เมื่อยุคปัจจุบันทุกคนเข้าถึงข้อมูล หลายคนเริ่มรู้เท่าทันแผนการตลาด แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนยังมองไม่เห็นคือสิ่งที่เรียกว่า “อนาคต” หลายหน่วยงานจึงต้องสร้างโอกาสในการทำธุรกิจด้วยการกำหนดอนาคตหรือ “เทรนด์” นั่นจึงทำให้หลายคนต่างให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี เพราะเทคโนโลยีช่วยให้เห็นข้อมูลที่สำคัญที่จะช่วยให้สามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นหรืออาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
หลายแห่งเริ่มมองอนาคตที่ไกลออกไปมากกว่าแค่ปี 2020 รวมไปถึงบริษัท เดลล์ อีเอ็มซี ประเทศไทย ที่มีการคาดการณ์เทรนด์การใช้เทคโนโลยีในประเทศไทยไปจนถึงปี 2030 เพื่อให้องค์กรเตรียมความพร้อมในการรับมือความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่เพียงแค่เรื่องของ Cloud, AI และIoT เท่านั้น โดย นายนพดล ปัญญาธิปัตย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย จะมาชี้ให้เห็นเทรนด์เทคโนโลยี
ข้อมูลมหาศาลไหลผ่านคลาวด์
ผลพวงจากในปีที่ผ่านมา เมื่อเทคโนโลยี AI ถูกนำมาใช้ส่งผลให้ความต้องการรับส่งข้อมูลในปริมาณมากมายมหาศาลและความเร็วในระดับ Real Time ส่งผลให้เทคโนโลยี Cloud กลายเป็นเทคโนโลยีที่ต้องออกมารองรับปริมาณข้อมูลมหาศาลเหล่านั้น แน่นอนว่า Cloud ช่วยให้ส่งข้อมูลทำได้อย่างรวดเร็วผ่านรูปแบบของ Data Center แต่ก็ยังมีขีดจำกัดการทำงาน
เนื่องจากการใช้ Cloud ผ่าน Data Center เพียงแห่งเดียว ทำให้ปริมาณข้อมุลมหาสาลไม่สามารถส่งผ่านได้อย่างสะดวก การสร้าง Data Center ในรูปแบบของการกระจายศูนย์ จึงเป็นการตอบสนองความต้องการรับส่งข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเรียกรูปแบบของ Data Center แบบนี้ว่าData Center Multi-Tier และจะช่วยให้อุปกรณ์ปลายทางสามารถทำงานได้อย่างฉลาดมากยิ่งขึ้น
AI พูดคุยกับ AI มากขึ้น
เทคโนโลยี AI เป็นที่รู้จักมากมายในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเทคโนโลยี AI จะเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมหาศาล เพื่อประเมินและวิเคราะห์ แต่ในอนาคตการสื่อสารกับ AI จะกลายเป็นเรื่องของ AI คุยกัย AI ด้วยกันเอง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าปริมาณข้อมูลจะมีปริมาณระดับ Setabytes (เซตาไบท์) หรือเทียบเท่ากับ 1 พันล้านเทราไบต์
ทั้งนี้ การ์ทเนอร์ (Gartner) ยังมีการประเมินว่าในปี 2021 การขยายตัวของเทคโนโลยี AI จะสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้สูงถึงระดับ 2.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และช่วยให้คนทำงานประหยัดเวลาทำงานได้มากถึง 6,200 ล้านชั่วโมง
5G ช่วยให้เกิด IoT อย่างเป็นรูปธรรม
เทคโนโลยี 5G เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีได้รับการกล่าวถึงอย่างมากตั้งแต่ช่วงปลายปี 2018 ซึ่งจุดที่โดดเด่นของเทคโนโลยี 5G คือการให้แบนด์วิดธ์สูงแต่ความหน่วงต่ำ หนึ่งกล่าวให้เข้าใจง่ายๆ คือมีการส่งข้อมูลในปริมาณมหาศาล เรียกว่าการรับส่งใกล้เคียงคำว่า Real Time มากที่สุด ช่วยให้การประมวลผลทำได้เร็วมากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างภาพเสมือนจริง รองรับการใช้เทคโนโลยี AR, VR, Game เป็นต้น
สำหรับเทคโนโลยี IoT แล้ว เทคโนโลยี 5G จะช่วยให้การเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ กับระบบอินเตอร์เน็ตทำได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งอาจจะได้เห็นการย้ายระบบการทำงานอุปกรณ์ต่างๆ ไปสู่เว็บแอปพลิเคชั่น
AR/VR ประสบการณ์เสมือนจริง
AR/VR (Augmented and Virtual Reality) เป็นเทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ช่วยให้เปิดโอกาสในการฝึกอบรมและช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างมีอิสระมากขึ้น โดยไม่ได้จำกัดว่าต้องอยู่ในที่ทำงานเท่านั้น ที่มากไปกว่านั้นก็คือการนำพาทุกคนไปสู่สภาพแวดล้อมเสมือนจริง ราวกับว่าทำงานอยู่ด้วยกันจริงๆ
บล็อกเชน จะก่อให้เกิดปฏิกริยาลูกโซ่
Blockchain เป้นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีการพูดถึงอย่างมาก แต่ยังไม่มีการใช้อย่างกว่างขวาง เนื่องจากหลายองค์กรยังประเมินกันอยู่ว่าBlockchain จะช่วยเสริมความปลอดภัยและสร้างมูลค่าได้จริงหรือไม่ ทั้งนี้ในปี 2019 จะเป็นปีที่มีการพัฒนาไปสู่การนำเทคโนโลยีBlockchain ไปใช้งานจริง เนื่องจากหลายองค์กรได้ทำการศึกษาเพื่อให้เข้าใจว่า Blockchain เหมาะสมสำหรับองค์กรหรือยัง และองค์กรสามารถรองรับการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวได้หรือไม่