เชื่อว่าพนักงานเงินเดือนอย่างเรา ๆ หลังจากที่ทุ่มเทเหน็ดเหนื่อยกับงานประจำในแต่ละปี สิ่งหนึ่งที่หลายคนคงคาดหวังไปตาม ๆ กันคงหนีไม่พ้นเรื่องการปรับเงินเดือน โบนัสและสวัสดิการ ล่าสุด วิลลิส ทาวเวอร์ส วัทสัน ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ที่พนักงานควรรู้ ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเพิ่มเงินของแต่ละกลุ่มอาชีพ โบนัส สวัสดิการใหม่ ๆ รวมสาเหตุการลาออกของพนักงาน หากไม่อยากเสียพนักงานมากฝีมือไป ต้องห้ามพลาดเด็ดขาด
จากรายงานการปรับเงินเดือนในประเทศไทยในช่วง 2559 ถึง 2561 พบว่าอัตราการเพิ่มเงินเดือนในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ มีค่าเฉลี่ยพื้นฐานอยู่ที่ 5.5 ต่ำสุดอยู่ที่ร้อยละ 4 (กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง ) สูงสุดอยู่ที่ร้อยละ 6 (กลุ่มประกันภัยและผู้จัดการทรัพย์สิน ) ด้านโบนัสประจำปี 2560 พบว่ากลุ่มอาชีพผู้จัดการทรัพย์สินได้รับโบนัสเยอะที่สุด 5.5 เดือน กลุ่มอาชีพที่ได้รับโบนัสน้อยที่สุดคือกลุ่มประกันภัยและกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ได้รับเพียง 1.8 เดือน
ด้านสวัสดิการพนักงานจำนวนไม่น้อยให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้น รวมถึงองค์กรต่าง ๆ ก็เริ่มให้ความสนใจเช่นกัน เพราะเชื่อว่าการมี work life balance ที่ดี จะสามารถสร้างแรงจูงใจในการทำงาน ช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและพนักงาน ดังนั้นฝากองค์กรไหนมีสวัสดิการที่ดี มักจะเก็บรักษาพนักงานที่มีฝีมือให้อยู่กับองค์กรได้นานยิ่งขึ้น
ดังนั้นมาดูกันว่าแนวโน้มของสวัสดิการที่จะกลายเป็นเทรนด์ในอนาคตข้างหน้ามีอะไรกันบ้าง
1. แผนสวัสดิการเพื่อครอบครัว เช่น สวัสดิการดูแลบูตร (childcare) ที่น่าสนใจคือ อนาคตพนักงานชายสามารถลาหยุดเพื่อไปเลี้ยงลูกได้ โดยไม่เกี่ยวกับสิทธิ์ลาพักร้อน
2. สวัสดิการเพื่อสภาวะการเงิน คือในอนาตคเราจะมีนายจ้างเข้ามาช่วยวางแผนโปรแกรมทางการเงินเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับพนักงาน
3. สวัสดิการเพื่อความเป็นอยู่ของพนักงาน นายจ้างมองครอบคลุมไปถึงการวางแผนเรื่องความเป็นอยู่ผ่านกิจกรรมนันทนาการ เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงด้านไลฟ์สไตล์
ส่วนสาเหตุขอการลาออกของพนักงาน 3 อันดับแรก มีดังนี้
1.มักมาจากความต้องการเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น
2.อยากมีความก้าวหน้าในสายงาน
3.ความสัมพันธ์กับหัวหน้างาน
ทั้งนี้ จากรายงานดังกล่าวเมื่อเปรียบเทียบอัตราการขึ้นเงินเดือนของประเทศไทยกับประเทศในเอเซียแปซิฟิก พบว่าประเทศไทยอยู่ในระดับกลาง ๆ ภาพรวมในไทยปีนี้ปรับขึ้นร้อยละ 5.2 และมีสัญญาณที่ดีในปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5.5 ส่วนประเทศที่มีการปรับอัตราเงินเยอะที่สุดคือ ประเทศอินเดียโดยเพิ่มร้อยละ 10 รองลงมาคือศรีลังการ้อยละ 8.6 และอินโดนีเซียร้อยละ 8.5 ส่วนประเทศที่มีการปรับเงินเดือนน้อยที่สุดตกเป็นประเทศญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 และออสเตเรียร้อยละ 3 เท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก Willis Towers Watson
Copyright © MarketingOops.com