Mitsubishi Heavy Duty ตอกย้ำความแกร่ง กับแบรนด์ 5 ทศวรรษอยู่คู่กับคนไทย

  • 309
  •  
  •  
  •  
  •  

รู้หรือไม่ คำว่า “Heavy” ที่อยู่ในชื่อของ Mitsubishi Heavy Duty ไม่ได้มีไว้เพื่อความเท่เฉยๆ เท่านั้น แต่ยังมีความหมายและมีความสำคัญ เพราะสามารถบ่งบอกทั้งสมรรถนะที่ “Heavy” ตามชื่อของผลิตภัณฑ์ และยังสะท้อนถึงความเป็นผู้นำด้านธุรกิจอุตสาหกรรมหนักของบริษัท ที่ทำให้ Heavy ได้กลายเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของแบรนด์ตลอดกว่า 5 ทศวรรษที่ผ่านมา

ย้อนรอยแบรนด์ญี่ปุ่นสร้างชาติ

Mitsubishi Heavy Industries เป็นกลุ่มบริษัทในเครือมิตซูบิชิ หนึ่งในบริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นในยุคจักรวรรดิญี่ปุ่น ที่ถือเป็นบริษัทที่มีบทบาทสำคัญและมีชื่อเสียงอันยาวนาน

Mitsubishi_1

ก้าวแรกของแบรนด์เกิดขึ้นในปี 1884 ยะตะโร อิวะซะกิ  (Yataro Iwasaki) ผู้ก่อตั้งมิตซูบิชิ ชายผู้มีวิญญาณนักสู้ได้เช่าโรงเหล็กในเมืองนะงะซะกิจากรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อดำเนินธุรกิจแรกคือโรงงานเครื่องจักรกลและอู่ต่อเรือ Nagasaki Shipyard & Machinery Works และตั้งโรงงาน Mitsubishi Heavy Industries – Shimonoseki Shipyard & Machinery Works ขึ้นที่เมืองชิโมะโนะเซะกิ เพื่อผลิตเครื่องจักรกลอุตสาหกรรมและเรือขนส่งสินค้า

Mitsubishi_2

ในปี 1934 ก็ควบรวมกับบริษัทในโคะเบะ และเปลี่ยนเป็นชื่อ มิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสทรีส์ และกลายเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นยุคนั้น ผลิตทั้งเรือ เครื่องบินใบพัด รถราง เครื่องจักรกลหนัก

ภายหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง มิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสทรีส์ได้แตกออกเป็นสามบริษัท และต่อมาทั้งสามบริษัทก็ได้ควบรวมเป็นบริษัทเดียว ภายใต้ชื่อ มิตซูบิชิ เฮฟวี อินดัสทรีส์ อีกครั้ง ในปี 1964

5 ทศวรรษที่ Mitsubishi Heavy Industry อยู่คู่กับคนไทย

ปัจจุบันธุรกิจภายใต้ชื่อแบรนด์ Mitsubishi Heavy Duty คือการพัฒนาโพรดักส์ไลน์ในกลุ่มสินค้าการผลิตอุตสาหกรรมหนัก ไม่ว่าจะเป็น การผลิตยานอวกาศ หรือเครื่องบิน ขีปนาวุธ, จรวด, ตอร์ปิโด, อากาศยาน, รถหุ้มเกราะ, เครื่องยนต์, ชิ้นส่วนยานยนต์, รถยก, อุปกรณ์ไฮโดรลิก, หุ่นยนต์, เรือพลเรือน, เรือรบ ไปจนถึงเครื่องปรับอากาศ

Mitsubishi_3

โดยตลอดเส้นทางธุรกิจกว่าศตวรรษที่ผ่านมาบริษัทได้ทุ่มเทเพื่อการค้นคว้าและวิจัย อันนำไปสู่นวัตกรรม ที่ล้ำสมัย ส่งผลให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านวิศวกรรมชั้นนำระดับโลกในปัจจุบัน

ซึ่งจากความน่าเชื่อถือ ของเครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Heavy Duty สะท้อนว่า แบรนด์นี้…ไม่ได้มาเล่นๆ

Mitsubishi_4

บุกตลาดหน้าร้อนปี 61 ย้ำภาพ “ความหนักแน่น” ด้วยมาริโอ้

ปี 2561 นี้ ซึ่งเป็นปีที่ Mitsubishi Heavy Duty กำลังกลับมาอีกครั้งพร้อมโอกาสสำคัญ คือการฉลองครบรอบ “5 ทศวรรษในประเทศไทย”

งานนี้ Mitsubishi Heavy Duty จึงเล่นใหญ่ด้วยตั้งเป้า ก้าวสู่ผู้นำตลาดเครื่องปรับอากาศอีกครั้งกับภาพลักษณ์ใหม่ งานนี้มีการดึงพระเอกซุปตาร์สุดฮ็อต อย่าง “มาริโอ้ เมาเร่อ” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อช่วยตอกย้ำจุดเด่นสำคัญ ที่ “แตกต่าง” ในความเป็น Mitsubishi Heavy Duty นั่นคือ การสะท้อนภาพลักษณ์ความแข็งแกร่ง หนักแน่นแบบคนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง และมีความจริงจัง สมกับเป็น HeavyDuty แบรนด์ผู้นำในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมหนักระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่น ที่มุ่งมั่นจริงจังในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่อเนื่อง

ภายใต้คอนเสปท์ “ร้อนนี้มี “โอ้” ไว้ เย็นสบายกว่าเยอะ” ภาพยนตร์โฆษณายังเลือกเน้นการนำจุดเด่นหลักของผลิตภัณฑ์ ได้แก่ #เย็นเร็ว #เย็นแรง #ทนทาน และ #ประหยัดไฟ มาเป็นจุดขาย ไปพร้อมกับมาริโอ้ ด้วยเครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Heavy Duty เย็นเร็ว ทนทาน ประหยัดไฟ กว่าใคร ร้อนนี้จะร้อนแค่ไหนก็ไม่กลัว!

สำหรับช่วงฤดูร้อนนี้ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของคลาดเครื่องปรับอากาศ  ดังนั้น ไม่เพียงภาพยนตร์โฆษณา ทางมิตซูบิชิ เฮฟดิวตี้ยังวางแผนบุกตลาดเครื่องปรับอากาศ ขณะเดียวกัน ทางมิตซูบิชิ เฮฟวี่ ดิวตี้ ยังส่งแคมเปญ  “5 ทศวรรษ Mitsubishi Heavy Duty ในประเทศไทย 5 ปีรับประกันทุกชิ้นส่วน และ รับประกันเย็นเร็ว” ที่ทางมิตซูบิชิ เฮฟวี่ ดิวตี้เชื่อมั่นว่าจะยิ่งกระตุ้นการเลือกตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ได้ ด้วยความคุ้มค่ายิ่งกว่า

ชู 6 ฟีเจอร์ตอบโจทย์ผู้บริโภค

นอกเหนือจากพรีเซ็นเตอร์ที่โดดเด่น ในด้านจุดเด่นสินค้าเอง ทางมิตซูบิชิ เฮฟวี่ ดิวตี้ ได้นำประสบการณ์ความเชี่ยวชาญจากการเป็นผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศมากว่า 5 ทศวรรษ มาสู่ข้อมูล Insight สำคัญของการพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าที่แท้จริง ดังต่อไปนี้

M01

“ทนทาน” ระดับเดียวกับยานอวกาศ

“ความคงทน” เป็นจุดดึงดูดผู้บริโภคมากที่สุดเมื่อเอ่ยถึงแบรนด์ Mitsubishi Heavy Duty เนื่องจากเครื่องปรับอากาศของ Mitsubishi Heavy Duty มีจุดแข็งในความเชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมหนักทั้งด้านจักรกลและเครื่องยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง   เหล่านี้เป็นสิ่งที่มีผลต่อการพัฒนาคุณภาพเครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Heavy Duty ทุกตัว จนเป็นที่ยอมรับในชื่อเสียง และคือการตอกย้ำความสำเร็จตลอด 5 ทศวรรษ ด้วยคุณภาพการผลิต ตลอดจนวัสดุที่ใช้ ทำให้มีความแข็งแรงและทนทานหนักแน่นกว่าใคร สมกับชื่อ “Heavy Duty”

นวัตกรรมใหม่ เย็นเร็วเต็มสูบ ดุจเครื่องบินเจ็ท

จากการให้ความสำคัญการพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า ซึ่งปัจจัยเรื่องความผันผวนของสภาวะแวดล้อมโลก หรือเรื่องภาวะโลกร้อนกำลังเป็นปัญหาสำคัญที่ชาวโลกต้องเผชิญ โดยเฉพาะประเทศในแถบร้อนอย่างเช่นประเทศไทย จากอุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้นทำให้ทางแบรนด์มองว่า เทคโนโลยีเดิมๆ อาจไม่เพียงพอ จึงพัฒนาเทคโนโลยีระดับโลกด้วย Jet Flow ที่ให้ลมแรง เย็นเร็ว ทันใจกว่ายี่ห้อทั่วไป

Mitsubishi_6

การออกแบบการทำงานในระบบกระจายอากาศแบบ Jet Flow ที่ทำงานด้วยเทคโนโลยีที่มีกำลังแรงส่งแบบระบบใบพัดเครื่องบิน ในลักษณะเดียวกับเครื่องบินเจ็ท และระบบ 3D Auto ซึ่งเป็นโปรแกรมควบคุมการกระจายลมเย็นให้ทั่วทุกมุมห้อง ด้วยการกดเพียงปุ่มเดียวเพื่อบังคับการทำงานของมอเตอร์ในการกำหนดทิศทางลม และมีฟังก์ชั่น Hi power ทำให้เครื่องปรับอากาศเข้าสู่โหมดการทำงานพลังสูงต่อเนื่องเป็นเวลา 15 นาทีติดต่อกัน ช่วยทำให้ห้องที่ติดตั้งเกิดความเย็นเร็วที่สุดในช่วงที่มีอุณหภูมิสูงหรืออากาศร้อนจัด นี่คือส่วนหนึ่งที่เกิดจากการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งของ มิตซูบิชิ เฮฟวี่ ดิวตี้

Mitsubishi_7

ประหยัดไฟ ยิ่งกว่าด้วย Inverter แท้ทั้งระบบ

อีกหนึ่งสุดยอดเทคโนโลยีและวิศวกรรมล้ำหน้าที่สร้างสรรค์อยู่ในเครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Heavy Duty คือความประหยัดไฟมากกว่า ด้วย Inverter แท้ทั้งระบบ เย็นฉ่ำกินไฟน้อยกว่า

Mitsubishi_8

โดยการใช้อินเวอร์เตอร์แท้ทั้งระบบ ช่วยเรื่องประหยัดไฟมากขึ้น ขณะที่บางยี่ห้อจะใช้แค่บางชิ้นส่วนก็อาจจะเคลมว่าเป็น อินเวอร์เตอร์แล้ว จึงไม่แปลกใจหากเครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Heavy Duty จะทำให้ประหยัดมากกว่า

มาตรฐานระดับส่งออกทั่วโลก

ที่สำคัญเครื่องปรับอากาศทุกเครื่องผ่านระบบตรวจสอบคุณภาพ (QC) 100% ทุกเครื่อง ตั้งแต่เริ่มกระบวนการผลิตจนถึงขั้นตอนการ Packaging ซึ่งบางแบรนด์ปกติบางทีจะใช้วิธีการสุ่มตรวจ แต่ Mitsubishi Duty ยึดหลักมาตรฐานต้องเหมือนกันทุกเครื่อง เช็คทุกระบบ ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับประเทศญี่ปุ่น โดยที่โรงงานหัวหน้าวิศวกรจะทำหน้าที่ควบคุมการตรวจ QC ให้ได้มาตรฐานอย่างเข้มงวด

เพิ่มจุดเด่น ด้วยเทคโนโลยีเติมสุขภาพ

จากความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ท่ามกลางกระแสห่วงใยสุขภาพ ทำให้เครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Heavy Duty ยังมอบสุขภาพที่ดีขึ้นแก่ผู้ใช้ ด้วยแผ่นกรองอากาศ 2 ชนิดอยู่ภายในเครื่องเดียวกัน ได้แก่ ตัวกรอง Anti-allergy และ Activation Cabon Filter ที่ให้คุณได้ประโยชน์ต่อสุขภาพสองเท่า

ล่าสุด เพื่อการเสริมสุขภาพที่ดียิ่งกว่า ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีแผ่นกรองอากาศใหม่ล่าสุด Vitamin C Filter ที่จะปล่อยวิตามินซีเข้าสู่อากาศที่ส่งออกมา ทำให้ผิวหนังมีความชุ่มชื่นขึ้น

Mitsubishi_9

มั่นใจยิ่งขึ้น ด้วยการรับประกันยาวนาน

ปกติบางยี่ห้อชิ้นส่วนจะรับประกัน 1-3 ปี คอมเพรสเซอร์ 5 ปี แต่สำหรับมิตซูบิชิ เฮฟวี่ ดิวตี้ กล้ารับประกัน 5 ปี เพราะมั่นใจในคุณภาพของสินค้าระดับคุณภาพไฮเอ็นด์ ซึ่งที่ผ่านมาส่งผลให้จำนวนคนเคลมประกันมีเพียงแค่ 0.25% ซึ่งน้อยมาก แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีปัญหาสามารถใช้ได้ยาวนาน

Mitsubishi_10

สำหรับ Mitsubishi Heavy Duty นั้นเหมาะสำหรับกลุ่มคนวัยทำงาน ทั้งกลุ่มผู้ชายที่ชื่นชอบความคงทนหนักแน่นแบบ Heavy และกลุ่มผู้หญิงที่ชื่นชอบเครื่องปรับอากาศที่ไม่มีปัญหาจุกจิกแถมยังมีฟังก์ชั่นช่วยรักษาสุขภาพ หรือจะเป็นกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบคุณภาพและผลิตภัณฑ์ของญี่ปุ่น และมองว่าแอร์ไม่ใช่เครื่องใช้ไฟฟ้าแต่เพื่อส่วนหนึ่งในการทำให้บ้านหรูหราสวยงาม ชื่นชอบการตกแต่งบ้าง และให้ความสนใจเรื่องสุขภาพบ้าง รับรองว่าไม่ผิดหวังกับแบรนด์ Mitsubishi Heavy Duty อย่างแน่นอนครับ

โดยอีกจุดเด่นหนึ่งของเครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Heavy Duty คือมีขนาดให้เลือกมากมายหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น แบบติดผนัง (Wall Type) ก็มีรุ่นที่ตอบโจทย์ตั้งแต่ขนาดพื้นที่ 9 ตารางเมตร ไปจนถึงบ้านหรือคอนโดที่มีขนาดพื้นที่กว้างขวางถึง 32 ตารางเมตร ซึ่งมีความสามารถในการทำความเย็นตั้งแต่ 9,000 Btu/h ถึง 24,000 Btu/h  และมีทั้งแบบที่เป็น Fixed speed (Non-Inverter) และแบบ Inverter ที่จะช่วยประหยัดไฟได้มากขึ้นอีกด้วย

Mitsubishi_11

สำหรับลูกค้าที่ต้องการเพิ่มความสวยงามหรือความหรูหราให้กับที่อยู่อาศัย หรือมีพื้นที่แบบ Double Volume หรือมีพื้นที่ที่กว้างขวางมากๆ สามารถเลือกเครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Heavy Duty แบบที่เป็นแอร์สี่ทิศทาง (4 way ceiling cassette type), แอร์แขวนใต้ฝ้า (Ceiling suspended type) หรือแอร์ต่อท่อลม (Duct connected type) ก็ได้เช่นกัน

Tips ติดตรงไหนถึงจะประหยัดไฟและเย็นที่สุด

การติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อให้ประหยัดไฟและเย็นที่สุดขึ้นอยู่กับหลายเงื่อนไข เช่น ขนาดพื้นที่/ห้องหรือสถานที่ที่ต้องการติดตั้งมีขนาดเท่าไหร่, มีหน้าต่างกี่ด้าน แดดส่องเข้ามาในห้องเยอะหรือไม่, คนที่อยู่ในห้องเยอะหรือไม่ เป็นต้น

การจะติดแอร์ให้ประหยัดไฟและเย็นที่สุดนั้น จะต้องเลือกขนาดของแอร์ให้เหมาะสมกับห้องนั้นๆ มากที่สุด หากห้องใหญ่เกินไป แต่ความสามารถในการทำความเย็นของแอร์ไม่เพียงพอจะทำให้แอร์ทำงานหนัก เย็นก็ไม่เย็นแถมกินไฟด้วย หรือหากห้องเล็กเกินไปแต่เลือกเครื่องปรับอากาศที่มีขนาดใหญ่ซึ่งมีความสามารถในการทำความเย็นมากเกิน กรณีนี้ติดไปก็เย็นจริง แต่ค่าไฟก็จะพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย เพราะใช้แอร์ขนาดที่ใหญ่เกินความจำเป็น

*สามารถคำนวณเบื้องต้นว่าแอร์ขนาดกี่ Btu เหมาะกับห้องขนาดเท่าไหร่ได้ที่ : www.mitsuheavythai.com/th/btu-calculation.php


  • 309
  •  
  •  
  •  
  •