Coregate Studio คือเพจที่รวมผลงานการพากย์จากนักพากย์รุ่นใหม่ไว้มากมาย แรกเริ่มเดิมทีเพจนี้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อต้องการฝึกฝน พัฒนาตัวเอง และเก็บผลงานการพากย์ต่างๆ เป็น Portfolio ของนักพากย์แต่ละคน เมื่อมีคนติดตามมากขึ้น ความคาดหวังจากแฟนเพจก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ทำให้มุมมองที่หลายคนมองเพจ Coregate Studio ว่าเป็นเพจพากย์คลิปตลกๆ หรือพากย์นรกเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ทำให้พวกเขาตัดสินใจรีแบรนด์เปลี่ยนชื่อเป็น “Tanudan Studio”
โดยผู้อยู่เบื้องหลังเพจนี้คือ เอิร์ธ – สรวิศ ตงเท่ง นักพากย์อิสระและผู้ก่อตั้งเพจ Tanudan Studio ปัจจุบันมีคน Like เกือบ 4 แสน ถือเป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อเทียบกับอายุเพจ 4 ปี เอิร์ธเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเปิดเพจให้ฟังว่า ตนเองสนใจการพากย์ตั้งแต่เรียนมหาลัยฯ ปี 1 -2 โดยมี โต๊ะ-ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ และ น้าติ่ง พันธมิตร หรือ สุภาพ ไชยวิสุทธิสกุล เป็นไอดอลเพราะประทับใจที่น้าเขาบิดเสียงได้หลายเสียง และเสียงส่วนใหญ่ก็เป็นเสียงที่เราคุ้นเคยกันดี บวกกับตอนนั้นผมต้องทำ Presentation จึงเลือกทำ Animation ซึ่งผมรับหน้าที่พากย์เสียง พอได้ลองทำก็รู้สึกสนุก จึงเริ่มศึกษาด้วยตัวเองจากการดูหนังพากย์ไทย และในช่วงเวลาเดียวกันนี้ เอิร์ธ ได้เปิดเพจ Coregate Studio ขึ้นมาเพื่อฝึกฝน พัฒนาตัวเอง และรวบรวมผลงานการพากย์ของตัวเองและเพื่อน
จุดเริ่มต้นการเป็นนักพากย์
จากที่ทำคลิปพากย์สนุกๆ วันหนึ่งได้รับโอกาสให้พากย์จริง ได้เห็นห้องอัดครั้งแรก ตอนแรกคิดว่าจะเข้าไปสังเกตการณ์อย่างเดียว อยู่ดีๆ รุ่นพี่ก็เอาบทมาให้อ่าน แล้วให้พากย์จริงเลย เราไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ครั้งแรกก็รู้เลยว่ายากจริง เราไม่ได้พากย์แค่คำสองคำ แต่ต้องพูดเป็นประโยคยาวๆ ซึ่งเวลานั้นรู้สึกว่าต้องตะเกียดตะกายเอาชีวิตรอดให้ได้ ไม่อยากใช้เวลานานเกินไป เพราะต้องเกรงใจคนอื่นด้วย เราต้องขอบคุณน้าๆ ทุกคนที่ให้คำแนะนำจนผ่านมาได้
ปัจจุบันเอิร์ธมีผลงานออกมาเรื่อยๆ ทั้งการพากย์หนัง โปรเจคในเพจ และพากย์อิสระ ที่ผ่านมาเอิร์ธเคยพากย์หนังมาแล้ว 2-3 เรื่อง อาทิ บทเนท เพื่อนของสเปเดอร์แมน ในภาพยนตร์เรื่องสไปเดอร์แมน โฮมคัมมิ่ง และ Battle Spirits Ultimate Zero ที่ฉายใน Live TV
ทำไมถึงตัดสินใจรีแบรนด์
ในระยะเวลา 4 ปีเพจมียอด Like เกือบ 4 แสน มีทีมงานกว่า 10 คน ทั้งทีมพากย์ ทีมแปล และทีมตัดต่อ เมื่อเพจกำลังไปได้สวย ทำไมถึงตัดสินใจรีแบรนด์ เอิร์ธ ให้เหตุผลว่า ตอนแรกๆ เราพากย์สไตล์พันธมิตร เพราะได้รับผลตอบรับดี คอนเทนต์ง่าย และเบาสมอง ทว่า จุดประสงค์หลักในการเปิดเพจของเราเพื่อฝึกฝนตัวเอง หากเรายังพากย์แนวตลกต่อไปเรื่อยๆ แม้จะได้ยอดไลค์ยอดแชร์เยอะ แต่เรารู้สึกว่าเราไม่ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์อะไรจากตรงนี้ จึงเป็นที่มาของการรีแบรนด์เพจ
แน่นอนว่าการรรีแบรนด์ ก็เหมือนกับการเริ่มต้นใหม่ เมื่อคนส่วนใหญ่ชอบคอนเทนต์ตลก การเน้นงานคุณภาพอาจไม่ได้ EngagementLike เยอะเหมือนเดิม ถึงจะกดดันแต่ก็สบายใจ เรากลับมาทำโปรเจคที่เน้นการพัฒนาตัวเองมากขึ้น ถามว่ายังทำคลิปตลกอยู่ไหม ก็มีครับ แต่มีน้อยลงแล้วแต่โอกาส
ความยากของการทำเพจ
การทำงานเป็นทีม สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับเราคือ การหาเวลาว่างมาเจอกัน เพราะทีมของเราส่วนใหญ่เป็นนักพากย์อิสระทั้งหมด ไม่ใช่ว่านัดเจอกันแล้วจะพากย์ได้เลย ทุกคนต้องอ่านบทให้คล่อง เกลาคำให้ลงประโยค ทำให้เป็นภาษาพูดมากที่สุด และก่อนการพากย์ทุกครั้ง ในทีมต้องดูก่อนว่าโปรเจคนี้เหมาะกับใคร เพื่อให้ได้ผลงานที่มีคุณภาพที่สุด
เมื่อเพจได้รับความนิยม ย่อมมีสปอนเซอร์ติดต่อเข้ามา เอิร์ธ เล่าว่าการพากย์คอนเทนต์สปอนเซอร์ จะไม่แตกต่างจากการพากย์ปกติมากนัก เนื่องจากแบรนด์ที่ติดต่อเข้ามาค่อนข้างตรงกับเพจ อาทิ เกมการีน่า และ PlayStation 4 ปัจจุบันทางเพจได้ทำโปรเจคออกมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นโปรเจค Detroit : Become Human, Walk to Game, Shadow of the Tomb Raider และ TED Talk เป็นต้น
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เพจเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ต้องยกเครดิตให้ทีมแอดมินที่ขยันตอบคอมเทนต์กันสุดๆ ทั้งการให้คำแนะนำ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือยิงมุกตลกใส่กัน ซึ่งสร้าง Engagement ให้เพจได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ เอิร์ธยังบอกอีกว่า มีหลังไมค์ถามเข้ามาในเพจเยอะเลยว่าอยากเป็นนักพากย์ต้องทำยังไง จะมาพากย์กับเราได้ไหม ต้องบอกว่าตอนนี้เราไม่ได้เปิดรับนักพากย์เพิ่มแล้วนะครับ
ถ้าอยากเป็นนักพากย์ทำยังไง?
“สิ่งที่นักพากย์ต้องมี ดูหนังพากย์ไทยเยอะๆ อัดเสียงตัวเองฟัง ดูว่ามืออาชีพเขาพากย์กันยังไง ใช้วิธีครูพักลักจำ อ่านภาษาไทยให้คล่อง ดูว่าในหนึ่งบรรทัดเขาพูดว่าอะไร การพากย์เป็นศาสตร์ที่เรียนรู้ได้ไม่มีวันจบสิ้น นักแสดงเขาใส่เต็มมาเท่าไร คนพากย์ต้องทำให้ได้เท่าเขา ในช่วงแรกที่ฝึกผมก็ทำได้แค่ 3 เสียง พอฝึกมากๆ เราจะรู้ว่าไปได้ทุกช่องเสียง สำคัญที่สุดคือ ต้องอดทนและมีใจรัก” เอิร์ธ กล่าวทิ้งท้าย