หลังจาก ‘SCB BUSINESS CENTER’ (ศูนย์ธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารไทยพาณิชย์) ได้สร้างปรากฏการณ์หน้าใหม่ให้กับวงการแบงก์ไทยในการเป็นศูนย์ให้คำปรึกษาครบวงจรแห่งแรกสำหรับ SME ที่ให้บริการครอบคลุม 4 บริการ ได้แก่ Digital , Branding , Logistics และ Franchise หัวใจหลักของการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างดียิ่งจากกลุ่มลูกค้า
ประเด็นที่น่าสนใจต่อจากนี้ ก็คือ ก้าวต่อไปของการพัฒนาศูนย์ธุรกิจแห่งนี้จะเป็นอย่างไร และจะช่วย SME ให้แข็งแกร่งแบบยั่งยืนกว่าเดิมได้อย่างไร แน่นอนว่า ผู้ที่จะให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ได้ดีที่สุด ก็คือ คุณพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสูงสุด SME Segment ธนาคารไทยพาณิชย์ ผู้บริหารคนเก่งที่ปลุกปั้นศูนย์ธุรกิจแห่งนี้
ผลตอบรับของ ‘SCB BUSINESS CENTER’
คุณพิกุลกล่าวถึง ‘SCB BUSINESS CENTER’ ว่า เปิดให้บริการมาประมาณ 2 เดือน ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก เพราะลูกค้ามองเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของวงการแบงก์ และไม่คิดว่า แบงก์จะลงทุนเพื่อ SME ขนาดนี้ ทำให้วันนี้ SCB เป็นมากกว่าสถาบันทางการเงิน คือ กลายเป็นเพื่อน ที่ปรึกษา เป็นโค้ช เป็นพี่เลี้ยง และต่อไปจะเป็นทุกอย่างสำหรับ SME
ในส่วนเคาน์เตอร์ 4 บริการ ได้แก่ Digital , Branding , Logistics และ Franchise มีผู้มาใช้บริการเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ Digital และ Branding ที่ถือว่า ฮอตสุด สะท้อนให้เห็นว่า เราตีโจทย์ได้แตก ซึ่งก่อนจะเปิดศูนย์ธุรกิจทาง SCB มีการทำการบ้านเยอะมาก ลงพื้นที่คุยกับ SME ตลอดดูว่า ต้องการอะไร เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ได้ตรงจุด
“ถามว่า SME ทุกรายต้องการอะไร หลัก ๆ คือ ยอดขายเพิ่มขึ้นและลดต้นทุน สองเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่เราโฟกัส และจากที่เปิดศูนย์ธุรกิจมา 2 เดือน เห็นผลตอบรับดีมาก ทำให้เราเชื่อว่า สามารถตอบโจทย์ได้หมดและมาถูกทางแล้ว”
เดินหน้าพัฒนาเพื่อตอบทุกโจทย์ธุรกิจของ SME
แม้จะมีกระแสตอบรับที่ดี แต่การพัฒนา SCB BUSINESS CENTER ยังต้องดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่องให้สามารถบริการและช่วย SME ได้ดียิ่งกว่าเดิม เพราะเป้าหมายของการพัฒนาศูนย์ธุรกิจแห่งนี้ คือ ‘ที่ที่เป็นทุกอย่างสำหรับ SME’ และต้องมีสาขาคลอบคลุมให้สามารถเข้าถึง SME ได้มากที่สุด ชนิดที่เรียกว่า ‘SME อยู่ที่ไหน SCB อยู่ที่นั่น’
คุณพิกุลยกตัวอย่างถึงการพัฒนา ‘SCB BUSINESS CENTER’ ต่อจากนี้ว่า ปัจจุบันมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะเรื่องดิจิทัล ทำอย่างไรให้สามารถนำสิ่งใหม่ ๆ เหล่านี้มาช่วย SME ให้เร็วและดียิ่งขึ้น หรือในกรณีของสตาร์อัพที่ตอนนี้เกิดขึ้นมากมาย และมีประโยชน์ต่อ SME ทำอย่างไรให้สตาร์อัพมาถ่ายทอด Know how ที่มีให้กับ SME เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจ
นอกจากนี้จะสร้างให้มีการจับคู่ทางธุรกิจ หรือ Matching ด้วยการนำผู้ประกอบการต่าง ๆ มาพบกัน เพื่อเจรจาธุรกิจหรือทำการซื้อขายให้มากขึ้น รวมถึงจะนำหน่วยงานราชการที่ออกใบอนุญาตในการประกอบการธุรกิจ SME ทั้งหมดมารวมไว้ที่ SCB BUSINESS CENTER เพื่อให้เป็น One Stop Service ทำทุกเรื่องของ SME ให้จบที่นี่และง่ายขึ้นกว่าเดิม
“SCB มีเครือข่ายและพาร์ทเนอร์เต็มไปหมด เราจะใช้ความได้เปรียบในเรื่องนี้มาสร้าง eco system ให้กับ SME เพื่อช่วยให้ยอดขายดีขึ้น ช่วยลดต้นทุน โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมเครือข่ายและพาร์ทเนอร์เข้ามา ซึ่งทุกหน่วยงานตอบรับหมด เพราะอยากช่วย SME จริง ๆ เพราะทุกคนคิดว่าช่วย SME คือการช่วยชาติ”
ตั้งเป้าขยายให้ครบ 200 แห่งในปี 2561
ส่วนแผนการขยายสาขา SCB BUSINESS CENTER ให้คลอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อตอบโจทย์ที่ทาง SCB ต้องการเข้าถึงในทุก ๆ ที่ที่มี SME นั้น จะเดินหน้าตั้งแต่ต้นปี 2561 เป็นต้นไป
“มี SME หลายรายจากต่างจังหวัดเดินทางเข้ามาเพื่อใช้บริการศูนย์ธุรกิจในกรุงเทพฯ เยอะมาก เราคิดว่า สิ่งที่ทำอยู่ตอบโจทย์และช่วย SME ได้จริง หน้าที่ต่อไป คือ ขยายให้เร็วและครอบคลุมทั่วประเทศ”
โดยในปี 2561 มีแผนขยาย SCB BUSINESS CENTER ทั้งหมด 200 แห่งทั่วประเทศ โฟกัสในพื้นที่แหล่งชุมชนและย่านการค้าสำคัญ ๆ แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 80 แห่ง (ไม่รวมกับ Pilot Project 5 แห่งที่ ชั้น 5 เซ็นทรัลเวิล์ด ฝั่งอิเซตัน , สยามสแควร์ ซอย 1 , เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ , สำเพ็ง และจตุจักร) อีก 120 แห่งจะอยู่ในต่างจังหวัด
“การขยาย 200 แห่ง ตอนนี้คุยเสร็จแล้ว ทั้งคอนเซปต์ การตกแต่ง การทำธุรกิจกรรมยังทำได้เหมือนเดิมทุกอย่าง เพิ่มเติมคือศูนย์ธุรกิจ เรามีแผนในไตรมาส 1 จะเปิด 12 แห่ง ไตรมาส 2 อีก 100 แห่ง และต้องครบ 200 แห่งภายในสิ้นปีนี้”
ชู IEP Talent สร้าง Mentors ประจำศูนย์
เมื่อขยาย SCB BUSINESS CENTER อีก 200 แห่งทั่วประเทศ คำถามที่ตามมา คือ จะหา Mentors ที่ปรึกษามืออาชีพที่มาจากผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จมาประจำศูนย์ให้เพียงพอได้อย่างไร
เรื่องนี้ คุณพิกุลบอกว่า ทาง SCB มีหลักสูตร SCB Intelligent Entrepreneur Program – IEP หรือโครงการเสริมศักยภาพนักธุรกิจมือโปร ที่ผู้เข้าร่วมโครงการ จะเป็นผู้ประกอบการที่มียอดขายระดับ 10-500 ล้านบาท โดยหลักสูตรนี้จะถูกแปลงร่างเป็น IEP Talent คัดเลือกผู้ประกอบการในโครงการมารับหน้าที่ Mentors ประจำศูนย์ธุรกิจแห่งใหม่
“บางครั้ง SME ไม่กล้าคุยกับแบงก์ เราจึงให้ผู้ประกอบการคุยกับผู้ประกอบการเองจะรู้สึกสบายใจกว่า และพวกเขามี Knowhow บางอย่างที่เป็นประสบการณ์ตรงมาถ่ายทอดด้วย เป็นการสร้างคอมมูนิตี้ ขณะที่ SCB จะเป็นพี่ เป็นเพื่อน เป็นทุกอย่างที่จะคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลังให้ประสบความสำเร็จ”
เปิดแนวรุกทั้งออฟไลน์และออนไลน์
การเข้าไปเป็นกำลังสำคัญในการช่วยและสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของ SME ให้แข็งแกร่งแบบยั่งยืน นอกจากจะมี SCB BUSINESS CENTER แล้ว ทาง SCB ก็มีการขยายช่องทางสู่ออนไลน์ ในรูปแบบแอพพลิเคชั่น เพื่อเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงลูกค้าและเพิ่มโอกาสทางการขายให้กับ SME โดยเตรียมนำโมเดลของแอพพลิเคชั่น ‘จตุจักร ไกด์’ ขยายไปสู่ย่านการค้าอื่น ๆ อย่างเช่น แพลตตินั่ม ไกด์ และ รัตนโกสินทร์ ไกด์ ที่ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว
“จตุจักร ไกด์ เราพัฒนาขึ้นมาให้ลูกค้าสามารถค้นหา และเดินหาร้านค้าภายในจตุจักรได้ง่ายขึ้น เราทำคอนเทนท์แนะนำร้านให้ด้วย ทำโปรโมชั่นและมีคูปองส่วนลดให้ลูกค้าไปใช้ซื้อสินค้าด้วย เพื่อให้ผู้ประกอบการในจตุจักรสามารถขายของและมียอดขายเพิ่มขึ้น เราเห็นแล้วว่าเวิร์ค เพิ่มยอดขายได้จริง แผนต่อไปคือขยายไปทุกที่ที่แม่มณีเข้าไป”
สำหรับ แพลตตินั่ม ไกด์ คุณพิกุลกล่าวว่า ทำร่วมกับเจ้าของศูนย์การค้าแพลตตินั่มคลอบคลุมร้านค้าทั้งหมดในนั้น ส่วนรัตนโกสินทร์ ไกด์ เป็นความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการรวบรวมร้านค้ารอบเกาะรัตนโกสินทร์ที่มีพื้นที่ทั้งหมด 1,200 ไร่ รวมมี SME กว่าแสนรายมาอยู่บนแอพพลิเคชั่นนี้
พร้อมกับจัดตั้ง SCB BUSINESS CENTER ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งเป็นศูนย์ใหม่ที่ไม่ได้มาจากการเปลี่ยนสาขาเดิมของแบงก์ ที่นอกจากจะมีการนำ Knowhow ของทางมหาวิทยาลัยมาให้ความรู้กับทาง SME รอบเกาะรัตนโกสินทร์แล้ว ศูนย์ดังกล่าวยังเป็นศูนย์ฝึกอบรมและเตรียมความพร้อมให้กับนักศึกษาที่สนใจจะประกอบธุรกิจของตนเองด้วย
“ศูนย์ธุรกิจ จะเป็นแหล่งให้ความรู้ ได้ลงมือปฏิบัติ เป็นการแชร์แลกเปลี่ยนอะไรหลาย ๆ อย่าง เหมือนคอมมูนิตี้ ของ SME ส่วนแอพพลิเคชั่นที่เราพัฒนาขึ้นมา จะเป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงและการขายบนออนไลน์ ทั้งหมดจะถูกเชื่อมไปถึงลูกค้าทั้งหมดของ SCB ที่มีกว่าล้านคน เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อ โดยในส่วนแอพพลิเคชั่นนั้นกำลังเดินหน้าไปเฟส 2 คือ เริ่มทำอี-คอมเมิร์ช ให้ขายของได้ 7 วัน ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ”
ตั้งเป้า ‘เป็นทุกอย่างสำหรับ SME’
คุณพิกุลทิ้งท้ายว่า เมื่อครบ 1 ปี ของการเปิด ‘SCB BUSINESS CENTER’ ต้องการให้ลูกค้ามองที่นี่ ‘เป็นทุกอย่างเพื่อ SME’ เหมือนที่ก่อนหน้าที่ SCB เป็นทุกอย่างเพื่อคอนซูมเมอร์ ซึ่งการเป็นทุกอย่าง คือ เป็นทุกอย่างจริง ๆ ที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของ SME ไม่ว่าจะเป็น ให้ความรู้ทั้ง Know how และ Knowledge การหาพี่เลี้ยงระดับมืออาชีพมาให้คำปรึกษา รวมไปถึงช่วยขาย หาโอกาสและตลาดใหม่ ๆ ให้ อะไรที่ขาด ที่นี่พร้อมจะเติมเต็ม ไม่ใช่แค่เป็นสถาบันทางการเงิน
ส่วนอีก 2-3 ปีข้างหน้า จะมีการขยาย ‘SCB BUSINESS CENTER’ เพิ่มอีกหรือไม่ เบื้องต้นขอดูผลจากการขยายสาขาในปีนี้ 200 แห่งก่อนว่าเป็นอย่างไร แต่ยืนยันว่า ทาง SCB พร้อมจะเป็นเพื่อนคู่คิดทางธุรกิจสำหรับ SME ในทุก ๆ ที่ แบบที่เรียกว่า SME อยู่ที่ไหน SCB อยู่ที่นั้น
“นอกจาก Transform แล้ว สิ่งที่ได้ยินมากที่สุดตอนนี้คือ Bank it’s a platform เราอยากเป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมลูกค้าทั้งหมดไว้ที่นี่ แล้วเราจะพาคุณไปทุกเรื่อง เป็น One Stop Service อะไรที่ไม่รู้ ไม่มี คุณไม่ต้องไปหาเอง เพียงมา SCB BUSINESS CENTER ที่นี่จะมีทุกเรื่องและเป็นทุกอย่างที่ตอบทุกโจทย์ธุรกิจของ SME เพราะ SCB ต้องการให้ SME เข้มแข็งไปด้วยกัน เนื่องจาก SME เป็นรากฐานสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ”