Grab ท้าชน Line man เปิดบริการ GrabExpress ลุยธุรกิจโลจิสติกส์ ออนดีมานด์ พร้อมเผยสิ้นปีมีอีก 2 บริการใหม่ เพื่อเดินเกมสู่ Super App

  • 18
  •  
  •  
  •  
  •  

ช่วงนี้ Grab ดูจะรุกหนักเหลือเกิน หลังจากประกาศวิสัยทัศน์การเป็น Super App สำหรับทุกคนในทุกวัน โดยล่าสุดส่ง ‘GrabExpress’ ท้าชน Line man ในธุรกิจโลจิสติกส์ ออนดีมานด์ และภายในปีนี้เตรียมจะมีอีก 2 บริการใหม่ ‘GrabMart’  และ ‘GrabFresh’ เพื่อต่อจิ๊กซอว์ตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้

“ตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยเติบโตมาก ขณะเดียวกันความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าก็มากตามไปด้วย จากเมื่อปีที่ผ่านมา สามารถรอการส่งสินค้าได้ 2-3 วัน แต่ตอนนี้ ส่งเช้า ต้องได้เย็น ทำให้การแข่งขันในธุรกิจโลจิสติกส์สูงตามไปด้วย และราคาอย่างเดียวเอาไม่อยู่” ธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ Grab ประเทศไทย กล่าว

grapcat

ดังนั้น Grab จึงได้เปิดตัว GrabExpress บริการรับส่งพัสดุและเอกสารแบบออนดีมานด์ ที่สามารถใช้บริการได้ทั้ง Grab Bike (รถจักรยานยนต์) Grab Car (รถยนต์) Grab Pick-Up (รถปิคอัพ) ทั้งรถจักรยานยนต์ รถยนต์ และรถปิคอัพ ซึ่งถูกเปลี่ยนโฉมจาก Grab Delivery ที่เปิดให้บริการกว่า 1 ปีที่ผ่านมา

สำหรับความแตกต่างของ GrabExpress กับบริการของคู่แข่ง อาทิ Line man ฯลฯ  ทาง ธรินทร์บอกว่า จุดเด่นของบริการใหม่นี้ นอกจากให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง บริการได้ทุกที่ ทุกเวลา ยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่แก้ pain point ของลูกค้าใน 3 เรื่องหลัก นั่นคือ

–          Multiple-booking ระบบการจองที่เรียกส่งสินค้าพร้อมกันได้ถึง 10 จุดหมาย ตอบโจทย์ผู้ใช้หรือธุรกิจที่ต้องการใช้งานในจำนวนมาก

–          Photo Proof of delivery สามารถตรวจสอบวัสดุที่ส่งได้จากภาพถ่าย ตั้งแต่การส่ง จนตัวสินค้าถึงมือผู้รับ

–          Real time GPS tracking ตรวจสอบสถานะส่งสินค้าแบบเรียลไทม์ผ่านหน้าเว็บไซต์และมือถือ

นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มความแตกต่างและเสริมให้บริการน่าสนใจกว่าคู่แข่งรายอื่น GrabExpress จับมือกับพาร์ทเนอร์บริษัทประกันภัยอินชัวร์เทคอย่าง ซันเดย์ รับประกันความเสียหาย หากพิสูจน์ได้ว่า เกิดขึ้นระหว่างขนส่ง โดยประกันความเสียหายและสูญหายมูลค่าสูงสุด 10,000 บาท สำหรับการรับส่งสินค้าด้วยรถยนต์หรือรถปิคอัพ และสูงสุด 5,000 บาทจากการส่งสินค้าด้วยรถจักรยานยนต์

“ในอนาคตเราจะมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เข้าไป อะไรที่เป็น pain point ของลูกค้า โดยเราโฟกัสลูกค้าทั้งรายย่อย พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ และ SME ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงการเก็บ feedback อยู่”

capture-20180726-144940

สำหรับอัตราค่าบริการ (ในกรุงเทพฯ) ของ GrabExpress จะแตกต่างกันไปตามประเภทของพาหนะ คือ

Grab Bike เริ่มต้น 40 บาท เฉลี่ย 7.2 บาท/กม.

Grab Car เริ่มต้น 150 บาท เฉลี่ย 12 บาท/กม.

Grab Pick-Up เริ่มต้น 250 บาท เฉลี่ย 15 บาท/กม.

ปัจจุบัน GrabExpress เปิดให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ รวมไปถึงเชียงใหม่ และในอนาคตเตรียมขยายพื้นที่ให้บริการที่มีความต้องการของโลจิสติกส์ ออนดีมานด์ อาทิ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี และนครราชสีมา เป็นต้น

เตรียมเปิดบริการใหม่ต่อจิ๊กซอว์สู่ Super App

 นอกจากนี้เพื่อให้ตอบโจทย์วิสัยทัศน์ที่ทาง Grab ได้ประกาศไปเมื่อไม่นานนี้ กับการเป็น Super App นับจากนี้จะมีการเปิดให้บริการอีกหลายตัว เพื่อให้ซึ่งภายในปีนี้จะเห็น 2-3 บริการ ที่ประกาศแล้ว ได้แก่

capture-20180726-182830

GrabMart บริการช่วยซื้อสินค้าที่ร้านสะดวกซื้อและส่งตรงถึงประตูบ้านในราวต้นเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ โดยผู้ใช้สามารถเลือกร้านสะดวกซื้อ เช่น เซเว่น-อีเลฟเว่น , แฟมิลี่มาร์ท , เทสโก้ โลตัส ฯลฯ ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง และสามารถสั่งรายการซื้อสินค้าที่ต้องการ  ผ่านแอพพลิชั่น ซึ่งเบื้องต้นกำหนดยอดซื้อสูงสุดไว้ 500 บาทต่อครั้ง

หลังผู้ใช้ยืนยันการสั่งสินค้า ทางพาร์ทเนอร์ผู้ส่งสินค้า จะตอบรับการสั่งงานและโทรศัพท์หาผู้ใช้ เพื่อยืนยันสินค้าที่สั่งซื้อ จากนั้นพาร์ทเนอร์ผู้ส่งสินค้าจะยืนยันยอดการสั่งสินค้าทั้งหมดกับผู้ใช้ผ่านฟีเจอร์ GrabChat ก่อนที่จะชำระเงินให้กับร้านสะดวกซื้อ และจำนำสินค้ามาสั่งให้ถึงมือผู้ใช้บริการ

อีกบริการ คือ GrabFresh  บริการซื้อและส่งสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ตแบบออนดีมานด์ ที่ทาง Grab จับมือกับพาร์ทเนอร์อย่าง Happy Fresh สตาร์ทอัพจากประเทศอินโดนีเซีย เปิดให้บริการที่จากาต้า ประเทศอินโดนีเซียเป็นแห่งแรก ส่วนในไทยจะเปิดให้ภายในสิ้นปีนี้

capture-20180726-182901

โดยทั้งสองบริการ จะเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ ไม่จำเป็นต้องเดินทางออกไปซื้อสินค้า เพียงนั่งรออยู่ที่บ้าน สินค้าก็มาส่งให้ถึงที่ พร้อมชำระค่าสินค้าเป็นเงินสดให้กับพาร์ทเนอร์ผู้ส่งสินค้าเมื่อสินค้ามาถึง

“การเป็น Super App ของเรา คือ ต้องการให้ชีวิตทุกคนดีขึ้นในทุกวัน โดยเฉพาะคนเมือง ซึ่งเรื่องนี้ยังมีหลายเรื่องที่ให้ทำ อย่างผมอยากได้บริการส่งคนมาดูแลบ้าน แบบนี้เป็นต้น และมันไม่น่าแปลกใจ หากปีหน้าเราจะมีบริการใหม่ออกอีก 5 บริการ”

ไม่หวั่นการแข่งขัน

สำหรับคำถามที่ว่า การแข่งขันกับคู่แข่งรายเดิมที่มีฐานผู้ใช้กว่า 40 ล้านคนอย่าง Line หรือการก้าวสู่ของรายใหม่ อย่าง Go-Jek ที่ในไทยจะให้บริการภายใต้ชื่อ Get ทาง Grab เตรียมตั้งรับอย่างไร

ทาง กรรมการผู้จัดการใหญ่ Grab ประเทศไทย กล่าวสั้น ๆ ว่า ไม่ได้กังวล เพียงก้มหน้าก้มตาทำงานตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้ต่อไป และเชื่อว่า การเป็น Super App เป็นทิศทางที่ถูกต้องแล้ว

ส่วนจะเป็น Super App อย่างแท้จริงภายในกี่ปี เป็นเรื่องที่บอกยาก เพราะความต้องการลูกค้าเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยเราจะดู Insight และ feedback ลูกค้าเป็นหลัก


  • 18
  •  
  •  
  •  
  •