พัฒนาการของระบบการเงินทั่วโลก กำลังมุ่งไปสู่สังคม “Digital Payment” หรือ “e-Payment” มากขึ้น หนึ่งในประเทศที่วางยุทธศาสตร์ชาติไว้ชัดเจน คือ “สิงคโปร์” ศูนย์กลางทางการเงินของโลกอันดับ 4 รองจากลอนดอน, นิวยอร์ก และฮ่องกง ขณะที่อันดับ 5 และ 6 คือ โตเกียว และเซียงไฮ้ (รายงาน Global Financial Centers Index, 2018) โดยตั้งเป้าลดการใช้เงินสด และเช็ค รวมถึงลดการถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม ภายในปี 2025
Ong Ye Kung รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ และคณะกรรมการธนาคารกลางสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore : MAS) เผยว่า เพื่อส่งเสริมให้ “PayNow” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มชำระเงินดิจิทัลที่เกิดจากการร่วมมือของภาคบริการทางการเงินในสิงคโปร์ และได้รับการอนุมัติโดยรัฐบาลสิงคโปร์ มีการใช้อย่างแพร่หลาย หลังจากเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว จึงได้ขยายความร่วมมือกับธนาคารหลักในสิงคโปร์ เช่น DBS, UOB, Standard Chartered, HSBC, Maybank (หรือ Malayan Banking Berhad), Citigroup เพื่อให้บริการโอนเงินแก่ลูกค้าองค์กร ผ่านแพลตฟอร์ม PayNow ที่จะเริ่มเปิดให้บริการวันที่ 13 สิงหาคมนี้
ปัจจุบันยอดลงทะเบียนบนแพลตฟอร์ม “PayNow” อยู่ที่ 1.4 ล้านราย และนับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อปีที่แล้ว พบว่าขณะนี้มียอดโอนเงินผ่านแพลตฟอร์มนี้ เกือบ 900 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 662 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็มลดลงไปแล้วกว่า 300 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปี
“จุดมุ่งหมายของเรา ไม่ได้ต้องการให้สิงคโปร์เป็นสังคมไร้เงินสด แต่ต้องการลดการใช้เงินสด พร้อมทั้งเปลี่ยนไปใช้ e-Payment มากขึ้น ขณะเดียวกันสิงคโปร์ส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันระหว่างผู้ให้บริการ Digital Payment เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน
และเมื่อผู้บริโภคได้รับความสะดวก และมีความมั่นใจในการใช้ e-Payment เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้การใช้ e-Payment ขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นที่แพร่หลายในสังคม โดยที่เป้าหมายใหญ่คือ การนำเสนอ “Payment Solutions” หลากหลายรูปแบบที่สามารถแข่งขันกันได้ ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ” Ong Ye Kung กล่าวทิ้งท้ายถึงเป้าหมาย
Source : Bloomberg
