นกแอร์มั่นใจเดินมาถูกทาง ผลงาน 6 เดือนแรกปี 2561 ขาดทุนลดลงร้อยละ 14.78 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราบรรทุกผู้โดยสารขยับขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 91.22 หนุนรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 อยู่ที่ 7,671.53 ล้านบาท โดยรายได้ค่าโดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.48 และรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.43 แจงราคาน้ำมันพุ่งต่อเนื่องเป็นตัวฉุด ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
นายปิยะ ยอดมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของนกแอร์มีทิศทางที่ดีขึ้น สะท้อนจากตัวชี้วัดผลการดำเนินงานสำคัญในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 (ม.ค.-มิ.ย.) ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 7,671.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากค่าโดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.48 และรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.43 จากการที่มีปริมาณผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.22 ส่งผลให้อัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) อยู่ที่ร้อยละ 91.22
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันอากาศยานที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากระดับ 63.54 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 83.30 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในครึ่งปีแรก หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.10 ขณะที่ค่าใช้จ่ายของบริษัทเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.27 ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทฯมีผลขาดทุนสุทธิ 774.68 ล้านบาท ซึ่งขาดทุนลดลงร้อยละ 14.78 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 909.00 ล้านบาท
“แม้ต้นทุนรวมของบริษัทปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น แต่รายได้รวมของบริษัทมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นมาจากรายได้จากค่าโดยสารและรายได้จากการให้บริการ อีกทั้งบริษัทยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนของการซ่อมบำรุงเครื่องบินและค่าเช่าเครื่องบินต่อปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสารร้อยละ 25.26 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ครึ่งแรกของปี 2561 บริษัทมีผลขาดทุนลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 134.32 ล้านบาท หรือขาดทุนลดลงร้อยละ 14.78 ถือว่าการดำเนินงานมีแนวโน้มที่ดีขึ้น”
นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2561 ก็ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมีผลขาดทุนสุทธิเพียง 26.88 ล้านบาท จากที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนมีผลขาดทุนสุทธิสูงถึง 295.57 ล้านบาท แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าบริษัทกำลังแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง การปรับรูปแบบการจองบัตรโดยสารและแผนการตลาดใหม่ๆ ทำให้นกแอร์เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจได้มากขึ้น เนื่องจากเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลายกลุ่ม และสามารถควบคุมต้นทุนได้เป็นอย่างดี ซึ่งการเพิ่มประสิทธิดังกล่าวมีส่วนทำให้ผลประกอบการโดยรวมของสายการบินดีขึ้น
ในช่วงที่ผ่านมา นกแอร์ได้ปรับรูปแบบการบริการครั้งใหญ่ เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายในการใช้บริการทุกด้าน เช่น การร่วมมือกับไทยกรุ๊ปเพื่อเพิ่มสิทธิพิเศษเพิ่มเติมแก่ผู้โดยสารที่เป็นสมาชิกนกแฟนคลับ และสมาชิกรอยัล ออร์คิท พลัส ซึ่งผู้โดยสารจะได้รับไมล์สะสมของรอยัล ออร์คิท พลัส เมื่อเดินทางกับนกแอร์ และการขยายเส้นทางบินไปต่างประเทศเพิ่ม โดยเฉพาะการขยายเส้นทางบินไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ทำให้จำนวนผู้โดยสารในเส้นทางจีนเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 113.25 และอัตราการเติบโตผู้โดยสารโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.68 ในไตรมาส 2 ปี ขณะเดียวกันบริษัทได้พัฒนาและควบคุมความตรงต่อเวลาของเที่ยวบินให้มีประสิทธิภาพในการตรงต่อเวลาอยู่ที่ร้อยละ 85