ห้องน้ำจีน– รถยนต์จีน นี่อาจจะทำให้นึกภาพความเป็นจีนในแบบที่ต้องใช้คำว่า “ของห่วย” ได้ชัดเจน เพราะตามคำบอกเล่าหรือประสบการณ์ตรงของคนที่ได้สัมผัสจากจีนจะพบว่า จีนอยู่ในจุดที่ต้องใช้คำว่า “ล้าหลัง” ด้วยเทคโนโลยีที่ทียบกับไทยแล้วอาจล้าหลังกว่าไทยถึง 10 ปี แต่นั่นมันอดีตเมื่อราว 5-6 ปีที่ผ่านมาหรืออาจมากกว่านั้น แต่ปัจจุบันหลังจากรัฐบาลจีนเปิดรับเทคโนโลยีและให้เปิดโอกาสสนับสนุนให้คนจีนทำธุรกิจ จีนก็พลิกโฉมในแบบ “ก้าวกระโดด”
เทคโนโลยี AI กำลังได้รับความสนใจจากคนจีนอย่างมาก ซึ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เข้าใจและเข้าถึงเทคโนโลยีได้มีแนวความคิดในการใช้ระบบ AI เข้ามาควบคุมระบบอิเลคทรอนิกส์ต่างๆ ในที่อยู่อาศัยผ่านการเชื่อมโยงผ่านอินเทอร์เน็ตหรือที่เรียกกันว่า “Smart Home” โดยบริษัทที่ปรึกษาทางการตลาดอย่าง Statista คาดว่า ตลาด Smart Home ในจีนปี 2018 นี้น่าจะมีมูลค่าตลาดรวมแตะ 1.3 แสนล้านหยวนหรือราว 2 หมื่นล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยราว 5 แสนล้านบาท โดยคาดว่าจะมีอัตราเติบโตราว 48% จากเดิมที่ในปี 2015 ตลาด Smart Home ในจีนที่มูลค่าตลาดรวมเพียงประมาณ 4 หมื่นล้านหยวนเท่านั้น
ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าของจีนจึงมีการปรับตัวขนานใหญ่ โดยเฉพาะส่วนงานของ R&D ที่มีการปรับเพื่อให้สามารถพัฒนานำระบบ AI เข้ามาใช้งาน อย่าง Midea Group ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ๋ของจีน ได้ประกาศตัวผลิตภัณฑ์ซีรี่ย์ใหม่ในรุ่น M-Smart ซึ่งเป็นการออกแบบมาเพื่อรองรับระบบ Smart Home ในอนาคต นอกจากนี้ Midea Group ยังร่วมมือกับ JD.com ผู้ให้บริการ e-Commerce รายใหญ่อันดับที่ 2 ของจีนในการขยายช่องการจำหน่ายผ่านรูปแบบการขายผ่านออนไลน์
นอกจากนี้ยังมีผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าของจีนรายอื่นๆ อย่าง Sichuan Changhong Electronic ผู้ผลิตทีวี, Xiaomi ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์, Raven H ผู้ผลิตลำโพง เป็นต้น เรียกว่าอุตสาหกรรม Smart Home ในจีนกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผ่านรูปแบบของ Internet of Thing (IoT) บนการส่งผ่านข้อมูลบริมาณมหาศาล (Big Data) และเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
ากมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์จีนอันยาวนานมากกว่า 1,000 ปีจะพบว่า จีนเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีมาตั้งแต่ยุคโบราณ จีนเป็นประเทศแรกที่มีเครื่องเตือนแผ่นดินไหว จีนยังเป็นชาติแรกที่ผลิตระเบิดได้ในรูปของ “ประทัด” เป็นต้น แต่หลังการปฏิวัติวัฒนธรรมจีนก็เริ่มปิดประเทศและดำดิ่งสู่วิถีชีวิตที่ไร้ซึ่งอารยธรรมและเทคโนโลยี จนกระทั่งผู้นำจีนคนสำคัญอย่าง เติ้ง เสี่ยว ผิง ที่เป็นผู้เริ่มจุดประกายความเจริญก้าวหน้าเล็กๆ ด้วยปณิธานที่ต้องการให้เศรษฐกิจจีนก้าวไปสู่เวทีโลก
หลังจากนั้นจีนก็ค่อยๆ เรียนรู้โลกภายนอก จนการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนมาสู่ยุคเฟื่องฟู ชนิดที่พลิกโฉมหน้าประเทศจีน จากประเทศที่ห้องน้ำสกปรกที่สุดในโลก การจราจรที่คับคั่งไปด้วยจักรยาน ผู้คนที่แก่งแย่งกันซื้อของด้วยเงินในมือ มาสู่การใช้ชีวิตแบบไร้เงินสด (Cashless) ไปสู่ Smart Home นั่นทำให้หันมองย้อนกลับมาดูที่ประเทศไทย แล้วสะท้อนให้เห็นว่า แม้ว่าประเทศไทยจะมีอินเทอร์เน็ตมาก่อนจีน จะมีระบบ 4G ที่ครอบคลุมพื้นที่มากกว่าจีน ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดีกว่าจีน แต่การพัฒนาของจีนด้านเทคโนโลยีรุดหน้ากว่าไทย จึงต้องมาหาสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร? และหากเรายังไม่ลืมตามาดูโลกความจริง อีกไม่นานประเทศไทยอาจจะได้ชื่อว่าล้าหลังกว่าจีน 10 ปีก็เป็นได้
Source: China Daily