ทำธุรกิจในยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นเบอร์ไหนของตลาด ความเชี่ยวชาญหรือมาร์เก็ตแชร์ที่มีอยู่ อาจไม่ใช่เครื่องการันตีว่าอนาคตของธุรกิจจะรุ่งเรืองตลอดไป เพราะนอกจากแบรนด์จะต้องพัฒนาสินค้าหรือบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคก่อนเกิดการร้องขอ…ก็ยังไม่พอ! สำหรับยุคที่ธุรกิจอยู่รอดและเติบโต ภายใต้การมีพาร์ทเนอร์ที่ดีช่วยต่อยอด
หากเป็นโมเดลเดิม พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจอาจจำเป็นต้องอยู่ในแวดวงที่เกี่ยวข้องกัน เพื่อสนับสนุนให้เกิดการสร้างสรรค์หรือพัฒนาธุรกิจ แต่ความร่วมมือในยุคนี้ กลับเน้นที่การ “สร้างประสบการณ์ใหม่” เพื่อดึงดูดผู้บริโภคให้หันมาพิจารณาแบรนด์ของคุณเป็นอันดับแรกๆ ทำให้เราได้เห็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในบนโลกธุรกิจผ่านการ “Collaboration” ซึ่งเป็นทั้งการสร้างสีสันและการเปิดมิติใหม่ทางธุรกิจ เพราะหลายๆ ครั้งก็เป็นการโคจรมาร่วมมือกันชนิดที่เรียกว่า ไม่คาดคิดมาก่อน
แต่ใช่ว่าการ Collab ข้ามแวดวงธุรกิจจะประสบความสำเร็จทุกครั้งไป หลายๆ ครั้งอาจทำได้เพียงเรียกความสนใจจากผู้บริโภค สร้างการรับรู้ในแบรนด์ แต่ไม่สร้างยอดขาย เข้าสำนวนที่ว่าได้อย่างเสียอย่าง ถ้ามองแง่บวกอาจเห็นเป็นเรื่องดีเพราะเสียไปเรื่องหนึ่งก็ยังได้มาอีกเรื่องหนึ่ง แต่นั่นคงไม่ใช่มุมมองที่ดีต่อธุรกิจ เพราะไม่ควรมีด้านใดจะต้องเสีย ยกตัวอย่าง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ซึ่งในช่วงที่ผ่านมานี้ ก็มีการประกาศความร่วมมือแบบต่างธุรกิจออกมาหลากหลายโครงการ ทำให้เราได้เห็นการ Collab แนวใหม่ระหว่างธุรกิจที่อยู่อาศัยกับเทคโนโลยีสนับสนุนการใช้ชีวิต นอกจากตอบโจทย์ลูกค้า การปฏิวัติสงครามการแข่งขันของธุรกิจอสังหาฯ ยุคนี้ ยังย้ำภาพว่าที่อยู่อาศัยจะแข่งขันกันแค่ดีไซน์และโลเคชั่นไม่ได้แล้ว ทุกอย่างมุ่งสู่การรองรับเพื่อก้าวใหม่และวันต่อๆ ไปของผู้บริโภค!
“เพอร์เฟค” Collab กับเอไอเอส ซัมซุง และโมไบค์ ปั้น “Smart City”
แนวคิดของ “พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค” คือการจับมือพันธมิตรในสายธุรกิจใหม่ๆ เพื่อพัฒนาโครงการในแนวคิดเพอร์เฟค สมาร์ท ซิตี้ โดยเอไอเอสจะเข้ามาเสริมด้านบริการเครือข่ายอัจฉริยะ NB-IoT ซึ่งเป็นครั้งแรกของโครงการอสังหาริมทรัพย์ไทย เพื่อรองรับการใช้งานอุปกรณ์และบริการ IoT เต็มรูปแบบ ขณะที่ ซัมซุง ก็จะนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และโมไบค์ จะร่วมให้บริการจักรยานสาธารณะอัจฉริยะ
ตามหมุดที่พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ปักเอาไว้ ภาพรวมของบริษัทในยุค 4.0 คือการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในแบบ Smart City ทั้งการเชื่อมโยงกับ IoT ยกระดับการใช้ชีวิตภายในโครงการและภายในบ้าน รวมถึงการจัดการพลังงาน อาทิ Smart Street Lighting โคมไฟถนนอัจฉริยะที่ทำงานอัตโนมัติ, กล้อง CCTV พลังงานโซล่าเซล, ระบบตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาในบ้าน พร้อมแจ้งเตือนเมื่อตรวจพบปัญหา หรือแม้แต่ด้านความปลอดภัยที่มีการเสริมระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ ด้วย Smart Tracking บัตรผ่านเข้าออกที่สามารถตรวจสอบตำแหน่งของผู้มาติดต่อได้ตลอด,Face Recognition เทคโนโลยีจดจำใบหน้าในการผ่านเข้าออกโครงการคอนโดมิเนียม และด้านคมนาคม กับระบบ Smart Shuttle Service รถรับส่งระหว่างโครงการกับสถานีรถไฟฟ้า ที่สามารถตรวจสอบได้ทั้งตำแหน่งและเวลาที่รถจะมาถึง,Smart Bike จักรยานสาธารณะอัจฉริยะความร่วมมือกับโมไบค์
ยังไม่รวมถึง SmartAppliances ความร่วมมือกับ ซัมซุง ในแคมเปญเมโทรลักซ์ 4.0 ใน 4 ทำเล เกษตร, รัชดา, พหล-สุทธิสาร และริเวอร์ฟร้อนท์ ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมเพื่อการใช้ชีวิตของซัมซุง เช่น ทีวี 4K UHD, ซาวด์บาร์, Robot Wi-Fi, เครื่องดูดฝุ่น PowerBotหรือเครื่องซักผ้าแบบ Wi-Fi เพื่อตอบรับการใช้ชีวิตด้วยสิทธิพิเศษส่วนลดสำหรับลูกบ้านพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เมื่อสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ พร้อมรับบริการจัดส่งถึงบ้าน ส่วนชีวิตการทำงานก็มี Co Working Space และ Wifi ฟรีในพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การทำงานของคนรุ่นใหม่
ในส่วนของโมไบค์ ก็คือการให้บริการจักรยานอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยี NB-IoT ในทุกโครงการของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน เพื่อใช้หาจุดจอดและปลดล็อคจักรยาน ก็สามารถใช้งานได้ทันที
“แสนสิริ” ผนึก แอลจี ชู “สมาร์ทโฮม โซลูชั่น” นวัตกรรมเพื่อชีวิต
แม้ “แสนสิริ” จะวางแนวคิดเติมเต็มชีวิตที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบ หรือ Complete Your Living Experience รวมถึง Life’s Good ของแอลจี กับการนำเสนอนวัตกรรมเพื่อยกระดับการใช้ชีวิตเพื่อสอดรับกับยุคดิจิทัล ผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะภายในบ้าน ทำให้ควบคุมและสั่งการได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเครื่องซักผ้า ตู้เย็น เครื่องฟอกอากาศ และสมาร์ททีวี
สิ่งที่แสนสิริและแอลจี ตอกย้ำผ่านแนวคิดสมาร์ทโฮม โซลูชั่น คือ การนำเสนอดีไซน์สวยงามทันสมัย และสามารถรองรับการใช้งานเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถเติมเต็มการใช้ชีวิตของลูกบ้านให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ซึ่งความร่วมมือระหว่างแสนสิริและแอลจีในครั้งนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำแนวคิดของแสนสิริที่ต้องการตอบโจทย์ชีวิตไฮเทคให้ลูกบ้าน พร้อมกับความสวยงามและเทคโนโลยีที่ง่ายต่อการใช้งาน จึงมีการพัฒนาระบบสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน Smart ThinQ ผ่านแอป Home Service Application เช่น สั่งงานทีวีด้วยเสียง หรือแม้แต่สั่งงานเครื่องใช้ฟฟ้าอื่นๆ ผ่านสมาร์ทโฟน เป็นต้น รวมถึงการให้สิทธิพิเศษแก่ลูกบ้านแสนสิริเข้าโปรแกรมแอลจี พรีเมียม เซอร์วิส โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อรับบริการโทรรับคำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง, บริการสาธิตการใช้งานผลิตภัณฑ์ถึงบ้าน, บริการยืนยันนัดหมายภายใน 24 ชั่วโมง และสิทธิพิเศษอื่น
เอาเป็นว่า ยกตัวอย่างแค่กลุ่มธุรกิจอสังหาฯ เพียง 2 รายนี้ ก็น่าจะทำให้เห็นทิศทางธุรกิจแล้วว่า การร่วมมือแบบข้ามอุตสาหกรรม ช่วยให้ธุรกิจเดิมมีโอกาสมากขึ้นอย่างไร และสร้างความแตกต่างให้ผู้บริโภครู้สึกถึงประสบการณ์ที่แตกต่างจากแบรนด์คู่แข่งนั้น…สำคัญจริงๆ