สงครามค่าธรรมเนียม! SCB EASY ไม่ปล่อยให้ใครหายใจ ปล่อยเฟส 2 ฟรีหมด ‘โอน จ่าย เติม ถอน’ คว้า ‘เจ้าแม่ออเจ้า’ พรีเซ็นเตอร์คนใหม่

“สงครามเลิกค่าธรรมเนียม ผมว่าผู้ชนะมันเห็นตั้งแต่ต้นอยู่แล้วก็คือ ‘คอนซูเมอร์’ นั่นแหละ”
โจ้-ธนา เธียรอัจฉริยะ

‘การยกเลิกค่าธรรมเนียม‘ น่าจะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้เกิดขึ้นในวงการธนาคารบ้านเรา เป็น Game Change ที่น่าสนใจ ซึ่งอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่หลายธนาคารจะต้องปรับตัวและก้าวตามให้ทัน

หลังสร้างความน่าสนใจให้กับแอปฯ แบงก์กิ้ง SCB EASY ก็แถลงลอนช์เฟส 2 ให้เราได้ฮือฮากันอีกครั้ง กับการประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะ “ยกเลิกค่าธรรมเนียม”!! ไปแบบไม่มีกำหนด ทั้ง “โอน จ่าย เติม ถอน” ฟรีหมด!! และที่สำคัญยังสามารถคว้านางเอกที่กำลังฮอตร้อนแรงที่สุดมาได้

ยกเลิก 5 ธรรมเนียมยอดฮิต

SCB EASY โมบายแบงก์กิ้ง แอปพลิเคชั่น เปิดตัวแคมเปญใหม่ล่าสุด SCB EASY Freenomenon เป็นธนาคารที่ยกเลิกค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม 5 ประเภทหลักที่ผู้บริโภคใช้กัน ได้แก่

โอนเงินข้ามธนาคาร : ไม่จำกัดไม่มีค่าธรรมเนียม โดยที่เดิมฟรี 5 รายการ หลังจากนั้นคิด 10 บาทต่อรายการ
โอนต่างธนาคาร : ไม่จำกัดไม่มีค่าธรรมเนียม โดยที่เดิมนั้นคิด 25 บาทต่อรายการไม่เกิน 20,000 บาท และคิด 35 บาทต่อการโอน 20,001-50,000 บาท
เติมเงิน : ไร้ค่าธรรมเนียม ทั้ง เติมเงินมือถือ, Easy Pass ทางด่วน, e-Wallet
จ่ายบิล : ไร้ค่าธรรมเนียม ไม่ว่าจะเป็น บิลบัตรเครดิต, ค่าโทรศัพท์, ค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ
กดเงินโดยไม่ใช้บัตรข้ามเขต :กดเงิดสดไม่ต้องใช้บัตร ATM ข้ามเขต จากเดิมที่ต้องเสีย 25 บาท ก็ไม่มีอีกแล้ว

ทั้งหมดทำผ่านแอปฯ SCB EASY ฟรีค่าธรรมเนียม! เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมเป็นต้นไป

ไวเวอร์! ดีงเจ้าแม่ออเจ้า “เบลล่า” เปิดแคมเปญใหม่

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสร้าง awareness ให้กับแคมเปญใหม่นี้ จึงได้ดึงตัว “เบลล่า-ราณี แคมเปน” นางเอกสาวที่กำลังร้อนแรงที่สุดในช่วงนี้ จากบทบาท การะเกด ในเรื่องบุพเพสันนิวาส เป็นความรวดเร็วของแบรนด์ที่สามารถคว้าตัวมาได้ ในคาแรคเตอร์ “มานี” เพื่อสื่อถึงมิตรภาพ ความสดใส เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน เป็นตัวแทนของ SCB EASY เสมือนเพื่อนคนแรกที่คอยอยู่เคียงข้าง และ #เป็นทุกอย่างเพื่อคุณเสมอ พร้อมกับชื่อเรียกใหม่ให้ง่ายขึ้น “เบลล่า มานี” รวมทั้งยังลอนช์โฆษณาตัวใหม่ด้วยในชื่อว่า “มานี สตอรี่”

ตั้งเป้าดาวน์โหลดเพิ่ม 10 ล้าน ในปีนี้

ทั้งนี้ แคมเปญใหม่ของ SCB EASY ตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นดิจิทัลแพล็ทฟอร์มที่เชื่อมต่อทุกสังคมเข้าด้วยกัน เพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ทางการเงินให้ครบวงจร โดยมั่นใจว่าหลังลอนช์แคมเปญนี้ไปจะเพิ่มจำนวนการดาวน์โหลดและยอดผู้ใช้งานแอปฯ เพิ่มขึ้นกว่า 10 ล้านราย ภายในปีนี้ ที่สำคัญคือ นำไปสู่การผลักดันให้ไทยเป็นสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) อย่างเต็มรูปแบบ

นอกจากนี้ ยังมุ่งไปสู่วิสัยทัศน์การเป็น The Most Admired Bank หรือการเป็นธนาคารที่น่าชื่นชมที่สุด ภายในปี 2020

ย้ำเรื่องเปลี่ยน ‘ธนาคาร’ ให้เป็น แพล็ทฟอร์ม

ธนา เธียรอัจฉริยะ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส Chief Marketing Officer ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า เป็นการเดินหน้าสานต่อยุทธศาสตร์ Going Upside Down เพื่อมุ่งสู่การเป็นธนาคารที่น่าชื่นชมที่สุด ด้วยการทำให้ธนาคารเป็นดิจิทัลแพล็ทฟอร์มที่สามารถตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมที่สุด โดยยึด 3 แกนหลักสำคัญ ได้แก่ “ดีขึ้น เร็วขึ้น ถูกขึ้น” (Better-Faster-Cheaper) ซึ่งเราพบว่าเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุดที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้ เราก็มีบริการ SCB Connect ที่ร่วมกับ LINE เป็นแพล็ทฟอร์มที่ช่วยแจ้งเตือนทุกความเคลื่อนไหวของบัญชีทุกรายรับ รายจ่าย ฟรีตั้งแต่บาทแรก ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมด้วย ผลปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยม มียอดผู้ใช้งานเกือบ 2 ล้านราย นับเป็นบริการที่เติบโตเร็วที่สุด ดังนั้น เรื่องของการยกเลิกค่าธรรมเนียมอาจบอกได้ว่าเริ่มมานานแล้ว

“วันนี้เราไม่ได้สู้กับธนาคารด้วยกัน แต่เรากำลังสู้กับแพล็ทฟอร์มต่างๆ ที่เข้ามา ซึ่งแน่นอนว่าเขาทำได้ในแบบไม่ต้องมีค่าธรรมเนียม ทุกวันนี้แอปฯ ต่างๆ บนมือถือถ้าสังเกตให้ดีมีแต่ของต่างชาติ แต่เหลือแค่แอปฯ แบงก์อย่างเดียวเลยที่เป็นของไทย ไม่ว่าจะแบงก์ไหนก็ตาม นั่นเป็นเพราะแบงก์ชาติยังคุ้มครองเราอยู่ แต่ไม่ใช่กับแพล็ทฟอร์มต่างๆ ซึ่งวันหนึ่งเขาก็ทำได้อย่างที่แบงก์ทำ แล้วเราจะรออะไร ถ้าเราไม่ทำตอนนี้เขาก็ทำ ดังนั้น ก็อยากให้ทุกธนาคารมาร่วมกันทำตรงนี้เพื่อผู้บริโภค สงครามนี้ ผู้ชนะ ผมว่ามันเห็นตั้งแต่ต้นอยู่แล้วก็คือ คอนซูเมอร์ นั่นแหละ”

ยอมรับเสียรายได้ แต่ไม่มาก ถือว่าคุ้มค่า

ธนา ยังบอกด้วยว่า เป้าหมายในอนาคตของเราคือ การทำให้ธนาคารกลายเป็นแพล็ทฟอร์ม ดังนั้น ธนาคารยุคใหม่จึงต้องเข้าถึงได้ง่าย และมีความเป็นมิตร SCB EASY Freenomenon จึงเป็นเสมือนการปูทางให้ธนาคารก้าวไปสุ่การเป็นดิจทัลแพล็ทฟอร์ม ที่เชื่อมต่อทุกสังคมเข้าด้วยกันและพร้อมเป็นทุกอย่างเพื่อทุกไลฟ์สไตล์การเงินแห่งยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง

“กับการที่เราไม่เก็บค่าธรรมเนียม ถามว่าทำให้รายได้เราหายไปไหม ก็หายไป แต่เราคิดว่ามันคุ้มค่ากว่ามาก เมื่อเทียบกับการที่เราได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นก็ดี รายได้ที่เพิ่มขึ้นก็ดี เขาอาจจะชื่นชอบเราก็เปลี่ยนเป็นการเปิดบัญชีกับเรา หรือมากู้เงินกับเราก็ได้ ซึ่งรวมไปถึงลูกค้าที่เคยใช้บริการนอนแบงก์ก็เพิ่มขึ้นด้วย อย่างที่บอกว่าถ้าเราไม่เริ่มก็จะต้องมีแพล็ทฟอร์มอื่นที่เริ่มทำแน่นอน”

ตั้งเป้ายอดแอคทีฟเพิ่มขึ้น 80%

ธนา โพธิกำจร ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารสาย Digital Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวถึงการพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตว่า ในปีนี้ธนาคารจะมุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาบนแอปฯ SCB EASY อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมาเราได้แนะนำบริการและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ทุกเดือน อาทิ SCB EASY Digital Lending บริการด้านสินเอผ่านแอปฯ และบริการ SCB EASYE-Marketplace เช่น SCB EASY Gifts การให้ของขวัญหรือโอนเงินเพื่อเป็นของขวัญพิเศษ อย่างอั่งเปาดิจิทัล และฟีเจอร์ล่าสุด SCB EASY Movies ที่ร่วมกับ SF โรงหนังคุณภาพ ในการซื้อตั๋วหนังผ่านแอปฯ หรือฟีเจอร์อื่นอีกมากมาย

และตั้งแต่เปลี่ยนแปลงเป็น Lifestyle Banking ก็ได้รับการตอบรับดีขึ้นมาก มีการบริการเชิงไลฟ์สไตล์กว่า 20 ล้านครั้ง มีการใช้งาน Cardless ATM ถึง 12 ล้านครั้ง และมีการร่วมบริจาคเงินผ่าน SCB EASY ทั้งหมดประมาณ 192 ล้านบาทโดยเฉพาะแคมเปญ “ก้าวคนละก้าว” ของตูน บอดี้สแลม แคมเปญเดียวสูงถึง 170 ล้านบาท จากคน 358,000 คน

“หลังจากที่ได้ปรับโฉม SCB EASY และยกเครื่องแพล็ทฟอร์มใหม่เมื่อเดือนสิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา ทำให้ธนาคารมียอดลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่า 3 แสนรายต่อเดือน ปัจจุบันมียอดผู้ใช้งานอยู่มากกว่า 6.5 ล้านราย มียอดใช้งานแอคทีฟกว่า 75% หลังลอนช์แคมเปญนี้ก็ตั้งเป้ายอดแอคทีฟเพิ่มขึ้น 80% และมีจำนวนธุรกรรมผ่าน SCB EASY เฉลี่ย 150 ล้านธุรกรรมต่อเดือน โดยธุรกรรมสามอันดับแรกที่ลูกค้าใช้บริการมากที่สุด คือ โอนเงิน เติมเงิน และจ่ายบิล”

อย่างที่ได้ยกคำพูดของ โจ้-ธนา เธียรอัจฉริยะ ที่เห็นตรงกันว่า ไม่ว่าธนาคารไหนจะประกาศก่อนหลังว่าเป็นเจ้าแรกเจ้าเดียว (ก็ตาม) ในการยกเลิกค่าธรรมเนียม แต่สิ่งที่เราเห็นชัดเจน และเราเห็นตรงกับ โจ้-ธนาก็คือ “ผู้บริโภค” ได้ประโยชน์แน่นอน ซึ่งนำไปสู่การสร้างมาตรฐานใหม่ที่ทุกแบงก์จะต้องเดินตามเกมนี้ให้ทัน เพราะในยุคที่การตัดสินใจของผู้บริโภคเปลี่ยนง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ ถ้าคุณไม่ตอบสนองให้ทันกับความต้องการของผู้บริโภค คุณก็อาจจะเป็นผู้พ่ายแพ้ในที่สุด.