ปัญหาฝุ่นควันพิษในประเทศไทยทุกวันนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้ามกันได้ง่ายๆ อีกต่อไป จากข้อมูลของ องค์การอนามัยโลก (WHO) เผยว่า ในปี 2016 ประชากรโลก 9 ใน 10 คน หายใจเอาอากาศปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกาย และระดับมลพิษทางอากาศยังอยู่ในระดับอันตราย ทั้งนี้ ผลสำรวจดังกล่าวมาจากประชากรใน 4,300 เมือง ใน 108 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย
เมื่อสูดดมอากาศที่เป็นพิษเข้าไปมากๆ จะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการไอ จาม มีน้ำมูก เจ็บคอ มีเสมหะ และเมื่อสะสมในร่างกายเป็นเวลานาน อาจก่อให้เกิดโรคปอด หัวใจขาดเลือด ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ถุงลมโป่งพอง ผู้ที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ โรคผิวหนัง โรคหอบ และ ไซนัส เป็นต้น ไม่ใช่แค่ในกรุงเทพฯ เท่านั้นที่ต้องเจอปัญหามลพิษทางอากาศ ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ต้องเผชิญปัญหาเดียวกัน
ต้องบอกว่าหมอกบางๆ ที่เราเห็นกันอยู่ ไม่ใช่อิทธิพลจากฤดูหนาวแต่อย่างใด แต่เป็นฝุ่นควันพิษส่วนหนึ่งที่เกิดจากยานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์ และรถยนต์ก็เป็นแหล่งที่ก่อปัญหามลพิษในอากาศมากที่สุด โดยเฉพาะรถเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งปล่อยฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีชื่อว่า Particulate Matter (PM) 2.5 (2.5 ไมครอน) ออกมา ขนาดประมาณ 1 ใน 25 ของเส้นผ่าศูนย์กลางเส้นผมมนุษย์ เล็กขนาดที่ขนจมูกกรองไม่ได้
วิธีป้องกันตัวเองเบื้องต้น แค่ไม่เข้าไปอยู่ในบริเวณที่มีฝุ่นควันจำนวนมาก หรือถ้าจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง ทว่า การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือ ลดต้นตอการปล่อยควันพิษ
PTT NGV ถือเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เห็นความสำคัญ และต้องการสร้างความตระหนักให้คนในสังคมรับรู้ถึงปัญหาฝุ่นควัน ด้วยการเปิดตัวโฆษณา หมอกหรือควัน ที่ใช้เด็กๆ เป็นตัวแทนของคนที่ต้องใช้ชีวิตในอนาคตเป็นผู้ถ่ายทอด และเชิญชวนให้ผู้ใหญ่ช่วยกันลดปัญหาฝุ่นควัน เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับปัญหามลพิษต่อไป โดยได้เลือกเพลง หมอกหรือควัน ของ พี่เบิร์ด ธงไชย มาแต่งเนื้อใหม่ พร้อมท่าเต้นที่คุ้นเคย
httpv://youtu.be/hkEZRH9R2IQ
การจะเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคไม่ใช่เรื่องง่ายก็จริง การที่ PTT NGV ใช้เด็กเล่าเรื่องผ่านการร้องเพลง ทำให้ผู้ใหญ่เห็นว่าฝุ่นควันพิษที่เด็กๆ หายใจเข้าไปทุกวัน เกิดจากการกระทำของผู้ใหญ่ PTT NGV จึงพัฒนาก๊าซ NGV ใหม่ที่มีคุณภาพ เป็นพลังงานสะอาด ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ อัตราเร่งดีขึ้น ประหยัดเชื้อเพลิง และวิ่งได้ระยะทางไกลขึ้น โดยไม่เพิ่มมลพิษในอากาศ
หลายคนอาจเคยได้ยินทฤษฎี 21 วันเปลี่ยนพฤติกรรม หมายถึง การทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งติดต่อกันได้เกิน 21 วัน จะสร้างนิสัยใหม่ๆ ได้จริง ทาง PTT NGV จึงนำไอเดียนี้มาต่อยอดเป็นแคมเปญ “21 Days Habit Theory” เพื่อส่งเสริมให้คนในโซเชียลได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการลดการเกิดมลภาวะ โดยชวนทุกคนให้ร่วมพิสูจน์ทฤษฎีนี้ ด้วยการถ่ายภาพคู่ตัวเองพร้อม 1 ใน 3 ไอเทม (ถุงผ้า แก้วน้ำส่วนตัว หรือหลอดดูดน้ำทางเลือก) ที่ตั้งใจว่าจะใช้สิ่งนี้ต่อเนื่องจนครบ 21 วัน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งจากประชาชนทั่วไปและเซเลปคนดัง นอกจากนี้ PTT NGV ยังทำวิดีโอให้ความรู้การใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้องอีกด้วย
เปลี่ยนไลฟ์สไตล์วันละนิด สร้างความยั่งยืนในอนาคต
หากวันนี้เราค่อยๆ เปลี่ยนไลฟ์สไตล์วันละนิด เช่น ไปใกล้ๆ ใช้ขนส่งสาธารณะ ไปทางเดียวกันใช้รถร่วมกัน เพื่อลดการเกิดควันพิษ หรือขับรถไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สิ่งที่จะเกิดหลังแคมเปญนี้คือ ความยั่งยืน ที่ไม่ใช่แค่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของทุกคนในสังคม โดยเฉพาะเด็กที่กำลังเติบโตและมีคุณภาพชีวิตที่ดีไปพร้อมๆ กัน
เปลี่ยนมาใช้ NGV คุณภาพใหม่ ทดแทนเชื้อเพลิงอื่นๆ และเป็นพลังงานทางเลือกที่สะอาด
ทาง PTT NGV ได้ปรับปรุงก๊าซ NGV คุณภาพใหม่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทั้งยังช่วยให้อัตราการเร่งดีขึ้น ประหยัดเชื้อเพลิง และวิ่งได้ระยะทางไกลขึ้น โดยที่ไม่สร้างมลพิษ เป็นพลังงานทางเลือกที่สะอาด ซึ่งวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ณ สถานีบริการเอ็นวีจี พร้อมกันนี้ PTT NGV ยังเปิดตัวแคมเปญ “เอ็นจีวี คุณภาพใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพ ไม่เพิ่มมลพิษ” เพื่อสร้างการรับรู้ไปสู่วงกว้าง ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการใส่ใจสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับก๊าซ NGV ที่เป็นพลังงานสะอาด หากไม่เปลี่ยนพฤติกรรมตั้งแต่วันนี้ ลองคิดดูซิว่าในอนาคตลูกหลานของคุณต้องหายใจเอาอากาศที่เป็นพิษเข้าสู่ร่างกายมากแค่ไหน
หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ PTT Contact Center 1365 ตลอด 24 ชั่วโมง
แหล่งที่มา: www.who.int