เปิดกลยุทธ์ “โอสถสภา” ในปีที่ 128 กับการขยายสู่ตลาดในระดับโลก

  • 1.7K
  •  
  •  
  •  
  •  

OSP Marketing Oop_180731_Thumbnail

เมื่อพูดถึงตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังในเมืองไทย “เอ็ม-150” คือตราสินค้าที่แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักในประเทศไทย โดยมีมูลค่าตลาดค้าปลีกคิดเป็นสัดส่วน 39% ของมูลค่าตลาดค้าปลีกภายในประเทศ (ข้อมูลปี 2560 จากรายงานของ Nielsen)  และยังได้รับรางวัล “ตราสินค้าแห่งปี’’ (Brand of the Year) จากเวที World Branding Awards ในปี 2560 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อมอบรางวัลให้แก่ตราสินค้าที่ประสบความสำเร็จในหลากหลายธุรกิจทั่วโลก

เครื่องดื่มบำรุงกำลัง เอ็ม-150 ถือเป็นตราสินค้าเครื่องดื่มบำรุงกำลังหลัก (Flagship) ของ “บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “โอสถสภา”)” ซึ่งเป็นผู้ผลิต ทำการตลาด และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์และผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลที่มีตราสินค้าเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคมากมาย เช่น เอ็ม-150, ลิโพวิตัน-ดี, ฉลาม, เอ็มเกลือแร่, ชาร์คคูลไบท์, เปปทีน, เบบี้มายด์ และทเวลฟ์พลัส รวมถึงผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ โดยนอกจากตลาดในประเทศแล้วก็ยังจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในต่างประเทศรวม 25 ประเทศทั่วโลก ผ่านผู้จัดจำหน่าย

ปีนี้ โอสถสภาก้าวสู่ปีที่ 128 ซึ่งมีเพียงไม่กี่บริษัทในประเทศไทยที่มีอายุยาวนานข้ามศตวรรษ จึงถือเป็นความท้าทายในการวางกลยุทธ์บริหารจัดการตราสินค้าและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ธุรกิจสามารถไปต่อได้ ท่ามกลางผู้ท้าชิงรายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในตลาด และการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

OSP Marketing Oop_180731_01

กลยุทธ์การขยายธุรกิจในไทย

“โอสถสภา” เน้นสร้างความแข็งแกร่งและดึงดูดผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการเป็น “พลังเพื่อเสริมสร้างชีวิต” (The Power to Enhance Life) โดยในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์ ได้มุ่งเน้นเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เครื่องดื่มเกลือแร่ และกาแฟพร้อมดื่ม (ซึ่งบริษัทฯ เรียกว่า เครื่องดื่ม Wake Me Up) นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีการเติมส่วนผสมเพื่อให้ได้คุณสมบัติเฉพาะ (Functional Drinks) และเครื่องดื่มอื่นๆ ซึ่งบริษัทฯ ยังไม่ได้วางจำหน่ายแต่จะวางจำหน่ายในอนาคต เพื่อตอบสนองต่อทิศทางความต้องการของผู้บริโภค (โดยบริษัทฯ เรียกเครื่องดื่มเหล่านี้ว่า เครื่องดื่ม Look Good, Feel Good) เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ในพอร์ตให้หลากหลาย รองรับแนวโน้มการบริโภคที่ขยายตัว และบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลของบริษัทฯ ให้เป็นเสาหลักที่สำคัญลำดับที่สองของธุรกิจ โดยมีกลยุทธ์ที่จะเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้สายธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก และมีแผนที่จะมองหาโอกาสทางธุรกิจตลอดจนเพื่อให้ตราสินค้าของบริษัทฯ ขึ้นเป็นตราสินค้าชั้นนำในตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามสำหรับผู้หญิงอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ได้ โอสถสภาได้ศึกษา และเปิดรับโอกาสในการเข้าซื้อกิจการหรือโอกาสในการลงทุนต่างๆ ตามแต่ความเหมาะสมและสภาวะการณ์

กลยุทธ์ขยายธุรกิจในต่างประเทศ

บริษัทฯ มีแผนสร้างความหลากหลายในระดับภูมิภาค โดยเน้นการเข้าทำตลาดในเมียนมาร์ กัมพูชา ลาว และอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจ โดยโอสถสภาจะใช้ประโยชน์จากตราสินค้าที่เป็นผู้นำตลาดในไทย คุณภาพผลิตภัณฑ์ และประสิทธิภาพด้านนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการขาย โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่ผู้บริโภคในประเทศเหล่านี้มีความคุ้นเคยอยู่แล้ว ซึ่งในปี 2560 เอ็ม-150 ก็สามารถขึ้นแท่นผู้นำตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังในลาว จากรายงานของฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน (Frost & Sullivan)

สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลซึ่งมีสัดส่วนรายได้หลักเป็นอันดับสองนั้น บริษัทฯ เน้นขยายตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กในเมียนมาร์ กัมพูชา และลาว ที่มีประชากรเกิดใหม่ในอัตราที่สูงกว่าประเทศไทย จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนยอดขายและส่งเสริมผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดโลก

OSP Marketing Oop_180731_02

โปรเจคขยายธุรกิจในอนาคต

คุณวรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวถึงแผนการดำเนินงานเพื่อขยายธุรกิจของโอสถสภาในปีนี้ว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อระดมทุนนำมาใช้ในการขยายกิจการทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเตรียมแผนพัฒนา 5 โครงการตามแผนกลยุทธ์เพื่อพัฒนาด้านการผลิต การจัดจำหน่ายสินค้า การปรับปรุงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ และการดำเนินธุรกิจภายในบริษัท

OSP Marketing Oop_180731_03

“ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากอินโดนีเซีย โดยนับจากนี้ไปจนถึง 4-5 ปีข้างหน้า คาดว่า Real GDP ประเทศไทยจะขยายตัว 3.0 – 3.5% ต่อปี โดยมีปัจจัยหนุนมาจากนโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งด้วยแผนการดำเนินงานและโครงการการขยายธุรกิจที่โอสถสภาวางไว้ เชื่อว่าจะทำให้ธุรกิจในกลุ่มต่างๆ สามารถเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจของประเทศที่ขยายตัวได้” กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทฯ กล่าว

การนำหุ้นของบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นับเป็นก้าวสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของโอสถสภา โดยเป็นที่น่าจับตามองว่าการเดินหน้าในครั้งนี้ จะทำให้ “โอสถสภา” ติดสปีดเพื่อรุกขยายกิจการได้เร็วขึ้นมากน้อยเพียงใด ซึ่งจากประสบการณ์และตำแหน่งทางการตลาดที่โอสถสภาครองความเป็นพี่ใหญ่อยู่นั้น ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์และของใช้ส่วนบุคคลนับจากนี้คงจะมีปรากฏการณ์ที่น่าสนใจเกิดขึ้นอย่างแน่นอน …

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.osotspa.com


  • 1.7K
  •  
  •  
  •  
  •