เชื่อว่าหลายคนที่สนใจการทำตลาดจีน น่าจะเริ่มรู้จักและได้ยินชื่อของ Ctrip ซึ่งเป็นเว็บไซต์สำหรับบริการด้านการท่องเที่ยวแบบครบวงจรยักษ์ใหญ่ของจีนมาบ้างแล้ว เวลานี้ก็กำลังเข้ามาให้บริการในประเทศไทยแล้วด้วย
แต่หลายฝ่ายก็มีความกังวลว่า แล้วการมาของ Ctrip จะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทยหรือไม่
วันนี้ เราจึงได้มาสอบถามในประเด็นนี้กับผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดจีนออนไลน์ครับ นั่นคือ คุณอิทธิชัย อรรถกระวีสุนทร หรือ คุณตั้ม ซึ่งเป็น Founder ผู้ก่อตั้งบริษัท Levelup Holding Co., Ltd. ที่ปรึกษาและเอเจนซี่การตลาดจีนที่ให้บริการโฆษณาออนไลน์จีน และยังเป็นผู้ร่วมตั้งเว็บไซต์และเพจ Levelupthailand บุกตลาดจีน อีกด้วยครับ
ก่อนอื่น อยากให้แนะนำเรื่องของ Ctrip หน่อยครับ ว่ามันคืออะไร
ขอเริ่มจากอธิบายก่อนว่า Ctrip เป็นเว็บไซต์ของบริษัทจัดการท่องเที่ยวออนไลน์ (Online travel Agency: OTA) ที่ถือว่าใหญ่เป็นอันดับ 1 ของจีน และก็ถือว่าเป็นอันดับที่ 2 ของโลก เป็นรองเพียงแค่บริษัท Priceline ซึ่งเป็นเจ้าของ Agoda.com และ Booking.com ดังนั้นก็สรุปได้ว่า Ctrip ก็คล้ายกับ Agoda แต่เป็นของจีนครับ
แล้วในส่วนของบริการ Ctrip มีอะไรบ้างครับ
โดยหลักคือ Ctrip เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการด้านการท่องเที่ยวแบบครบวงจรของจีน อาทิเช่น บริการจองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม จองตั๋วรถไฟ เป็นต้น ซึ่งทุกวันนี้ก็ได้รับความนิยมจากคนจีนอย่างมาก
แล้วยังมีการจัดทริปเดินทาง ทำวีซ่า จัดรถรับ-ส่งสนามบิน มีการทำแพ็กเกจท่องเที่ยวทั้งแบบครึ่งวัน เต็มวัน หรือแพ็กเกจทัวร์ นอกจากนี้ยังมีส่วนของการแนะนำร้านอาหาร ร้านของฝาก สถานที่ท่องเที่ยว
เดิมที Ctrip ไปเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนภายในประเทศ แต่ช่วง 4-5 ปีหลัง Ctrip จับกลุ่มนักท่องเที่ยวในต่างประเทศมากขึ้น โดยพัฒนาแอพสำหรับใช้งานในมือถือ และสำหรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาในประเทศจีน
พอจะให้รายละเอียดและข้อมูลอื่นๆอีกได้ไหม
สำหรับข้อมูลอื่น ๆที่น่าสนใจ Ctrip เป็นบริษัทจีนที่เข้าในตลาด Nasdaq มีมูลค่ากว่า 27,000 ล้านเหรียญในปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 250 ล้านคน ในส่วนของ Website มีให้บริการได้ถึง 17 ภาษา รวมของไทยด้วย
ปัจจุบันมีพนักงานมากกว่า 30,000 คนทั่วประเทศจีน สำนักงานใหญ่อยู่ที่นครเซี่ยงไฮ้ ส่วนรายได้ล่าสุดประกาศออกมาในไตรมาสที่ 2 ของปี 2018 ว่าอยู่ที่ 7.3 พันล้านเหรียญ แล้วยังมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ Baidu หนึ่งใน 3 ยักษ์ใหญ่ด้าน Digital ของจีนด้วยครับ
ตามที่เล่ามา แสดงว่า Ctrip มีแบ็กอัพใหญ่ของจีนหนุนหลัง และเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ใช่ครับ แล้วมีอีกข้อหนึ่งที่น่าสนใจคือ Ctrip จะให้บริการตลาดนักท่องเที่ยวประเภท FIT ที่ส่วนใหญ่อยู่ในตลาดกลางจนถึงสูงเป็นหลัก นั่นหมายความว่า คุณมีโอกาสได้ลูกค้าชาวจีนประเภทชั้นดีเพิ่มขึ้นดว้ย
แล้วเรื่องที่ Ctrip เข้ามาร่วมลงทุนในประเทศไทย เข้ามาในมุมไหนครับ
ที่จริงแล้ว Ctrip เข้ามาลงทุนในประเทศไทยตั้งแต่ในปี 2016 โดยมี “หลู่เยว่” บริษัทในเครือของ Ctrip ที่เป็นหัวหอกด้านนี้ โดยเข้ามาร่วมลงทุนและเปิดโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวในไทย โดยเริ่มจากที่เชียงใหม่และสมุยก่อนครับ ซึ่งหลังจากนั้น ก็มีการเข้ามาร่วมลงทุนเพิ่มขึ้นด้วย
นักท่องเที่ยวจีนที่ใช้งาน Ctrip สำหรับมาเที่ยวประเทศไทย มีมากน้อยแค่ไหน
มีรายงานว่า ในปี 2017 นักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในประเทศไทยแล้วใช้บริการของ Ctrip มีมากกว่า 5 ล้านคน ทำให้อาจมองว่านี่จะเป็นจุดแข็งที่จะช่วยส่งเสริมการตลาดกับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้นครับ โดยที่ผ่านมาก็มีการประชาสัมพันธ์ร่วมกับทาง WeChat เพื่อให้ผู้ใช้สามารถแจ้งความต้องการและปัญหาผ่านช่องทาง WeChat ได้เลยด้วย
นอกจากนี้ยังมีการนำ Big data เข้ามาช่วย เพื่อให้ลูกค้าที่จองห้องพักผ่านเว็บไซต์สามารถเลือกโรงแรมที่เหมาะสมได้มากที่สุด
แสดงว่า Ctrip ก็บุกเข้ามาในไทยได้สักพักหนึ่งแล้ว
ใช่ครับ แต่อยากให้มองว่า มันคือโอกาสที่จะช่วยเสริมในแง่ของการประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร และอื่นๆ สำหรับผู้ที่เข้าร่วมกับทาง Ctrip
ที่สำคัญคือ มันไม่ใช่แค่การท่องเที่ยวในจีนเท่านั้น แต่ทาง Ctrip มีการให้บริการร่วมกับในเมืองอื่นๆของหลายประเทศด้วย โดยเฉพาะเมืองสำคัญด้านการท่องเที่ยว เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ กรุงลอนดอน นิวยอร์ก เป็นต้น
แล้วจุดเด่นที่เราปฏิเสธไม่ได้ก็คือ คนจีนเวลานี้ใช้งานออนไลน์ทางมือถือกันมากที่สุด Ctrip เองก็เป็นบริการออนไลน์ที่คนจีนเข้าถึงง่าย เหมือนเวลาคนไทยส่วนใหญ่ถ้าจะเลือกที่พักบนอินเทอร์เน็ต ก็เข้าไปเลือกในเว็บไซต์ Agoda
ทิศทางตลาดน่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
มีรายงานว่า ในปัจจุบันผู้ใช้งาน Ctrip มากกว่า 80% เป็นคนจีน ซึ่งก็เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจจะบกตลาดจีน แล้วต้องการประชาสัมพันธ์หรือกระตุ้นกิจการของเรากับกลุ่มเป้าหมายครับ แต่ในส่วนของตลาดโลก ยังคงต้องรอการเปิดกว้างต่อไป
เขียนโดย อิทธิชัย อรรถกระวีสุนทร
Expertise: China Marketing
อ่านบทความ Exclusive เพิ่มเติมได้ที่นี่
Copyright © MarketingOops.com