ภาพรวมของตลาดเสริมความงามไทย ในเซกเมนต์ศัลยกรรมและการชะลอวัย เราพบว่ามีศักยภาพและเติบโตสูงขึ้นมาก เป็นผลมาจากความนิยมของกลุ่ม medical tourist ในไทยที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงานที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและความงาม
ทั้งนี้ จากการสำรวจของ EIC (Economic Intelligence Center โดย SCB) พบว่ากลุ่มคนวัยทำงานมีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ความงามมากถึง 60-80% และคนเริ่มหันมาสนใจสุขภาพและความงามตั้งแต่อายุยังน้อย โดยกลุ่มวัย 20-40 ปี มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ความงามมากที่สุดถึง 77% ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์การเติบโตของการบริการด้านชะลอวัยและศัลยกรรมที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งค่านิยมด้านความงามที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้ศัลยกรรมได้กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา ซึ่งปัจจุบันการทำศัลยกรรมไม่ได้มีความยุ่งยากเหมือนเมื่อก่อน เพราะมีแพทย์ที่เชี่ยวชาญมากขึ้นและมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย
และด้วยการเจริญเติบโตและแนวโน้มในการดำเนินธุรกิจที่ดีของธุรกิจเสริมความงาม ทำให้แม้แต่ “บอย ปกรณ์” พระเอกแถวหน้าที่สนใจในด้านธุรกิจหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจด้านแฟชั่น ก็ยังหันมาลุยในตลาดเสริมความงามนี้เช่นกัน เขาจึงได้ตัดสินใจร่วมลงทุนกับ “สลิม คอนเซ็ปต์” สถาบันเสริมความงามชื่อดัง ซึ่งตอนนี้ทะยานขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของตลาดกับระยะเวลาแค่ 5 ปีเท่านั้น ล่าสุดนี้ คุณหน่อง ธนา ฉัตรบริรักษ์ และคุณภัทร์ ฉัตรบริรักษ์ ได้ร่วมเป็นผู้ถือหุ้น Slim Concept และ Mariza Clinic สาขาเซ็นทรัลพระราม 2 โดยทั้ง 2 ท่านได้เข้าร่วมงานอบรมพนักงานประจำปี เพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรง
บอย–ปกรณ์ กล่าวถึงการร่วมลงทุนในครั้งนี้ว่า ได้ศึกษาตลาดและการลงทุนธุรกิจมาพอสมควร และเล็งเห็นว่าธุรกิจด้านสุขภาพและความงามในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และใกล้ตัวกับงานด้านการแสดงที่ต้องการการดูแลสุขภาพและผิวพรรณมากเป็นพิเศษ นอกจากนี้ เมื่อได้ศึกษาธุรกิจของ สลิม คอนเซ็ปต์ (ประเทศไทย) แล้ว มองเห็นอนาคตที่เติบโตไปข้างหน้า เพราะสลิม คอนเซ็ปต์มีการขยายแฟรนไชส์ของธุรกิจที่เพิ่มขึ้น และมีแผนขยายเป็น 30 สาขาทั่วประเทศภายใน 1 ปี เรียกได้ว่าตลาดให้การตอบรับดีมากจริงๆ ดังนั้น นอกจากการได้ร่วมงานในฐานะพรีเซ็นเตอร์แล้ว ตนจึงตัดสินใจขยับสถานะขอมาเป็นผู้ร่วมลงทุนด้วย
“ในแง่ของความคุ้มค่าในการลงทุนน่าสนใจมากๆ ผมจึงเลือกที่จะร่วมลงทุน และช่วยวางแผนในด้านการส่งเสริมการตลาด โปรโมชั่น แนะนำคอร์สต่างๆ อบรมการให้บริการ กับบุคลากร ร่วมกับสลิม คอนเซปต์ รวมถึงรับเชิญเป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ล่าสุดของสลิม คอนเซ็ปต์อีกด้วย”
และเพื่อให้สมกับการเป็นพรีเซ็นเตอร์ควบตำแหน่งหุ่นส่วนอย่าง บอย-ปกรณ์ Slim concept ก็ได้จัดทำวิดีโอโปรโมท ที่ยังคงสไตล์หล่อตลกนกไม่มีของพระเอกบอยอยู่ จะเป็นอย่างไรนั้นเชิญชมค่ะ
ด้วยความมั่นใจในโอกาสทางธุรกิขของตลาดความงามในบ้านเรา ซึ่งมีมูลค่กว่า 30,000 ล้านบาท สลิม คอนเซ็ป ประเทศไทย (Slim Concept Thailand) จึงตัดสินใจเปิดขายแฟรนไชส์สถาบันลดน้ำหนักระดับ World Class สาขาละ 20 ล้านบาท ด้วยงบลงทุนกว่า 200 ล้าน ขนาดพื้นที่กว่า 250 ตร.ม. ในการสร้างโมเดลสถาบันมาตรฐานความงามระดับโลก พร้อมตั้งเป้าไว้ว่าภายในเวลา 1 ปี จะมีแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นอีก 30 แห่ง
สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดที่ สลิม คอนเซ็ปฯ จะดึงมาใช้ มีหลายอย่างด้วยกัน เช่น การออกกิจกรรมส่งเสริมการขายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ที่มีสาขาของแบรนด์ตั้งอยู่ทั้ง 8 สาขา เพื่อเชิญชวนให้ลูกค้าได้ทดลองทรีทเม้นท์ ท้าลองเห็นผลจริงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ลูกค้าจึงเกิดความมั่นใจ ทำให้เกิดความพึงพอใจในผลลัพธ์ แล้วก็จะเกิดการซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งยังไม่ลืมกลุ่มลูกค้าปัจจุบัน โดยจะมีการทำ CRM กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมพิเศษต่างๆ เช่น การจัดกิจกรรม Meet & Greet โดยเชิญ Super Star ชั้นนำของไทยมาสร้างความบันเทิงใกล้ชิด ยกตัวอย่างกิจกรรมที่เพิ่งผ่านไปไม่นาน กับงาน Meet & Greet “ใหม่ เจริญปุระ”ซึ่งเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แล้ว
ที่สำคัญคือยังไม่ลืมการทำตลาดผ่านสื่อ Online โดยให้พรีเซ็นเตอร์ (ใหม่ เจริญปุระ) ถ่ายรูปลงอินสตาแกรม เพื่อโชว์ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์หลังจากได้ใช้ทรีทเม้นท์ของแบรนด์แล้วพบว่า จากเดิมเคยมีน้ำหนักตัวมากถึง 68 กก. ลดลงมาเหลือ 55-56 กก. จนสามารถกลับมาใส่ชุดว่ายน้ำโชว์หุ่นสวยเป๊ะได้อีกครั้ง เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในโปรดักส์ของแบรนด์นั่นเอง
เรียกได้ว่าทั้งหมดคือการสร้าง Customer Experience ให้ลูกค้าเกิดความประทับใจในทุกๆ Touch Point ของแบรนด์ Slim Concept
ปุณณภา เตชะโรจน์กุล ประธานกรรมการบริหาร สลิม คอนเซ็ป (ประเทศไทย) กล่าวว่า เราเชื่อมั่นจากที่ลงทุนสร้างโมเดลธุรกิจสถาบันลดน้ำหนัก และความงามระดับ Hi-end กว่า 8 สาขา ด้วยงบลงทุนกว่า 200 ล้านบาท ปัจจุบันได้ผลตอบรับอย่างดีเยื่ยม เมื่อเทียบกับคู่แข่ง เราจึงมั่นใจว่าบริษัทฯ มีความพร้อมที่จะขยายแฟรนไชส์ให้กับบุคคลทั่วไป ที่ไม่จำเป็นว่าต้องเคยทำกิจการด้านนี้มาก่อน ก็สามารถเป็นเจ้าของสถาบันความงามระดับ World Class ได้ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด
“ปัจจุบันมูลค่าตลาดดูแลรูปร่างและสัดส่วน รวมทั้งฟิตเนส อาหารเสริม มีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะผันผวนแค่ไหน แต่ตลาดด้านความงาม และรูปร่างยังคงเติบโต และกลุ่มคนที่ดูแลสุขภาพมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จึงเล็งเห็นช่องทางการเติบโตทางด้านนี้ได้อีกมาก นอกเหนือจากสถาบันลดสัดส่วนแล้ว บริษัทฯ ยังขยายด้านผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้านำกลับไปใช้ที่บ้านได้อีก รวมทั้งการพัฒนานวัตกรรม และสรรหาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ในการแก้ปัญหาเรื่องน้ำหนักและสัดส่วน และเพิ่มเรื่องความงามดูแลผิวหน้าเพิ่มเติม เนื่องจากลูกค้ามีความต้องการแลลครบวงจรมากขึ้น”
และเร็วๆ นี้ยังมีแผนนำเข้าเครื่องนวดสูญญกาศ นวัตกรรมและเทคโนโลยี ด้านความงาม ลิขสิทธิ์เพียงหนึ่งเดียวจากประเทศฝรั่งเศส ที่จะช่วยเรื่องการนวดและผ่อนคลายผิวพรรณ แบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน พร้อมช่วยเรื่องการลดริ้วรอย กระชับผิวให้ดูอ่อนกว่าวัยและช่วย ดีท็อกซ์สารพิษในร่างกาย ให้สวยและจากภายในสู่ภายนอกตั้งแต่หัวจรดเท้ามาให้บริการแก่ลูกค้าเพิ่มอีกด้วย
เป็นที่น่าจับตามากสำหรับตลาดธุรกิจเสริมความงามที่ตอนนี้ไทยขยายการลงทุนและเติบโตไปมาก น่าจะเป็นอีกธุรกิจที่ช่วยยกระดับเศรษฐกิจประเภทให้มั่นคงยิ่งขึ้น ไม่แน่ว่าเร็วๆ นี้เราอาจจะได้เห็นไทยขยับขึ้นเป็นคู่แข่งเกาหลีใต้ก็เป็นได้
