ใครที่อ่านการ์ตูนโดราเอมอน เราจะเห็นหลายตอนที่โดราเอมอน และเพื่อนเดินทางไปโลกแห่งอนาคต ที่เจ้าเหมียวสีฟ้าถือกำเนิดขึ้น จะตื่นตาตื่นใจกับรถยนต์วิ่งอยู่บนอากาศ ตามบ้านเรือนต่างๆ มีหุ่นยนต์เป็นผู้ช่วยงานบ้าน และเทคโนโลยีสุดล้ำอีกมากมาย ที่เข้ามาสร้างความสะดวกในชีวิตผู้คน และวันนี้ ของวิเศษหลายอย่างของโดราเอมอน รวมถึงวิถีชีวิตแห่งอนาคตที่เราเคยเห็นจากการ์ตูน เริ่มเป็นจริงแล้ว!
“แดสสอล์ท ซิสเต็มส์” (Dassault Systèmes) ร่วมกับ “บริษัทวิจัยอิสระ CITE Research” เผยผลสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตในเมืองใหญ่ ผ่านระบบถาม-ตอบแบบออนไลน์ โดยผู้ตอบแบบสอบถามชาวอเมริกันกว่า 1,000 คน ระหว่างวันที่ 19 – 29 พฤศจิกายน 2561 โดยถามถึงความต้องการประสบการณ์การใช้งานต่างๆ ภายในบ้าน รวมถึงการเดินทาง สุขภาพ และร้านค้า
พบว่า ภายในปี 2030 เทคโนโลยีจะเข้ามาเติมเต็ม และยกระดับคุณภาพชีวิตผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมทั้งเชิงบวกและเชิงลบ โดยมีเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคม สรุปได้เป็น 4 เทรนด์แห่งอนาคตวิถีคนเมือง ได้แก่
– การเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง (Hyperloop)
– เปลี่ยนบ้านธรรมดาให้กลายเป็นสมาร์ทโฮม (Smart Home)
– การใช้จ่ายผ่านอุปกรณ์โมบายล์ (Mobile Payment)
– แผนการประกันสุขภาพส่วนบุคคล (Personalized Preventive Health Plan)
สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความต้องการที่เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาท และอาจจะกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของผู้คนในอนาคต
โดยผู้บริโภคคาดหวังพบประเด็นสำคัญ คือ ภายในปี 2030 การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาเติมเต็มประสบการณ์การใช้งานตามรสนิยมของผู้บริโภคเป็นเรื่องที่แบรนด์ควรตระหนัก ทั้งการใช้ชีวิตภายในบ้าน การเดินทาง สุขภาพ และการจับจ่ายใช้สอย นอกจากนี้ยังมีอีกหลายหมวดหมู่ที่น่าสนใจ อาทิ เรื่องความปลอดภัย การใช้พลังงาน ความสะดวกสบาย การเข้าถึง การออม และ ประกันชีวิต ที่คาดหวังว่าจะมอบประโยชน์การใช้ชีวิตของพวกเขาจากเทคโนโลยีอื่นๆ
คนกลุ่ม “Miilennials” มีอิทธิพลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีสุดล้ำ
ประสบการณ์ใช้งานตามรสนิยมของกลุ่มมิลเลนเนียลมีอิทธิพลต่อการพัฒนาเทคโนโลยี ชาวมิลเลนเนียลอายุระหว่าง 18 – 34 ปี ให้ความสำคัญกับการแสดงออกถึงเอกลักษณ์ส่วนบุคคล ดังนั้น เทคโนโลยีควรนำเสนอรูปแบบการใช้งานให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ โดยสามารถปรับเปลี่ยนได้ด้วยตนเองและตลอดเวลา ผู้ตอบแบบสอบถามอายุ 35 ปีขึ้นไป คาดว่า ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นอีกด้วย
มนุษย์เลือกใช้ “ระบบขนส่งความเร็วสูง” (Hyperloop) และอยากเห็น “แท็กซี่ลอยฟ้า”
เทคโนโลยีระบบคมนาคมในอนาคต พบว่า “ระบบไฟฟ้าและการเชื่อมต่ออัจฉริยะ” จะยกระดับระบบขนส่งมวลชนและยานยนต์ ช่วยให้ประหยัดต้นทุน ลดเวลาในการเดินทาง และสร้างความปลอดภัยให้กับผู้เดินทางบนท้องถนนมากยิ่งขึ้น
มากกว่า 70% ของผู้ตอบแบบสอบถาม คาดการณ์ว่า จะใช้รถยนต์ไฟฟ้าหรือรถไฮบริดในอนาคต
กว่า 50% ของผู้ตอบแบบสอบถาม คาดว่าจะเลือกใช้ระบบขนส่งความเร็วสูงหรือรถไฟความเร็วสูง (Hyperloop)
นอกจากนี้ มีผู้ตอบแบบสอบถาม 38% คาดว่า จะมี “แท็กซี่ลอยฟ้า” เปิดให้ใช้บริการ
ขณะที่ผู้ขับขี่กว่า 75% เชื่อว่าจะได้รับประสบการณ์ขับขี่รถยนต์ที่ดีขึ้นในอนาคต เช่น เทคโนโลยีเพื่อการวางแผนการเดินทางหรือกำหนดเส้นทางและแผนการควบคุมการจราจรในเขตเมือง
อย่างไรก็ดี ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ยังไม่ยินดีที่จะเปิดให้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวเพื่อใช้ในการปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ
คนจะอยู่อาศัยในบ้านอัจฉริยะ และมี “หุ่นยนต์แม่บ้าน” เป็นผู้ช่วย
ในปี 2030 บ้านจะยิ่งปลอดภัยและประหยัดพลังงานมากขึ้น ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 70% กล่าวว่า ในอนาคตจะเลือกใช้อุปกรณ์ที่สามารถรีโมทเพื่อควบคุมและตรวจสอบ การสั่งงานด้วยเสียง และวางระบบภายในบ้านแบบสมาร์ทโฮม หรือ บ้านอัจฉริยะ ขณะที่ ผู้ตอบแบบสอบถาม 49% เลือกใช้แม่บ้านอัจฉริยะหรือหุ่นยนต์แม่บ้าน
เครื่องมือดูแลสุขภาพภายในบ้าน จะเป็นอุปกรณ์สามัญประจำบ้าน
แผนการประกันสุขภาพส่วนบุคคลและการติดตั้งเครื่องมือสำหรับดูแลสุขภาพภายในบ้าน หรือโฮมทรีทเมนท์ (Home Treatment) จะใช้กันแพร่หลายมากยิ่งขึ้น พบว่าผู้ตอบแบบสอบถาม…
กว่า 80% คาดว่า เทคโนโลยีจะช่วยให้พวกเขาจัดการสุขภาพได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นซึ่งจะช่วยป้องกันโรคและช่วยให้พวกเขาใช้ชีวิตได้นานขึ้น
83% มองว่าแผนประกันสุขภาพที่ตรงกับพฤติกรรมหรือโภชนาการจะตอบโจทย์มากที่สุด
81% มองว่าจะซื้อเครื่องมือในการดูแลสุขภาพมาติดตั้งหรือนำมาใช้ที่บ้านเอง
80% คาดว่าจะมีระบบบันทึกข้อมูลด้านสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์เปิดให้ใช้บริการ 3 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสอบถาม เชื่อว่า เทคโนโลยี เช่น แอปพลิเคชั่นสำหรับ
วินิจฉัยสุขภาพที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองหรือที่บ้านอุปกรณ์สวมใส่ และศัลยกรรมกระดูกเทียมจะถูกนำมาใช้มากขึ้นในอนาคต
Mobile Payment ตัวเร่งการซื้อขายเพิ่มขึ้น – ผู้บริโภคอยากได้ประสบการณ์ดิจิทัลที่หน้าร้าน ก่อนตัดสินใจซื้อ
ร้านค้ารูปแบบเดิมจะยังมีอยู่ สิ่งที่จะเพิ่มเข้ามาคือการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มความสะดวกในการชำระเงินและบริการต่างๆ ในร้านค้า
84% ของผู้ตอบแบบสอบถาม เชื่อว่า การเปิดให้ชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ และการเพิ่มความสะดวกสบายด้านการส่งของได้ทุกที่ทุกเวลาช่วยเร่งให้อุตสาหกรรมซื้อขายสินค้าร้อนแรงมากยิ่งขึ้น
81% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ต้องการได้รับประสบกาณ์ดิจิทัลที่หน้าร้านก่อนตัดสินใจซื้อ
80% ผู้บริโภคคาดหวังสินค้าต้องพิเศษ ไม่ซ้ำ และเป็น “ของฉัน” คนเดียว
45% เชื่อว่า การพัฒนาการซื้อขายผ่านร้านค้าเสมือนจริงให้สำเร็จภายในปี 2030 ยังไกลเกินเอื้อม
