คนที่มีส่วนร่วมในห่วงโซ่อุปทานนี้จะสามารถเพิ่มข้อมูลได้ แต่จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบที่มีอยู่แล้วได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นการเก็บและแชร์ข้อมูลจะเกิดขึ้นทันที ฉะนั้นผู้ผลิตสินค้าสามารถตรวจสอบที่อยู่ของสินค้าและแจ้งเหตุหรือค้นหาปัญหาการขนส่งอาหารได้ เพราะข้อมูลสามารถเข้าถึงได้ทั่วไป ทุกคนจึงมั่นใจได้ว่าอาหารของเรานั้นมีคุณภาพพร้อมทานแล้ว
ทศวรรษที่ผ่านมาห่วงโซ่อุปทานไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อน เพราะว่าผู้บริโภคเป็นคนในท้องถิ่น แต่การกำเนิดของอินเทอร์เน็ตและความก้าวหน้าของการขนส่งทั่วโลกได้ปลี่ยนแปลงทุกอย่างไป การจัดหาอาหารจึงมีความซับซ้อนอย่างมาก เราต้องการเทคโนโลยีที่เชื่อถือได้ ตรวจสอบได้ เติบโตได้ด้วยต้นทุนต่ำและมีเพียงเทคโนโลยี blockchain เท่านั้นที่สามารถตอบโจทย์ดังกล่าวนี้ได้
จนถึงปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ blockchain ที่ปฏิบัติตามเพื่อความปลอดภัยของอาหารและเศษอาหาร บริษัทเช่น Goodr กำลังช่วยให้ธุรกิจและร้านอาหารจัดส่งของเหลือให้กับองค์กรการกุศลในท้องถิ่นหรือชุมชนอื่นๆที่ต้องการความช่วยเหลือ
เขียนโดย จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา
Expertise: Blockchain & FinTech
อ่านบทความ Exclusive เพิ่มเติมได้ที่นี่
Copyright © MarketingOops.com