บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2561 ทำผลงานโดดเด่นทุกกลุ่มที่อยู่อาศัย ทั้งคอนโดฯ บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ กวาดยอดขายเติบโตจากไตรมาสก่อนถึง 162% ล่าสุดเดือน ส.ค. ยอดขายรวมพุ่งทะลุ 32,500 ล้านบาท คิดเป็น 72% จากเป้าหมายยอดขายทั้งปี 45,000 ล้านบาท เตรียมจับตายอดขายทะลุเป้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่รายได้รวมครึ่งปีพุ่ง 10,862 ล้านบาทจากการโอนโครงการแนวราบทะลัก 75% และโครงการคอนโดฯ ประมาณ 25% จากการโอนคอนโดฯ ต่อเนื่อง 15 โครงการและคอนโดฯ ใหม่เริ่มโอนในปี 61 รวมถึงมีรายได้จากการบริหารโครงการภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอสเพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาสที่แล้ว บริษัทมีกำไรสุทธิในช่วงครึ่งปี 664 ล้านบาท โดยมีกำไรจากโครงการภายใต้ความร่วมมือกับบีทีเอสเพิ่มขึ้น 16% ผลงานหลักจาก XT ฮอตฉุดไม่อยู่หลังเปิดตัว 3 โครงการพร้อมกันมูลค่าสูงสุดทุบสถิติ รวมถึงคอนโดแสนสิริขายดีทั่วประเทศ ส่งผลยอดขายคอนโดมิเนียมโตจากไตรมาสก่อน 278% บ้านแสนสิริ พัฒนาการ สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ของโครงการแฟล็กชิพบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ไทย มียอดขายแล้ว 65% ภายใน 2 เดือน ซึ่งนับเป็นการตอบรับที่รวดเร็วในกลุ่มบ้านเดี่ยวในระดับราคา 65 – 240 ล้านบาท พร้อมส่งทาวน์เฮาส์แสนสิริโต 672% จากไตรมาสที่แล้ว จากปรากฎการณ์ Talk of the town ปั้นแบรนด์ สิริ เพลส กวาดยอดขายรวม 2,300 ล้านบาท มั่นใจยอดขายยังพุ่งไม่หยุดจากกลยุทธ์ธุรกิจที่แข็งแกร่งในปี 2561 แย้มเตรียมจ่อคิวโอนอีก 2 คอนมิเนียมใหม่ใกล้แล้วเสร็จ เดอะ ไลน์ อโศก-รัชดา และ เดอะ เบส การ์เดนท์ – พระราม 9 ดันผลประกอบการ พีคสุดในช่วง Q4 #SansiriBestYearEver
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่าปี 2561 นับเป็นปีที่ลูกค้าให้การตอบรับที่ดีและเป็นปีที่บริษัทสามารถทำยอดขายได้สูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2/2561 ซึ่งบริษัทสามารถทำยอดขายเติบโตขึ้นถึง 162% จากไตรมาสก่อน ขณะที่ยอดขายล่าสุดในเดือนสิงหาคม บริษัทสามารถทำยอดขายรวมได้ถึง 32,500 ล้านบาท คิดเป็น 72% จากเป้ายอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ 45,000 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้ 10,862 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายโอนโครงการแนวราบประมาณ 75% และโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 25% โดยเป็นการโอนคอนโดมิเนียมต่อเนื่องจากปีก่อน 15 โครงการและคอนโดมิเนียมใหม่ที่เริ่มโอนในปี 61 ได้แก่ โครงการ เดอะ ไลน์ ราชเทวี และ เดอะ ไลน์ วงศ์สว่าง รวมถึงบริษัทยังมีรายได้จากการบริหารโครงการภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอสเพิ่มขึ้นอีก 18% มีกำไรสุทธิในช่วงครึ่งปี 664 ล้านบาทโดยมีกำไรจากโครงการภายใต้ความร่วมมือกับบีทีเอสเพิ่มขึ้น 16%
“การเติบโตของยอดขาย โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 นับเป็นการเติบโตที่น่าพอใจในทุกกลุ่มที่อยู่อาศัย โดยในกลุ่มคอนโดมิเนียม บริษัทมียอดขายเติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อนถึง 278% ประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวโครงการ “XT New Lifestyle Condominium” กวาดยอดขายมูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาทในช่วงเปิดตัวโครงการในทั้ง 3 ทำเล ได้แก่ โครงการXT เอกมัย XT ห้วยขวาง และ XT พญาไท มูลค่าโครงการรวมกว่า 21,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการเปิดตัวโครงการที่มีมูลค่ารวมสูงสุดในประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของแสนสิริ โดย XT ประสบความสำเร็จจากรูปแบบแบรนด์คอนเซ็ปท์และโครงการใหม่ที่ตอบโจทย์โดนใจชาวมิลเลนเนียลและกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบในการแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในการใช้ชีวิตที่สะท้อนตัวตน ด้วยอิสระในการใช้ชีวิตแบบไร้ขีดจำกัดภายใต้แนวคิด Extend Your Styleนอกจากนี้บริษัทยังประสบความสำเร็จจากคอนโดมิเนียมแสนสิริที่ได้รับการตอบรับที่ดีทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ โครงการ “เดอะ เบส เซ็นทรัล – ภูเก็ต” และ “ดีคอนโด แคมปัส โดม-รังสิต” มีกระแสตอบรับที่ดีมาก จนสามารถปิดการขายทันทีในวันแรกที่เปิดพรีเซล โครงการ “ลา กาซิตา” หัวหินซึ่งบริษัทครองความเป็นเจ้าตลาดในการพัฒนาคอนโดมิเนียมตากอากาศมาอย่างยาวนาน มียอดขายแล้ว 95% โครงการ “เอดจ์ เซ็นทรัล พัทยา” ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากกลุ่มลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติที่มีความต้องการคอนโดมิเนียมในพัทยาทั้งเพื่อพักผ่อนและปล่อยเช่า จนล่าสุดมียอดขายไปแล้วถึง 96 % จ่อคิวปิดการขายเร็วๆ นี้ ขณะที่ดีคอนโดหาดใหญ่ มียอดขายแล้วกว่า 60%” นายวันจักร์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังประสบความสำเร็จจากการเปิดตัว “บ้านแสนสิริ พัฒนาการ” ผลงานจากการรังสรรค์อย่างพิถีพิถันกว่า 3 ปี งามสง่าเหนือกาลเวลาด้วยแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมยุครีเจนซี่ (Regency) จากประเทศอังกฤษ มอบประสบการณ์ของการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ พร้อมความเป็นส่วนตัวสูงสุดด้วยจำนวนเพียง 36 ยูนิต บนที่ดิน 37 ไร่ ถนนพัฒนาการซอย 30 ทำเลศักยภาพที่หาได้ยากใจกลางเมือง ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจใจกลางเมือง ทั้งสุขุมวิท ทองหล่อ-เอกมัย เพชรบุรีตัดใหม่ พระราม 9 โรงเรียนนานาชาติ ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ มากมาย ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูง (High Net Worth Individual) ในประเทศไทยจนประสบความสำเร็จ มียอดขายแล้วถึง 53% มูลค่ารวมกว่า 2,250 ล้านบาท หลังเปิดการขายในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นับว่าเป็นการสร้างยอดขายที่รวดเร็วมากในบ้านเดี่ยวในระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ระดับราคา 65 – 240 ล้านบาท นอกจากนี้โครงการบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ เศรษฐสิริภายใต้แนวคิด “Portrait of Success ภาพของชีวิตที่ภาคภูมิ” ซึ่งมีระดับราคา 10 – 25 ล้านบาท และบุราสิริ ภายใต้แนวคิด “Find Your Peace of Mind บ้านเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง” ก็ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน อาทิ โครงการเศรษฐสิริ พหล – วัชรพล, เศรษฐสิริ บางนา และเศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา รวมถึงโครงการบุราสิริ พัฒนาการ เป็นต้น
“ผลจากการรุกทาวน์เฮาส์ ภายใต้แบรนด์ “สิริ เพลส” ยังส่งผลยอดขายทาวน์เฮาส์ของแสนสิริเติบโตขึ้นถึง 672% จากไตรมาสแรก จากการเปิดตัว สิริ เพลส 5 โครงการ 5 ทำเล ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และสร้างยอดขายได้ถึง 2,300 ล้านบาท ความสำเร็จมาจากการพัฒนาโครงการเพื่อตอบรับเทรนด์การอยู่อาศัยคนรุ่นใหม่ ภายใต้แนวคิดเติมเต็มการอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบ #CompleteYourLivingExperience และความโดดเด่นของโครงการทาวน์เฮาส์ภายใต้คอนเซ็ปต์ ขยายทุกความชอบให้เป็นไปได้ โดยบริษัทเตรียมเปิดตัวทาวน์เฮาส์แบรนด์ สิริ เพลส อีก 2 โครงการใหม่ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ” นายวันจักร์ กล่าว
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทยังประสบความสำเร็จ ในการสร้างยอดขายจากตลาดต่างชาติ โดยสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 9,100 ล้านบาท คิดเป็น 70% จากเป้าหมายยอดขายตลาดต่างชาติที่ตั้งไว้ในปีนี้ 13,000 ล้านบาท ทั้งนี้ปัจจุบันแสนสิรินับเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ครองส่วนแบ่งการตลาดลูกค้าต่างชาติที่สูงที่สุด จากการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยบริษัทเดียวที่เปิดการขายโครงการในต่างประเทศพร้อมกันในหลายประเทศ (Global Launch) และจัดกิจกรรมหลังการขายกับลูกค้าต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
“ตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงที่เหลือของปีนี้ มีแรงกระตุ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มเห็นทิศทางการปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกค้าเร่งตัดสินใจโอนจากอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับสูงขึ้นอย่างชัดเจนในปีหน้า ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจ่อคิวโอนอีก 2 คอนโดมิเนียมใหม่ที่ใกล้แล้วเสร็จ ได้แก่ โครงการเดอะ ไลน์ อโศก – รัชดา มูลค่า 2,900 ล้านบาท และโครงการเดอะ เบส การ์เดนท์ – พระราม 9 มูลค่า 2,300 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ รวมทั้งยังอยู่ระหว่างการทยอยโอน 2 โครงการคอนโดมิเนียมภายใต้ความร่วมมือกับบีทีเอส ที่จะรับรู้กำไรทันที ได้แก่ เดอะไลน์ ราชเทวี มูลค่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งพัฒนาโครงการแล้วเสร็จ 100% รวมถึงการรับรู้กำไรจากการโอนโครงการ เดอะไลน์ วงศ์สว่าง มูลค่า 4,900 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จก่อนขายที่ได้เปิดตัวในช่วงต้นปีที่ผ่านมาซึ่งจะส่งผลดีต่อเนื่องในผลประกอบการของบริษัทในช่วงที่เหลือของปีนี้” นายวันจักร์ กล่าว