เมื่อ Inter content จับใจคนไทยไม่พอ การผนึกกับผู้ผลิตในประเทศเติม Local content จึงเป็นหมากสำคัญในการบุกตลาด OTT ในไทย

  • 34
  •  
  •  
  •  
  •  

viu-gmm

การรุกเข้ามาทำตลาดในไทยของผู้ให้บริการคอนเทนท์บนสตรีมมิ่ง หรือ OTT ระดับโลกหลายราย สะท้อนให้เห็นถึงความคึกคักของธุรกิจนี้ในบ้านเราไม่น้อย ซึ่งหากลองสังเกตแล้วนอกจาก Inter content ดัง ๆ ที่ทุกค่ายต่างขนมาประชันเพื่อเรียกลูกค้า สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดในช่วงหลัง ก็คือ การจับมือกับผู้ผลิตในประเทศในการเติม Local content  เพื่อมัดใจลูกค้าให้มากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็น Iflix ,  Netflix และล่าสุด Viu (วิว) ของ PCCW Media Group จากฮ่องกง น้องใหม่ที่เพิ่งมาปักธงในไทยได้ประมาณหนึ่งปี และเปิดให้บริการในประเทศอื่น ๆ อีก 14 ประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง , สิงคโปร์ , อินโดนีเซีย ,อินเดีย ฯลฯ

 “เริ่มต้นเราใช้ความแรงของ K POP ทั้งซีรี่ย์ และวาไรตี้ โชว์ มาเป็นพระเอก เพราะเป็นคอนเทนท์ที่เข้าถึงทุกประเทศได้ ตอบโจทย์ธุรกิจที่เราต้องการเป็น Asian Entertainment  Hub เรียกได้ว่า 90% ของคอนเทนท์ที่เรามีก็คือ เกาหลี แต่การเติบโตในระยะยาว การมัดใจคนในประเทศที่เราเข้าไปทำตลาด Local content  เป็นเรื่องสำคัญ” ธวัตวงศ์ ศิลมานนท์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท พีซีซีดับเบิลยู โอทีที (ประเทศไทย) จำกัดกล่าว

GMM 25 พาร์ทเนอร์รายแรก

 

IMG_1532

ดังนั้น สเตป 2 การรุกตลาด OTT ในไทยของ Viu จึงเป็นการจับมือกับพาร์ทเนอร์ที่ผลิต Local content เพื่อนำคอนเทนท์มาออนแอร์บนแพลตฟอร์ม

โดยพาร์ทเนอร์รายแรก ได้แก่ ‘GMM 25’  ที่จะนำคอนเทนท์รวม 200 ชม. อย่างซีรีส์ เลิฟ ซอง เลิฟ ซีรีส์ , The Crime ทีมล่าทรชน, รายการ Club Friday Show และแหวนดอกไม้ มาอยู่ใน Viu หลังจากออนแอร์ในทีวีทันที และยังเป็นพาร์ทเนอร์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ คือ คอนเทนท์ทั้งหมดนั้น ภายใน 30 วัน จะไม่มีไปออนแอร์ที่แพลตฟอร์มอื่น

ส่วนสาเหตุที่เลือก GMM 25 เป็นพาร์ทเนอร์รายแรก ก็เพราะว่า มีกระแสกับกลุ่มมิลเลเนียม ซึ่งตรงกับกลุ่มเป้าหมายของ Viu  นอกจากนี้ยังเป็นพาร์ทเนอร์ที่ให้คำปรึกษาหลายเรื่อง ๆ โดยเฉพาะการเลือกคอนเทนท์ให้ตรงจริตกับคนไทย

ด้าน อิงฟ้า ดำรงชัยธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายคอนเทนต์ มาร์เก็ตติ้ง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล จำกัด มองว่า ความร่วมมือในลักษณะนี้เป็นกลยุทธ์แบบ วิน-วิน ในการขยายฐานผู้ชมไปด้วยกัน ซึ่งที่ผ่านมาทาง GMM ได้มีการขยายความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในหลายแพลตฟอร์ม อาทิ Netflix, LINE TV และล่าสุด  Viu

capture-20180516-185737

 

 ขอดูผล 1 ปี ก่อนทำคอนเทนท์ตัวเอง

การจับมือครั้งนี้ ธวัตวงศ์ บอกว่า นับเป็นก้าวแรกเพื่อศึกษาและเรียนรู้ตลาดคอนเทนท์ในไทย ก่อน Viu จะรุกต่อไปในสเตปที่ 3 คือ Co-Production หรือการร่วมผลิตกับพาร์ทเนอร์ เพื่อจะมีคอนเทนท์ของตัวเอง ที่เรียกว่า Viu Original  ซึ่งรูปแบบนี้ได้ทำมาแล้วที่ฮ่องกง , เกาหลี , อินเดีย ,และ อินโดนีเซีย ขณะที่ไทยนั้น ขอเวลาศึกษาตลาดอย่างน้อย ๆ ประมาณ 1 ปี

สำหรับภาพรวมของธุรกิจ OTT ในไทย ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ตามการพัฒนาของเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็น 4G หรือ 5G ที่จะมาในอนาคต โดยโจทย์หินของธุรกิจนี้ไม่ใช่การแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่น ๆ แต่คือ การต้องสู้กับของเถื่อน หรือการละเมิดลิขสิทธิ์ ปัญหาหลักและปัญหาใหญ่ที่บรอดคาสติ้ง รวมไปถึงผู้ผลิตคอนเทนท์ และผู้ให้บริการ OTT ทุกรายต้องเผชิญ

 

capture-20180516-184512

ปัจจุบัน Viu ให้บริการ 2 รูปแบบ คือ Free Usage หรือ ดูฟรี แต่ต้องรอเวลาหลังจากออนแอร์ทางทีวีแล้ว 3 วัน และต้องดูโฆษณาคั่นบนคอนเทนท์นั้น ๆ ส่วนแบบที่ 2 Premium Service สามารถดูคอนเทนท์ได้เกือบจะทันทีหลังคอนเทนท์ออนแอร์ทางทีวี และไม่มีโฆษณามาคั่นให้เสียอรรถรสในการรับชม ซึ่งบริการนี้ลูกค้าต้องจ่ายเงินค่าบริการรายเดือน โดยปีที่ผ่านมามีผู้ใช้บริการรายเดือนรวมกว่า 16 ล้านคน

“มิชชั่นหลักของเรา คือ ทำให้ลูกค้า enjoy เราจึงต้องการคอนเทนท์ที่คนชอบ เพราะถ้าเขาไม่ชอบ เขาจะไป แต่ถ้าชอบ เขาจะอยู่กับเราเรื่อย ๆ ผลด้านธุรกิจก็จะตามมา แต่การทำเองทุกอย่าง มันยากที่จะสำเร็จ เราถึงต้องมีพาร์ทเนอร์ อนาคตก็จะมีเพิ่มมาเรื่อย ๆ แต่ยังบอกไม่ได้”

 แม้การเติม Local content  เพื่อมัดใจลูกค้าไทยให้มากขึ้น จะไม่ใช่กลยุทธ์ใหม่ เพราะอย่างที่บอกก่อนหน้านี้มีหลายรายที่เดินเกมมาในทิศทางนี้แล้ว แต่เชื่อว่า จากนี้การดึงและแย่งชิงผู้ผลิตคอนเทนท์ในประเทศมาเป็นพาร์ทเนอร์ เพื่อนำคอนเทนท์ไปไว้ในแพลตฟอร์ตของแต่ละราย คงจะเข้มข้นขึ้นกว่าเดิมแน่นอน

 

 


  • 34
  •  
  •  
  •  
  •