ตั้งแต่วันนี้ แอป UBER ใช้เรียกรถไม่ได้แล้ว คุณรู้หรือยัง?
ขอขึ้นต้นด้วยประโยคคำถามแบบตรงๆ ไปเลย เพราะนี่คือสิ่งที่เราอยากสื่อสารกับคุณและคุณทุกท่าน! ถ้าคุณเคยเรียกรถผ่านแอป (โดยเฉพาะรถโดยสารประเภท 4 ล้อ) ไม่ว่าจะ UBER หรือ Grab คุณรู้หรือยังว่าวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว…
หลังจากเป็นข่าวคึกโครมเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมแบบสดๆ ร้อนๆ ว่า “Grab ยืนยันควบรวมกิจการ UBER ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ซึ่งแน่นอนว่าการขายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องรวมถึงการให้บริการในประเทศไทยด้วย และตั้งแต่วันนี้ไป (9 เมษายน 2561) ทั้งผู้ใช้บริการและผู้ร่วมขับของ UBER ก็จะไม่สามารถใช้งานผ่านแอปเดิมได้อีก ซึ่งในส่วนของ UBER ได้ประกาศให้ผู้ใช้งานรับทราบผ่านแอปมาโดยตลอด ด้วยเนื้อหาที่ระบุว่า “UBER จะหยุดให้บริการภายในวันที่ 8 เมษายน 2561 และจะเปลี่ยนการให้บริการทุกอย่างผ่านทางแอปฯ Grab แทน”
ย้ายระบบทั้งหมดจาก UBER ไปอยู่กับ Grab
ดีลธุรกิจครั้งนี้ ทำให้การให้บริการ UBER ในกัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย จะถูกโอนเข้ามาอยู่ภายใต้ชายคา Grab ซึ่งตามข้อตกลงแล้ว UBER จะเข้าถือหุ้น 27.5% ใน Grab และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ UBER ก็จะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหารของ Grab ต่อไป
ในส่วนของผู้ใช้บริการนั้น UBER ก็ได้แจ้งให้รู้ล่วงหน้าผ่านแอปแบบไม่อ้อมค้อม ว่า “UBER จะทำการย้ายระบบทั้งหมดไปยังแอป Grab ภายในวันที่ 8 เมษายนนี้ หลังจากนั้นคุณจะไม่สามารถเรียกรถผ่านแอป UBER ได้ กรุณาดาวน์โหลดแอป Grab” เท่ากับว่าคนที่เคยใช้แอปของ Grab มาแล้วก็สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง ส่วนใครที่เป็นลูกค้าใหม่ของ Grab ก็จะต้องลงทะเบียนเข้าใช้งานใหม่เสียก่อน
แต่ใช่ว่าจะให้ลูกค้ายุ่งยากกับการดาวน์โหลดแอปใหม่ และกรอกข้อมูลให้วุ่นวายเสียเปล่า เพราะ Grab ได้มอบส่วนลดการใช้งานด้วยการใส่รหัส GRAB4W สำหรับใช้บริการ GrabTaxi, JustGrab, GrabCar หรือ GrabCarPlus เพื่อรับส่วนลด 150 บาท 2 ครั้ง และรหัส GRAB2W สำหรับใช้บริการ GrabBike ทั้ง Win หรือ Delivery เพื่อรับส่วนลด 70 บาท 2 ครั้ง
เรื่องนี้ส่งผลต่อผู้ใช้บริการอย่างไร…
คงต้องบอกว่านอกจากที่คุณต้องดาวน์โหลดและกรอกข้อมูลเริ่มต้นใช้งานใหม่ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะด้วยรูปแบบการเรียกใช้บริการในลักษณะที่คล้ายคลึงกันทั้ง UBER และ Grab แม้ว่าที่ผ่านมาคุณจะเคยใช้ UBER เป็นทางเลือกเดียวในบรรดาบริการเรียกรถผ่านแอป คุณก็สามารถใช้ Grab ได้อย่างแน่นอน และทาง Grab เองก็ยืนยันว่า สิ่งที่จะส่งผลต่อการให้บริการครั้งนี้คือประสบการณ์การบริการที่หลากหลายขึ้น จากจำนวนพาร์ทเนอร์คนขับที่มากขึ้น และประเภทของรถที่มากขึ้นในแอปพลิเคชั่นเดียว
ส่วนเรื่องอัตราค่าโดยสารที่หลายๆ คนกังวลว่าจะแพงขึ้นหรือไม่นั้น ทาง Grab ชี้แจงไว้ว่า อัตราค่าโดยสารจะยังไม่เปลี่ยนแปลง และยังคงใช้รูปแบบที่เรียกว่าไดนามิก (คิดแบบเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ เช่น ความต้องการและอุปทานในพื้นที่นั้นๆ, สภาพการจราจร, เวลาในการเดินทาง เป็นต้น) เพื่อจัดสรรรถยนต์ในระบบให้มีประสิทธิภาพตลอดวัน ส่วนค่าโดยสารของบริการรถ Taxi นั้น ยังคงเป็นค่าโดยสารตามมิเตอร์เช่นเดิม
ความแตกต่างของ Grab
หากไม่นับรูปแบบการให้บริการรับ-ส่งด้วยพาหนะประเภทต่างๆ ที่ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้เอง แน่นอนว่า UBER เริ่มต้นและเน้นการให้บริการร่วมเดินทางอย่างชัดเจน แม้ว่าช่วงกลางเดือนธันวาคม 2560 UBER จะหันมาเปิดบริการ UBER Taxi บ้างแล้วก็ตาม แตกต่างจาก Grab ที่เปิดตัวในประเทศไทยครั้งแรกก็เน้น Taxi เพื่อให้บริการด้วยจำนวนรถที่มีมากกว่าและอยู่ในระบบขนส่งอยู่แล้วอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
แต่สิ่งที่ Grab เริ่มต้นและเลือกเดินเกมก่อน คือ การมอบโปรแกรมสะสมคะแนนจากการเรียกรถ หรือที่เรียกว่า GrabRewards ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถสะสมคะแนนจากการเรียกรถ และนำไปแลกสิทธิพิเศษหรือส่วนลดต่างๆ จากร้านค้าชั้นนำ ทั้งเครื่องดื่ม บัตรชมภาพยนตร์ และอื่นๆ รวมถึงการนำมาแลกเป็นส่วนลดสำหรับการเรียกรถผ่านแอป Grab
เอาเป็นว่าใครที่เป็นแฟน UBER ตอนนี้ก็…ถึงเวลาตัดใจแล้วนะ! เปลี่ยนมาใช้ Grab แทนนะออเจ้าทั้งหลาย
อ่านเพิ่มเติม : Grab ยืนยันควบรวมกิจการ UBER ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แล้ว
Copyright © MarketingOops.com